ผู้จัดการรายวัน360-“ไพบูลย์-เครือข่ายสตรีปกป้องพุทธฯ” ยื่นหนังสือต่ออธิบดีDSI หวังดำเนินคดีแพ่ง-อาญา “พระธัมมชโย” ให้ถึงที่สุด อ้างข้อหาเก่าฐานร่วมกับสหกรณ์ฯคลองจั่น ฟอกเงิน-ฉ้อโกง ปชช. แถสัญญาสมยอมที่สหกรณ์ทำร่วมกับกองทุนศิษย์ ช่วยให้พ้นผิดมากกว่าไม่เอื้อประโยชน์ผู้เสียหาย รมว.ยธ. ระบุ ลูกศิษย์ธรรมกายร้องศูนย์ดำรงธรรมในหลายจังหวัด ขอความเป็นธรรมให้ “ธัมมชโย” กดดันเจ้าหน้าที่รัฐไม่ได้ ขณะที่ลูกศิษย์ในหลายจังหวัด ยื่นหนังสือผ่านศูนย์ดำรงธรรม
วานนี้ (10 พ.ค.) กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นายไพบูลย์ นิติตะวัน อดีตประธานคณะกรรมการปฏิรูปแนวทางและมาตรการปกป้องพิทักษ์กิจการพระพุทธศาสนา สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) พร้อมด้วย นพ.มโน เลาหวณิช อดีตผู้อำนวยการสำนักการศึกษาและสำนักวิเทศสัมพันธ์ด้านการต่างประเทศ วัดพระธรรมกาย ร่วมกับเครือข่ายสตรีปกป้องพระพุทธศาสนา และตัวแทนกลุ่มสมาชิกผู้เสียหายสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จำกัด เดินทางเข้ายื่นหนังสือต่อ พ.ต.ท.สมบูรณ์ สาระสิทธิ์ รองอธิบดีดีเอสไอ และ พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผอ.ศูนย์บริหารคดีพิเศษ ดีเอสไอ เพื่อดำเนินคดีอาญาให้ถึงที่สุดต่อพระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ในฐานร่วมกับนายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานสหกรณ์ฯ คลองจั่น ผู้ต้องหาฉ้อโกงเงินฝากของประชาชน
ตนพร้อมเครือข่ายจึงนำหลักฐานที่ชี้ให้เห็นว่า สัญญากรรมการสหกรณ์ฯที่ได้ทำร่วมกับกองทุนศิษย์ของพระธัมมชโย เป็นสัญญาที่มีลักษณะไม่ได้ให้ประโยชน์กับประชาชนผู้เสียหาย ซึ่งเป็นสัญญาสมยอมช่วยเหลือพระธัมมชโย เพื่อให้พ้นจากการรับผิดทั้งทางแพ่งและอาญา ทั้งที่คดีอาญานั้น ทางสหกรณ์ฯไม่มีสิทธิ์ไปทำเรื่องสมยอม ส่วนคดีแพ่งพระธัมมชโยกับวัดพระธรรมกายมีทรัพย์สินที่สามารถบังคับคดีได้ เพื่อนำมาชดเชยให้กับสมาชิกสหกรณ์ฯผู้เสียหาย เป็นจำนวนเงินหลาย 10,000 ล้านบาท แต่กลับไปทำสัญญายอมกันด้วยจำนวนเงินที่ไม่มากและเงินดังกล่าวยังมีเงื่อนไขในสัญญาผูกพันลักษณะสำรองจ่าย
“ผมอยากทราบว่ากรรมการสหกรณ์ฯที่ทำงานในห้วงเวลาที่ทำให้เกิดความเสียหาย ทำไมจึงไม่ถูกดำเนินคดีในฐานะร่วมกันฉ้อโกงเงินฝากของประชาชนด้วย จึงเรียกร้องให้ดีเอสไอดำเนินการอย่างถึงที่สุดและจริงจัง แม้จะมีลูกศิษย์วัดบางส่วนออกมายื่นหนังสือต่อศูนย์ดำรงธรรมทั่วประเทศเพื่อให้ถอนฟ้องคดีดังกล่าว โดยอ้างว่าสหกรณ์ฯ ได้ถอนฟ้องแล้ว แต่ความจริงคือยังไม่มีการถอนฟ้องใดๆ เลย” นายไพบูลย์กล่าวอ้าง
ด้าน พ.ต.ท.สมบูรณ์กล่าวว่า ตนจะรับเรื่องดังกล่าวไว้ และนำไปยื่นให้แก่อธิบดีดีเอสไอเพื่อพิจารณาและดำเนินการสั่งการให้คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษต่อไป
**ลูกศิษย์ขอความเป็นธรรมให้"พระธัมมชโย"
วานนี้ (10 พ.ค.) จ.ส.อ.อธิคม คำจีน ประธานชมรมพะเยาพิทักษ์พระพุทธศาสนา และสมาชิกกว่า 50 คน ได้เข้ายื่นหนังสือผ่านศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดฯ และสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัด เพื่อขอความเป็นธรรมให้แก่พระเทพญาณมหามุนี หรือหลวงพ่อธัมมชโย ที่ถูกกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ DSI ออกหมายเรียก ในคดีพิเศษ 2722559 โดยมีนายปรีชา ลักษณะ หัวหน้าฝ่ายทรัพยากรบุคคล สำนักงานจังหวัดพะเยา รับเรื่อง
จ.ส.อ.อธิคมกล่าวว่า ทางชมรมฯ ไม่เห็นด้วยกับการออกหมายเรียกของ DSI เนื่องจากเคยมีการเรียกหลวงพ่อไปสอบสวนแล้ว และทราบว่าไม่มีความผิด เหตุใดจึงออกหมายเรียกอีก, มีการดำเนินคดีไปแล้ว และมีการดำเนินคดีซ้ำซ้อน ทำให้มองได้ว่าเจ้าหน้าที่รัฐขาดความเป็นธรรม มีการถอนฟ้องคดีจากโจทก์ไปแล้ว เหตุใดจึงมีการเรียกหรือรื้อฟื้นคดีขึ้นมาอีก ซึ่งทางชมรมฯ เห็นว่าคดีน่าจะจบไปแล้ว ด้วยเหตุนี้ทางชมรมพะเยาพิทักษ์พระพุทธศาสนาจึงเห็นว่าการกระทำของกรมสอบสวนคดีพิเศษไม่ได้ให้ความเป็นธรรมแก่พระเถระที่ตั้งใจทำความดี ทางชมรมฯ จึงขอร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ความเป็นธรรมแก่หลวงพ่อธัมมชโยด้วย
นายประโมทย์ พวงสุวรรณ ครูอาสาฟื้นฟูศีลธรรมโลก กล่าวว่า การที่กลุ่มปฏิบัติธรรมศิษย์วัดพระธรรมกายมายื่นหนังสือครั้งนี้ ก็เพื่อเป็นการช่วยปกป้องให้ความเป็นธรรมแก่พระเทพญาณมหามุนี (หลวงพ่อธัมมชโย) ไม่ให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ DSI ออกหมายเรียกในคดีพิเศษที่ 27/2559 เนื่องจาก 1. กรมสอบสวนคดีพิเศษหรือ DSI เคยมาสอบสวนหลวงพ่อในฐานะพยานในคดีแล้ว และ DSI ก็ทราบแล้วหลวงพ่อธัมมชโยไม่ผิด ทำไมจึงยังมากล่าวหาท่านอีก 2. มีการสอบสวนอยู่ในคดีที่ 146/2556 และ 63/2557 อยู่แล้วทำไมมีการดำเนินคดีซ้ำซ้อนขึ้นอีก ซึ่งเป็นการขัดต่อกฎหมายที่ว่ากลุ่มเดียวจะดำเนินคดีซ้ำซ้อนไม่ได้เช่นนี้แล้วหรือว่าเจ้าหน้าที่รัฐมีความเป็นธรรมหรือไม่ และ 3. ชาวพุทธและลูกศิษย์วัดพระธรรมกายตั้งกองทุนเยียวยาช่วยเหลือสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนเป็นเงินจำนวน 684.78 ล้านบาท และสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนได้ถอนฟ้องพระเทพญาณมหามุนีและวัดพระธรรมกายพร้อมทำหนังสือแสดงเจตจำนงไม่ประสงค์จะดำเนินคดีทั้งทางแพ่งและทางอาญากับพระเทพญาณมหามุนีและวัดพระธรรมกาย ซึ่งได้ทำหนังสือขอบคุณมายังคณะลูกศิษย์ถือว่าคดีจบแล้วแล้วยังมาฟ้องเอาผิดเพื่ออะไร
***"ไพบูลย์"อ้างกระบวนการยุติธรรม
วานนี้ (10 พ.ค.) กระทรวงยุติธรรม (ยธ.) พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวว่า การที่ลูกศิษย์วัดพระธรรมกายไปยื่นเรื่องตามศูนย์ธำรงธรรมจังหวัดต่างๆ ไม่สามารถกดดันการทำงานของเจ้าหน้าที่ได้ เนื่องจากต้องเป็นไปตามกระบวนการของกฎหมายและเจ้าหน้าที่ก็ทำตามกฎหมายเช่นกัน โดยในวันที่ 16 พ.ค.นี้ก็จะดำเนินการตามปกติ
วานนี้ (10 พ.ค.) กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นายไพบูลย์ นิติตะวัน อดีตประธานคณะกรรมการปฏิรูปแนวทางและมาตรการปกป้องพิทักษ์กิจการพระพุทธศาสนา สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) พร้อมด้วย นพ.มโน เลาหวณิช อดีตผู้อำนวยการสำนักการศึกษาและสำนักวิเทศสัมพันธ์ด้านการต่างประเทศ วัดพระธรรมกาย ร่วมกับเครือข่ายสตรีปกป้องพระพุทธศาสนา และตัวแทนกลุ่มสมาชิกผู้เสียหายสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จำกัด เดินทางเข้ายื่นหนังสือต่อ พ.ต.ท.สมบูรณ์ สาระสิทธิ์ รองอธิบดีดีเอสไอ และ พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผอ.ศูนย์บริหารคดีพิเศษ ดีเอสไอ เพื่อดำเนินคดีอาญาให้ถึงที่สุดต่อพระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ในฐานร่วมกับนายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานสหกรณ์ฯ คลองจั่น ผู้ต้องหาฉ้อโกงเงินฝากของประชาชน
ตนพร้อมเครือข่ายจึงนำหลักฐานที่ชี้ให้เห็นว่า สัญญากรรมการสหกรณ์ฯที่ได้ทำร่วมกับกองทุนศิษย์ของพระธัมมชโย เป็นสัญญาที่มีลักษณะไม่ได้ให้ประโยชน์กับประชาชนผู้เสียหาย ซึ่งเป็นสัญญาสมยอมช่วยเหลือพระธัมมชโย เพื่อให้พ้นจากการรับผิดทั้งทางแพ่งและอาญา ทั้งที่คดีอาญานั้น ทางสหกรณ์ฯไม่มีสิทธิ์ไปทำเรื่องสมยอม ส่วนคดีแพ่งพระธัมมชโยกับวัดพระธรรมกายมีทรัพย์สินที่สามารถบังคับคดีได้ เพื่อนำมาชดเชยให้กับสมาชิกสหกรณ์ฯผู้เสียหาย เป็นจำนวนเงินหลาย 10,000 ล้านบาท แต่กลับไปทำสัญญายอมกันด้วยจำนวนเงินที่ไม่มากและเงินดังกล่าวยังมีเงื่อนไขในสัญญาผูกพันลักษณะสำรองจ่าย
“ผมอยากทราบว่ากรรมการสหกรณ์ฯที่ทำงานในห้วงเวลาที่ทำให้เกิดความเสียหาย ทำไมจึงไม่ถูกดำเนินคดีในฐานะร่วมกันฉ้อโกงเงินฝากของประชาชนด้วย จึงเรียกร้องให้ดีเอสไอดำเนินการอย่างถึงที่สุดและจริงจัง แม้จะมีลูกศิษย์วัดบางส่วนออกมายื่นหนังสือต่อศูนย์ดำรงธรรมทั่วประเทศเพื่อให้ถอนฟ้องคดีดังกล่าว โดยอ้างว่าสหกรณ์ฯ ได้ถอนฟ้องแล้ว แต่ความจริงคือยังไม่มีการถอนฟ้องใดๆ เลย” นายไพบูลย์กล่าวอ้าง
ด้าน พ.ต.ท.สมบูรณ์กล่าวว่า ตนจะรับเรื่องดังกล่าวไว้ และนำไปยื่นให้แก่อธิบดีดีเอสไอเพื่อพิจารณาและดำเนินการสั่งการให้คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษต่อไป
**ลูกศิษย์ขอความเป็นธรรมให้"พระธัมมชโย"
วานนี้ (10 พ.ค.) จ.ส.อ.อธิคม คำจีน ประธานชมรมพะเยาพิทักษ์พระพุทธศาสนา และสมาชิกกว่า 50 คน ได้เข้ายื่นหนังสือผ่านศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดฯ และสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัด เพื่อขอความเป็นธรรมให้แก่พระเทพญาณมหามุนี หรือหลวงพ่อธัมมชโย ที่ถูกกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ DSI ออกหมายเรียก ในคดีพิเศษ 2722559 โดยมีนายปรีชา ลักษณะ หัวหน้าฝ่ายทรัพยากรบุคคล สำนักงานจังหวัดพะเยา รับเรื่อง
จ.ส.อ.อธิคมกล่าวว่า ทางชมรมฯ ไม่เห็นด้วยกับการออกหมายเรียกของ DSI เนื่องจากเคยมีการเรียกหลวงพ่อไปสอบสวนแล้ว และทราบว่าไม่มีความผิด เหตุใดจึงออกหมายเรียกอีก, มีการดำเนินคดีไปแล้ว และมีการดำเนินคดีซ้ำซ้อน ทำให้มองได้ว่าเจ้าหน้าที่รัฐขาดความเป็นธรรม มีการถอนฟ้องคดีจากโจทก์ไปแล้ว เหตุใดจึงมีการเรียกหรือรื้อฟื้นคดีขึ้นมาอีก ซึ่งทางชมรมฯ เห็นว่าคดีน่าจะจบไปแล้ว ด้วยเหตุนี้ทางชมรมพะเยาพิทักษ์พระพุทธศาสนาจึงเห็นว่าการกระทำของกรมสอบสวนคดีพิเศษไม่ได้ให้ความเป็นธรรมแก่พระเถระที่ตั้งใจทำความดี ทางชมรมฯ จึงขอร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ความเป็นธรรมแก่หลวงพ่อธัมมชโยด้วย
นายประโมทย์ พวงสุวรรณ ครูอาสาฟื้นฟูศีลธรรมโลก กล่าวว่า การที่กลุ่มปฏิบัติธรรมศิษย์วัดพระธรรมกายมายื่นหนังสือครั้งนี้ ก็เพื่อเป็นการช่วยปกป้องให้ความเป็นธรรมแก่พระเทพญาณมหามุนี (หลวงพ่อธัมมชโย) ไม่ให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ DSI ออกหมายเรียกในคดีพิเศษที่ 27/2559 เนื่องจาก 1. กรมสอบสวนคดีพิเศษหรือ DSI เคยมาสอบสวนหลวงพ่อในฐานะพยานในคดีแล้ว และ DSI ก็ทราบแล้วหลวงพ่อธัมมชโยไม่ผิด ทำไมจึงยังมากล่าวหาท่านอีก 2. มีการสอบสวนอยู่ในคดีที่ 146/2556 และ 63/2557 อยู่แล้วทำไมมีการดำเนินคดีซ้ำซ้อนขึ้นอีก ซึ่งเป็นการขัดต่อกฎหมายที่ว่ากลุ่มเดียวจะดำเนินคดีซ้ำซ้อนไม่ได้เช่นนี้แล้วหรือว่าเจ้าหน้าที่รัฐมีความเป็นธรรมหรือไม่ และ 3. ชาวพุทธและลูกศิษย์วัดพระธรรมกายตั้งกองทุนเยียวยาช่วยเหลือสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนเป็นเงินจำนวน 684.78 ล้านบาท และสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนได้ถอนฟ้องพระเทพญาณมหามุนีและวัดพระธรรมกายพร้อมทำหนังสือแสดงเจตจำนงไม่ประสงค์จะดำเนินคดีทั้งทางแพ่งและทางอาญากับพระเทพญาณมหามุนีและวัดพระธรรมกาย ซึ่งได้ทำหนังสือขอบคุณมายังคณะลูกศิษย์ถือว่าคดีจบแล้วแล้วยังมาฟ้องเอาผิดเพื่ออะไร
***"ไพบูลย์"อ้างกระบวนการยุติธรรม
วานนี้ (10 พ.ค.) กระทรวงยุติธรรม (ยธ.) พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวว่า การที่ลูกศิษย์วัดพระธรรมกายไปยื่นเรื่องตามศูนย์ธำรงธรรมจังหวัดต่างๆ ไม่สามารถกดดันการทำงานของเจ้าหน้าที่ได้ เนื่องจากต้องเป็นไปตามกระบวนการของกฎหมายและเจ้าหน้าที่ก็ทำตามกฎหมายเช่นกัน โดยในวันที่ 16 พ.ค.นี้ก็จะดำเนินการตามปกติ
![อดีตศิษย์ธรรมกายแนะ DSI เชิญ “สมเด็จช่วง” เป็นตัวกลางแจ้งข้อกล่าวหาธัมมชโย [ชมคลิป]](https://mpics.mgronline.com/pics/Images/resize/184x104/559000005497901.JPEG)