มท.กำชับงบหมู่บ้าน 2 แสน แนะต่อยอดโครงการพระราชดำริ ห้ามซื้อของแจก-ดูงาน-ทำในเขตป่าสงวน สั่งลงพื้นที่ตรวจงานเดือนละ 2 ครั้ง ขณะที่นายกฯ แนะคนไทยปรับตัวรับการค้ารูปแบบใหม่ มองหาช่องทางยกระดับเป็นผู้ผลิตมากกว่าเป็นเพียงผู้บริโภค
นายกฤษฎา บุญราช ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงการบริหารโครงการงบประมาณหมู่บ้านละ 2 แสนบาท ตามโครงการประชารัฐ ว่า โครงการนี้ ดำเนินการช่วงวันที่ 1 พ.ค.-31 ก.ค. 59 โดยประชาชนเป็นผู้เสนอ และดำเนินการด้วยตัวเอง ใช้การทำประชาคมในหมู่บ้าน ให้นายอำเภอ อนุมัติ และให้จังหวัดเห็นชอบ โดยสิ่งที่ไม่ควรทำในโครงการนี้ อาทิ ซื้อของมาแจก อบรมพาไปดูงาน และโครงการที่ทำในเขตป่าสงวน และที่ดินสาธารณะ แต่สิ่งที่ควรทำ อาทิ ต่อยอด ขยายผลจากโครงการพระราชดำริ หรือ ขยายผลต่อยอดโครงการทำอยู่แล้ว ตั้งแต่โครงการตำบล 5 ล้าน โครงการองค์กรปกครองส่อนท้องถิ่นที่ใช้เงินสะสมเหลือจ่ายอยู่ ซึ่งนายอำเภอต้องพิจารณว่า โครงการใดควรทำ และมีควรทำ แต่จะต้องไม่มีการทับซ้อนกัน
"ขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัด ขอความร่วมมือหน่วยราชการขอกำลังเจ้าหน้าที่เพื่อแบ่งพื้นที่ในแต่ตำบลพร้อมตั้งคณะทำงาน เพื่อติดตามผลโครงการนี้ และให้ลงพื้นที่เดือนละ 2 ครั้ง รวม 3 เดือนเป็น 6 ครั้ง เพื่อตรวจสอบโครงการว่าดำเนินการงบ 2 แสนบาท จริงหรือไม่ ดำเนินการเรื่องอะไร ใครได้ประโยชน์ ดำเนินการเสร็จเมื่อใด รวมถึงการรับฟังปัญหาในพื้นที่ ทั้งนี้ ขอกำชับ อย่าให้มีเรื่องที่ไม่โปร่งใสเกิดขึ้นเด็ดขาด เพราะที่ผ่านมาภาพพจน์ข้าราชการมหาดไทยดีขึ้นมาก ก็ขอให้ทำดีต่อไป" นายกฤษฎา กล่าว
ด้านพล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ฝากข้อเสนอแนะไปยังพี่น้องประชาชนว่า ประเทศไทยและคนไทยต้องปรับแนวคิดเพื่อรองรับการค้าขายรูปแบบใหม่ในโลก คือ การใช้เทคโนโลยีเข้ามาอำนวยความสะดวกรวดเร็วในการค้าขาย ในการจัดระบบกระจายสินค้า และการพัฒนารูปแบบสินค้าให้ มีทั้งประโยชน์ใช้งานและความสวยงามจูงใจให้ซื้อ รวมทั้งตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค
"อย่างการปลูกข้าว หากยังคงปลูกข้าวคุณภาพไม่สูง ก็จะไม่ได้ราคาดี และต้องคอยรับโครงการความช่วยเหลือจากภาครัฐ ไปตลอด แต่หากปรับเปลี่ยนเป็นการปลูกข้าวพันธุ์ดี ข้าวปลอดสารตกค้าง ก็จะสามารถจำหน่ายได้ในราคาสูง หากเพิ่มการพัฒนาหีบห่อ บรรจุภัณฑ์ การทำการตลาด และใช้เทคโนโลยีเข้ามาบริหารจัดการ ก็สามารถส่งออกไปยังตลาดที่มีกำลังซื้อและต้องการสินค้าคุณภาพสูงได้"
พล.ต.สรรเสริญ กล่าวต่อว่า บางท่านอาจคิดว่าช่วงเวลา ศก.ตกต่ำ ทำอะไรก็คงลำบาก แต่หากมองอีกมุมหนึ่งจะพบว่า แม้ศก.โลกตกต่ำ แต่ผู้ประกอบการจำนวนมาก ยังคงมีกำไรมหาศาล และมีผู้ประกอบการหน้าใหม่เกิดขึ้นตลอดเวลา ส่วนหนึ่งเป็นเพราะระบบการค้าเปลี่ยนรูปแบบไป อาทิ จากที่เคยเดินเลือกซื้อของในห้างร้าน บางคนก็เปลี่ยนเป็นการเลือกซื้อผ่าน onlines แทน กล่าวโดยรวมๆคือ ผู้บริโภคไม่ได้หายไปไหน แต่เปลี่ยนพฤติกรรมการใช้จ่าย อยู่ที่ใครจะสามารถสร้างช่องทางให้ผู้บริโภคเข้าถึงสินค้าของตัวเองได้มากและสะดวกรวดเร็ว
"ท่านนายกฯ ฝากย้ำว่า ประเทศไทยจะเจริญก้าวหน้า และไม่ตกขบวนการเปลี่ยนแปลงของโลก คนไทยต้องช่วยกันยกระดับจากการเป็นผู้บริโภค ผู้ซื้อสินค้า เพียงสถานะเดียว ไปสู่การเป็นผู้ผลิต ด้วยการสร้าง การคิด การประดิษฐ์นวัตกรรมเพื่อแข่งขันกับนานาชาติได้ เชื่อว่าโอกาสในการเติบโตทางเศรษฐกิจยังมีอีกมาก ยกตัวอย่าง ผู้นำชุมชนแห่งหนึ่งในจังหวัดกระบี่ ที่ใช้ความคิดและความรู้เปลี่ยนแปลงชุมชนจนเจริญก้าวหน้า โดยโครงการหนึ่งที่ทำคือ ให้พี่น้องประชาชนรวบรวมกะลามะพร้าวที่ทิ้งแล้ว เอามาทำถ่านอัดแท่ง ขายให้ร้านปิ้งย่าง ทั้งหลาย เพราะเป็นถ่านคุณภาพดี คนในชุมชนก็มีความสุข มีรายได้ ดูแลตนเองและครอบครัว ท่านนายกฯ เชื่อว่ามีตัวอย่างดีๆ เช่นนี้อีกมากในประเทศไทย หากร่วมมือกัน เชื่อมต่อกัน ประเทศจะก้าวหน้าอีกมาก" พล.ต.สรรเสริญกล่าว
นายกฤษฎา บุญราช ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงการบริหารโครงการงบประมาณหมู่บ้านละ 2 แสนบาท ตามโครงการประชารัฐ ว่า โครงการนี้ ดำเนินการช่วงวันที่ 1 พ.ค.-31 ก.ค. 59 โดยประชาชนเป็นผู้เสนอ และดำเนินการด้วยตัวเอง ใช้การทำประชาคมในหมู่บ้าน ให้นายอำเภอ อนุมัติ และให้จังหวัดเห็นชอบ โดยสิ่งที่ไม่ควรทำในโครงการนี้ อาทิ ซื้อของมาแจก อบรมพาไปดูงาน และโครงการที่ทำในเขตป่าสงวน และที่ดินสาธารณะ แต่สิ่งที่ควรทำ อาทิ ต่อยอด ขยายผลจากโครงการพระราชดำริ หรือ ขยายผลต่อยอดโครงการทำอยู่แล้ว ตั้งแต่โครงการตำบล 5 ล้าน โครงการองค์กรปกครองส่อนท้องถิ่นที่ใช้เงินสะสมเหลือจ่ายอยู่ ซึ่งนายอำเภอต้องพิจารณว่า โครงการใดควรทำ และมีควรทำ แต่จะต้องไม่มีการทับซ้อนกัน
"ขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัด ขอความร่วมมือหน่วยราชการขอกำลังเจ้าหน้าที่เพื่อแบ่งพื้นที่ในแต่ตำบลพร้อมตั้งคณะทำงาน เพื่อติดตามผลโครงการนี้ และให้ลงพื้นที่เดือนละ 2 ครั้ง รวม 3 เดือนเป็น 6 ครั้ง เพื่อตรวจสอบโครงการว่าดำเนินการงบ 2 แสนบาท จริงหรือไม่ ดำเนินการเรื่องอะไร ใครได้ประโยชน์ ดำเนินการเสร็จเมื่อใด รวมถึงการรับฟังปัญหาในพื้นที่ ทั้งนี้ ขอกำชับ อย่าให้มีเรื่องที่ไม่โปร่งใสเกิดขึ้นเด็ดขาด เพราะที่ผ่านมาภาพพจน์ข้าราชการมหาดไทยดีขึ้นมาก ก็ขอให้ทำดีต่อไป" นายกฤษฎา กล่าว
ด้านพล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ฝากข้อเสนอแนะไปยังพี่น้องประชาชนว่า ประเทศไทยและคนไทยต้องปรับแนวคิดเพื่อรองรับการค้าขายรูปแบบใหม่ในโลก คือ การใช้เทคโนโลยีเข้ามาอำนวยความสะดวกรวดเร็วในการค้าขาย ในการจัดระบบกระจายสินค้า และการพัฒนารูปแบบสินค้าให้ มีทั้งประโยชน์ใช้งานและความสวยงามจูงใจให้ซื้อ รวมทั้งตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค
"อย่างการปลูกข้าว หากยังคงปลูกข้าวคุณภาพไม่สูง ก็จะไม่ได้ราคาดี และต้องคอยรับโครงการความช่วยเหลือจากภาครัฐ ไปตลอด แต่หากปรับเปลี่ยนเป็นการปลูกข้าวพันธุ์ดี ข้าวปลอดสารตกค้าง ก็จะสามารถจำหน่ายได้ในราคาสูง หากเพิ่มการพัฒนาหีบห่อ บรรจุภัณฑ์ การทำการตลาด และใช้เทคโนโลยีเข้ามาบริหารจัดการ ก็สามารถส่งออกไปยังตลาดที่มีกำลังซื้อและต้องการสินค้าคุณภาพสูงได้"
พล.ต.สรรเสริญ กล่าวต่อว่า บางท่านอาจคิดว่าช่วงเวลา ศก.ตกต่ำ ทำอะไรก็คงลำบาก แต่หากมองอีกมุมหนึ่งจะพบว่า แม้ศก.โลกตกต่ำ แต่ผู้ประกอบการจำนวนมาก ยังคงมีกำไรมหาศาล และมีผู้ประกอบการหน้าใหม่เกิดขึ้นตลอดเวลา ส่วนหนึ่งเป็นเพราะระบบการค้าเปลี่ยนรูปแบบไป อาทิ จากที่เคยเดินเลือกซื้อของในห้างร้าน บางคนก็เปลี่ยนเป็นการเลือกซื้อผ่าน onlines แทน กล่าวโดยรวมๆคือ ผู้บริโภคไม่ได้หายไปไหน แต่เปลี่ยนพฤติกรรมการใช้จ่าย อยู่ที่ใครจะสามารถสร้างช่องทางให้ผู้บริโภคเข้าถึงสินค้าของตัวเองได้มากและสะดวกรวดเร็ว
"ท่านนายกฯ ฝากย้ำว่า ประเทศไทยจะเจริญก้าวหน้า และไม่ตกขบวนการเปลี่ยนแปลงของโลก คนไทยต้องช่วยกันยกระดับจากการเป็นผู้บริโภค ผู้ซื้อสินค้า เพียงสถานะเดียว ไปสู่การเป็นผู้ผลิต ด้วยการสร้าง การคิด การประดิษฐ์นวัตกรรมเพื่อแข่งขันกับนานาชาติได้ เชื่อว่าโอกาสในการเติบโตทางเศรษฐกิจยังมีอีกมาก ยกตัวอย่าง ผู้นำชุมชนแห่งหนึ่งในจังหวัดกระบี่ ที่ใช้ความคิดและความรู้เปลี่ยนแปลงชุมชนจนเจริญก้าวหน้า โดยโครงการหนึ่งที่ทำคือ ให้พี่น้องประชาชนรวบรวมกะลามะพร้าวที่ทิ้งแล้ว เอามาทำถ่านอัดแท่ง ขายให้ร้านปิ้งย่าง ทั้งหลาย เพราะเป็นถ่านคุณภาพดี คนในชุมชนก็มีความสุข มีรายได้ ดูแลตนเองและครอบครัว ท่านนายกฯ เชื่อว่ามีตัวอย่างดีๆ เช่นนี้อีกมากในประเทศไทย หากร่วมมือกัน เชื่อมต่อกัน ประเทศจะก้าวหน้าอีกมาก" พล.ต.สรรเสริญกล่าว