MGR Online - นพ.มโน เลาหวณิช อดีตศิษย์เอกวัดพระธรรมกายเผยระหว่างพบดีเอสไอ แนะควรหาทางออกอย่างละมุนละม่อมโดยเชิญ “สมเด็จช่วง” เจ้าอาวาสวัดปากน้ำ พระอุปัชฌาย์ของธัมมชโยโดยตรง เกรงเผชิญหน้ากับลูกศิษย์วัดและพระหลายพัน ไม่เชื่อเจ้าอาวาสธรรมกายอาพาธหนัก
สืบเนื่องจากกรณีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ ขออนุมัติศาลออกหมายจับพระเทพญาณมหามุนี หรือพระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ในคดีความผิดฐานสมคบกันฟอกเงิน ร่วมกันฟอกเงิน และร่วมกันรับของโจร หลังมีชื่อเป็นผู้รับเช็คบริจาคของนายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จำกัด และให้เดินทางมารับทราบข้อกล่าวหา วานนี้ (26 พ.ค.) ก่อนได้มีการย้ายสถานที่ไปยัง สภ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ตามที่นายสัมพันธ์ เสริมชีพ ทนายความติดต่อมา แต่สุดท้ายได้รับแจ้งว่าพระธัมมชโยเกิดอาพาธกะทันหันทำให้ไม่สามารถเดินทางมาได้ตามกำหนดนัดหมาย
ล่าสุด วันนี้ (27 พ.ค.) เวลา 10.00 น. กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พ.ต.ท.ปกรณ์ สุชีวกุล ผู้บัญชาการสำนักคดีการเงินการธนาคาร ดีเอสไอ เดินทางมาร่วมประชุมคณะพนักงานสอบสวนคดีที่ 27/2559 ทั้งนี้ได้มีการเชิญ นพ.มโน เลาหวณิช อดีตลูกศิษย์วัดพระธรรมกาย เข้าร่วมหารือ
นพ.มโนเปิดเผยว่า ตนมาตามคำเชิญของ พ.ต.ท.ปกรณ์ เพื่อให้คำแนะนำและหาทางออกคดีพระธัมมชโยอย่างละมุนละม่อม ไม่อยากให้เสียเลือดเนื้อหรือเกิดการเผชิญหน้ากับกำแพงมนุษย์ โดยมีทางออกที่เป็นไปได้คือต้องมีพระเถระผู้ใหญ่ สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ หรือสมเด็จช่วง เจ้าอาวาสวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ ผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนสมเด็จพระสังฆราช เนื่องจากเป็นพระอุปัชฌาย์ของพระธัมมชโยโดยตรง และจะเป็นผู้ประนีประนอมพร้อมนำเจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้น เพราะขณะนี้มีลูกศิษย์อยู่ในวัดพระธรรมกายกว่า 5,000 คน รวมถึงพระสงฆ์อีกราว 500 รูป ถือเป็นเรื่องไม่ดีหากเกิดการเผชิญหน้ากับเจ้าหน้าที่ที่เข้าไปจับกุมไม่สะดวกและควรใช้วิธีการเจรจาดีกว่า
นพ.มโนกล่าวอีกว่า ส่วนตำแหน่งที่อยู่ของพระธัมมชโยรู้แล้วว่าอยู่ไหนและมีใครบ้าง การเข้าไปในวัดต้องมีบุคคลน่าเชื่อถือ โดยสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์จะมาเองหรือมอบอำนาจให้ตัวแทนถือสารมาย่อมทำได้ ส่วนอาการอาพาธนั้นตนคิดว่าไม่เป็นเรื่องจริง และที่ผ่านมาพระธัมมชโยไม่มีเจตนาเข้ามอบตัวต่อพนักงานสอบสวน โดยวันที่ 26 พ.ค.ที่ผ่านมาเหล่าบรรดาลูกศิษย์กลุ่มหนึ่งคิดว่าการมอบตัวจะเป็นทางออกดีที่สุด แต่พระธัมมชโยจิตใจยังไม่พร้อมเนื่องจากทราบว่ามีแพทย์มาด้วยจึงรีบกลับเข้าวัดพระธรรมกาย ทั้งนี้ โรคเกี่ยวกับการอุดตันของเส้นเลือดดำนั้นตนให้ความเห็นว่าผู้ป่วยต้องเดินเพื่อให้เลือดหมุนเวียน
“พอมีหมอมาด้วยนี่ ธัมมชโยตัดสินใจครั้งสุดท้ายเลย ไม่มาแน่ ไม่ใช่เพราะกลัวตำรวจนะครับ เพราะว่ามีสัญญากันไว้เรียบร้อยแล้ว แต่มีหมอมาด้วย อันนี้น่ากลัวกว่า ทั้งนี้ เมื่อปี 2542 สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์เคยพาพระธัมมชโยไปมอบตัวและประกันตัวมาแล้ว ครั้งนี้เชื่อว่าสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์เป็นผู้เหมาะสมที่สุดเนื่องจากเป็นผู้บังคับบัญชาโดยตรง อย่างไรก็ตาม ไม่อยากให้เกิดภาพความรุนแรงจะส่งผลถึงภาพลักษณ์ของศาสนา” นพ.มโนกล่าว
ต่อมา เวลา 11.00 น. นพ.ดร.มโน เลาหวณิจ เปิดเผยหลังการร่วมประชุมหารือแนวทางเกี่ยวกับคดีของพระธัมมชโย ว่าทางพนังงานสอบสวนดีเอสไอได้รับแผนที่ตนเองได้นำเสนอไป และวันนี้ พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ อาจจะต้องเดินทางเข้าไปพบสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ หรือสมเด็จช่วง ที่วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ ด้วยตัวเอง เพื่อขอให้ท่านช่วยเป็นคนกลางในการไกล่เกลี่ยให้พระธัมมชโยเข้ามอบตัว และจะได้ไม่เกิดความรุนแรง เพราะตนเองเชื่อมั่นว่าสมเด็จช่วงเป็นคนไกล่เกลี่ยได้อย่างดี เพราะเป็นผู้ที่อุปัชฌาย์ให้พระธัมมชโย เปรียบเสมือนลูกศิษย์กับอาจารย์
นพ.มโนเปิดเผยต่ออีกว่า ทางพนังงานสอบสวนดีเอสไอจะเร่งดำเนินการให้เสร็จภายในวันนี้ ส่วนเรื่องคดีความของพระธัมมชโยขอให้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมอย่างถูกต้องตามกฎหมาย