ศาลให้ประกันตัว "แม่จ่านิว" วงเงิน 5 แสน พร้อมเงื่อนไขห้ามเดินทางออกนอกประเทศ ห้ามยุยงปลุกปั่น ห้ามชุมนุมทางการเมือง ด้าน สมช.เตือนกลุ่มเคลื่อนไหวอย่าล้ำเส้นกฎหมาย "ยิ่งลักษณ์" โพสต์รูปถือช่อดอกไม้ บอกเป็นกำลังใจให้กับผู้รักประชาธิปไตย "นิพิฏฐ์" แนะรัฐบาลชี้แจงให้ประชาชนเข้าใจ ก่อนถูกโยง ม.112 กับการทำประชามติ
เมื่อเวลา 07.30 น. วานนี้ (8 พ.ค.) ที่ศาลทหารกรุงเทพ พ.ต.ท.สัณห์เพชร หนูทอง พนักงานสอบสวนผู้ชำนาญการพิเศษ กองกำกับการ 3 กองบังคับการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ปอท.)ได้เดินทางมาพร้อม น.ส.พัฒน์นรี หรือ หนึ่งนุช ชาญกิจ มารดา ของนายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ หรือ “จ่านิว” ที่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจออกหมายจับในข้อหาร่วมกันกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ผู้ใดหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จ ราชการแทนพระองค์ โดยได้นำตัวมาฝากขังผัดแรกต่อศาลทหาร
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า น.ส.พัฒน์นรี เดินทางมาศาลด้วยสีหน้าเรียบเฉย ถือสัมภาระเสื้อผ้า โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมมาเพียง 2 นาย
ด้าน น.ส.คุ้มเกล้า ส่งสมบรูณ์ ทีมทนายความ น.ส.พัฒน์นรี กล่าวว่าทีมทนายได้นำเอกสารหลักฐาน เพื่อคัดค้านประเด็นการสอบสวน ซึ่งผู้ต้องหาไม่มีพฤติการณ์ที่จะหลบหนี เพราะเดินทางมาพบพนักงานสอบสวนตามหมายจับ ซึ่ง น.ส.พัฒน์นรี ได้ให้การปฏิเสธมาโดยตลอด
โดยหลักฐานที่เตรียมมา ก็เป็นหลักฐานที่คัดค้านการฝากขัง และหลักทรัพย์การประกันตัวในวงเงิน 500,000 บาท
ต่อมาเวลา 08.30 น. นายธีรพันธุ์ พันธุ์คีรี ทนายความได้เดินทางมายังศาลทหาร โดยกล่าวเพียงสั้นๆว่า ทางทนาย จะค้านการฝากขัง โดยได้นำหลักฐานต่างๆ พร้อมเงินสดมาขอประกันตัวในชั้นฝากขัง
ด้านนายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ หรือ “จ่านิว”เดินทางมายังศาลทหาร ด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียด โดยไม่ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนแต่อย่างใด
ต่อมา เวลา 09.30 น. ตุลาการศาลทหารนั่งบัลลังก์ พิจารณาคำร้องขอฝากขัง โดยพนักงานสอบสวนร้องขอฝากขังเป็นเวลา 12 วัน โดยให้เหตุผลว่า ต้องสอบพยานเพิ่มเติมอีก 7 ปาก และต้องตรวจสอบคอมพิวเตอร์ของผู้ต้องหาที่ยึดมาได้ รวมถึงโทรศัพท์มือถือ พร้อมทั้งตรวจสอบประวัติ ลายนิ้วมือ รวมถึงคดีมีอัตราโทษสูงเกิน 10 ปี
โดยทีมทนายความของ น.ส.พัฒน์นรี ได้คัดค้านการฝากขังต่อศาลใน 4 ประเด็น คือ 1. ผู้ต้องหาไม่มีพฤติการณ์ที่จะหลบหนี 2. เห็นว่าความผิดดังกล่าว ยังไม่เข้าข่ายองค์ประกอบความผิดตามข้อกล่าวหา 3. ผู้ต้องหาไม่อาจไปยุ่งเกี่ยวกับพยานหลักฐาน และ 4. การคุมขังผู้ต้องหาซึ่งเป็นผู้นำครอบครับ จะส่งผลทำให้ครอบครัวเดือดร้อน
ทั้งนี้ ท้ายคำร้องในชั้นสอบสวน พนักงานสอบสวนได้มีความเห็นให้ประกันตัว เพราะผู้ต้องหาได้มามอบตัวตามระเบียบ แต่ผู้บังคับบัญชาเห็นว่า ไม่สมควรให้ประกัน เพราะคดีมีอัตราโทษสูง
อย่างไรก็ตาม ศาลพิจารณาแล้ว เห็นควรให้ฝากขังตามคำร้องของพนักงานสอบสวนเป็นเวลา 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 8-19 พ.ค. โดยให้นำตัวไปส่งที่ทัณฑสถานหญิงกลาง กทม.
จากนั้น เวลา 11.30 น. ตุลาการศาลทหารได้พิจารณาคำร้องของประกันตัว น.ส.พัฒน์นรี โดยนายประกันได้ยื่นหลักทรัพย์ เป็นเงินสดจำนวน 5 แสนบาท และตุลาการศาลทหารได้อนุญาตให้ประกันตัว โดยมีเงื่อนไขคือ 1. ห้ามเดินทางออกนอกประเทศ 2. ห้ามยุยงปลุกปั่น ห้ามชุมนุมทางการเมือง
ต่อมาเวลา 16.10 น. ที่ทัณฑสถานหญิงกลาง น.ส.พัฒน์นรี ได้รับการปล่อยตัวจากเรือนจำ โดยนายสิรวิชญ์ ได้ไปรอรับ และกล่าวดีใจที่แม่ได้ออกมาแล้ว ส่วนเรื่องคดีก็ว่ากันไปตามกฎหมาย และตนคิดว่า ถ้าเราจะพาสังคมนี้ออกจากความกลัว ก็ต้องผ่านความกลัวตรงนี้ไปให้ได้ ที่ผ่านมาคสช.ใช้ทุกวิธีเพื่อสกัดกั้นตนในการแสดงความคิดเห็น อย่างไรก็ตาม ตนทำกิจกรรมทางการเมืองในฐานะประชาชนคนหนึ่ง ส่วนที่ตำรวจ ปอท. นำคอมพิวเตอร์ของตนไปนั้น ทำให้ไม่สามารถเข้าระบบเฟซบุ๊กของตนเองได้ จึงได้ลงบันทึกประจำวันวันที่ สน.ชนะสงคราม แล้ว
ขณะที่ น.ส.พัฒน์นรี กล่าวว่า ขอขอบคุณศาลทหารที่ยังมีความเมตตา และตนคิดว่าการถูกจับกุมในครั้งนี้ เป็นเพียงเหยื่อทางการเมือง หลังจากนี้จะต่อสู้ในเรื่องคดีตามกรอบของกฎหมาย เพราะขณะลูกชายยังต่อสู้แล้วตนจะไม่สู้ได้อย่างไร ส่วนเรื่องคอมพิวเตอร์ที่ถูกยึดไป ตนได้สอบถามทางเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว ได้คำตอบว่าไม่ได้ยึด เพียงแค่นำไปเป็นของกลางเพื่อเอาไปตรวจสอบข้อมูลเท่านั้น
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 7 พ.ค.ที่ผ่านมา นายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ หรือ จ่านิว พร้อมด้วยนายรังสิมันต์ โรม หรือโรม แกนนำขบวนการประชาธิปไตยใหม่ นายสมบัติ บุญงามอนงค์ หรือ บก.ลายจุด และประชาชนกว่า 50ราย ร่วมกันทำกิจกรรมจุดเทียนให้กำลังใจ น.ส.พัฒน์นรี มารดาของจ่านิว และผู้ต้องหาศาลทหารกรุงเทพ ในข้อหา ม.112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ รวมถึง 8 ผู้ต้องหามือโพสต์ป่วนคสช. ที่ บริเวณด้านหน้า กองบังคับการปราบปราม
ด้าน พล.อ.ทวีป เนตรนิยม เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) กล่าวถึงการรวมตัวจุดเทียนให้กำลังใจ น.ส.พัฒน์นรี ว่า ฝ่ายความมั่นคงติดตามความเคลื่อนไหวของกลุ่มต่างๆโดยตลอด ขอเตือนว่า อย่าทำอะไรที่ฝ่าฝืนกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นกฎหมายปกติ หรือคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ถ้ามีการกระทำผิดขึ้นมา เจ้าหน้าที่ต้องเข้าไปดำเนินการ และการควบคุมตัวน.ส.พัฒน์นรี ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทำตามข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานที่ชัดเจน แต่ขณะนี้มีความพยายามใช้องค์กรในต่างประเทศ เข้ามากดดันรัฐบาลไทย ถ้าองค์กรเหล่านี้ศึกษากฎหมายของประเทศไทย และเข้าใจว่าแต่ละประเทศต่างมีกฎหมายที่แตกต่างกัน จะเข้าใจว่าเมื่อมีการกระทำผิดกฎหมายไทย เจ้าหน้าที่ไทย จะไม่ดำเนินการไม่ได้ เมื่อคนทั้งประเทศเขาอยู่ใต้กฎหมายเหล่านี้ได้ แล้วทำไมบางองค์กร ถึงมาเห็นใจคนไม่กี่คน ที่ไม่เคารพกฎหมาย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวานนี้ (8 พ.ค.) น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้โพสต์ข้อความผ่านทางเฟซบุ๊กส่วนตัว ทักทายกับแฟนเพจ โดยได้โพสต์ภาพพร้อมดอกไม้ บอกว่าเป็นดอกไม้ที่จะส่งมอบความสุขให้กับเเฟนเพจ และเป็นกำลังใจให้กับผู้รักประชาธิปไตยทุกท่าน
"ดอกไม้เป็นสัญลักษณ์ของการส่งมอบความสุขให้กันและกัน ขอมอบความสุขนี้ให้แฟนเพจ และเป็นกำลังใจให้กับผู้รักประชาธิปไตยทุกท่านนะคะ"
นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณี ฮิวแมน ไรท์ วอทช์ ออกแถลงการณ์ วิจารณ์รัฐบาลทหารไทย มาถึงจุดตกต่ำขีดสุด ใช้กฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ จับกุมมารดาของแกนนำกลุ่มเคลื่อนไหวต้านรัฐธรรมนูญ ว่า กลุ่มคนที่เสี่ยง ละเมิดการกระทำความผิดตามกฎหมายอาญา ม.112 มีอยู่จริง มีการกระทำอย่างนี้มาตลอดเกือบสิบปี แต่เวลามากระทำความผิดตาม มาตรา 112 ในขณะที่จะทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญ อาจจะทำให้ประชาชน หรือต่างประเทศเข้าใจผิดว่า รัฐบาลกำลังเอา ม.112 มาเกี่ยวข้องกับเรื่องรัฐธรรมนูญ
อย่างไรก็ตาม พอมีคนเคลื่อนไหว 2 เรื่องไปพร้อมกัน จึงทำให้เหมือนรัฐบาลกำลังใช้กฎหมาย ม. 112 ไปใช้กำกับทั้งสองเรื่อง แต่ความจริงสองเรื่องนี้ แยกกัน จึงเป็นเรื่องที่รัฐบาลต้องอธิบายให้ชัดต่อชาวโลกว่า เรื่อง ม.112 ไม่เกี่ยวกับรัฐธรรมนูญ ไม่เกี่ยวกับการปิดปาก หากไม่มีการทำประชามติ คนบางกลุ่มก็กระทำผิด ม.112 อยู่แล้ว ดังนั้นไม่ใช่รัฐบาลจะมาสร้างบรรยากาศความกลัว เวลามาพูดเรื่องนี้ต้องอธิบายให้ดี ถ้าอธิบายไม่ดีจะเข้าทางฝ่ายต่อต้าน ที่จะไปอ้างว่า แสดงความเห็นเรื่องรัฐธรรมนูญไม่ได้ จะถูกเอา ม.112 มาปิดปาก ซึ่งตนมองว่า เป็นคนละเรื่อง
นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวว่า การจับแม่ของจ่านิว เป็นการใช้วิธีการแบบโจรจับตัวประกัน ซึ่งไร้เกียรติยศของชายชาติทหาร โดยเชื่อว่า คสช.จะได้ไม่คุ้มเสียตนมองว่าจ่านิวทั้งในสถานะนักศึกษา และแกนนำกลุ่มพลเมืองโต้กลับเคลื่อนไหวต่อต้านการใช้อำนาจของ คสช. ที่ไม่มีความชอบธรรม และอยุติธรรมมาอย่างต่อเนื่อง แต่ตำรวจ ทหารไม่สามารถดำเนินคดีได้ เพราะจ่านิวไม่มีความผิด จึงข่มขู่เล่นงานไม่ได้.
เมื่อเวลา 07.30 น. วานนี้ (8 พ.ค.) ที่ศาลทหารกรุงเทพ พ.ต.ท.สัณห์เพชร หนูทอง พนักงานสอบสวนผู้ชำนาญการพิเศษ กองกำกับการ 3 กองบังคับการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ปอท.)ได้เดินทางมาพร้อม น.ส.พัฒน์นรี หรือ หนึ่งนุช ชาญกิจ มารดา ของนายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ หรือ “จ่านิว” ที่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจออกหมายจับในข้อหาร่วมกันกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ผู้ใดหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จ ราชการแทนพระองค์ โดยได้นำตัวมาฝากขังผัดแรกต่อศาลทหาร
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า น.ส.พัฒน์นรี เดินทางมาศาลด้วยสีหน้าเรียบเฉย ถือสัมภาระเสื้อผ้า โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมมาเพียง 2 นาย
ด้าน น.ส.คุ้มเกล้า ส่งสมบรูณ์ ทีมทนายความ น.ส.พัฒน์นรี กล่าวว่าทีมทนายได้นำเอกสารหลักฐาน เพื่อคัดค้านประเด็นการสอบสวน ซึ่งผู้ต้องหาไม่มีพฤติการณ์ที่จะหลบหนี เพราะเดินทางมาพบพนักงานสอบสวนตามหมายจับ ซึ่ง น.ส.พัฒน์นรี ได้ให้การปฏิเสธมาโดยตลอด
โดยหลักฐานที่เตรียมมา ก็เป็นหลักฐานที่คัดค้านการฝากขัง และหลักทรัพย์การประกันตัวในวงเงิน 500,000 บาท
ต่อมาเวลา 08.30 น. นายธีรพันธุ์ พันธุ์คีรี ทนายความได้เดินทางมายังศาลทหาร โดยกล่าวเพียงสั้นๆว่า ทางทนาย จะค้านการฝากขัง โดยได้นำหลักฐานต่างๆ พร้อมเงินสดมาขอประกันตัวในชั้นฝากขัง
ด้านนายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ หรือ “จ่านิว”เดินทางมายังศาลทหาร ด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียด โดยไม่ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนแต่อย่างใด
ต่อมา เวลา 09.30 น. ตุลาการศาลทหารนั่งบัลลังก์ พิจารณาคำร้องขอฝากขัง โดยพนักงานสอบสวนร้องขอฝากขังเป็นเวลา 12 วัน โดยให้เหตุผลว่า ต้องสอบพยานเพิ่มเติมอีก 7 ปาก และต้องตรวจสอบคอมพิวเตอร์ของผู้ต้องหาที่ยึดมาได้ รวมถึงโทรศัพท์มือถือ พร้อมทั้งตรวจสอบประวัติ ลายนิ้วมือ รวมถึงคดีมีอัตราโทษสูงเกิน 10 ปี
โดยทีมทนายความของ น.ส.พัฒน์นรี ได้คัดค้านการฝากขังต่อศาลใน 4 ประเด็น คือ 1. ผู้ต้องหาไม่มีพฤติการณ์ที่จะหลบหนี 2. เห็นว่าความผิดดังกล่าว ยังไม่เข้าข่ายองค์ประกอบความผิดตามข้อกล่าวหา 3. ผู้ต้องหาไม่อาจไปยุ่งเกี่ยวกับพยานหลักฐาน และ 4. การคุมขังผู้ต้องหาซึ่งเป็นผู้นำครอบครับ จะส่งผลทำให้ครอบครัวเดือดร้อน
ทั้งนี้ ท้ายคำร้องในชั้นสอบสวน พนักงานสอบสวนได้มีความเห็นให้ประกันตัว เพราะผู้ต้องหาได้มามอบตัวตามระเบียบ แต่ผู้บังคับบัญชาเห็นว่า ไม่สมควรให้ประกัน เพราะคดีมีอัตราโทษสูง
อย่างไรก็ตาม ศาลพิจารณาแล้ว เห็นควรให้ฝากขังตามคำร้องของพนักงานสอบสวนเป็นเวลา 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 8-19 พ.ค. โดยให้นำตัวไปส่งที่ทัณฑสถานหญิงกลาง กทม.
จากนั้น เวลา 11.30 น. ตุลาการศาลทหารได้พิจารณาคำร้องของประกันตัว น.ส.พัฒน์นรี โดยนายประกันได้ยื่นหลักทรัพย์ เป็นเงินสดจำนวน 5 แสนบาท และตุลาการศาลทหารได้อนุญาตให้ประกันตัว โดยมีเงื่อนไขคือ 1. ห้ามเดินทางออกนอกประเทศ 2. ห้ามยุยงปลุกปั่น ห้ามชุมนุมทางการเมือง
ต่อมาเวลา 16.10 น. ที่ทัณฑสถานหญิงกลาง น.ส.พัฒน์นรี ได้รับการปล่อยตัวจากเรือนจำ โดยนายสิรวิชญ์ ได้ไปรอรับ และกล่าวดีใจที่แม่ได้ออกมาแล้ว ส่วนเรื่องคดีก็ว่ากันไปตามกฎหมาย และตนคิดว่า ถ้าเราจะพาสังคมนี้ออกจากความกลัว ก็ต้องผ่านความกลัวตรงนี้ไปให้ได้ ที่ผ่านมาคสช.ใช้ทุกวิธีเพื่อสกัดกั้นตนในการแสดงความคิดเห็น อย่างไรก็ตาม ตนทำกิจกรรมทางการเมืองในฐานะประชาชนคนหนึ่ง ส่วนที่ตำรวจ ปอท. นำคอมพิวเตอร์ของตนไปนั้น ทำให้ไม่สามารถเข้าระบบเฟซบุ๊กของตนเองได้ จึงได้ลงบันทึกประจำวันวันที่ สน.ชนะสงคราม แล้ว
ขณะที่ น.ส.พัฒน์นรี กล่าวว่า ขอขอบคุณศาลทหารที่ยังมีความเมตตา และตนคิดว่าการถูกจับกุมในครั้งนี้ เป็นเพียงเหยื่อทางการเมือง หลังจากนี้จะต่อสู้ในเรื่องคดีตามกรอบของกฎหมาย เพราะขณะลูกชายยังต่อสู้แล้วตนจะไม่สู้ได้อย่างไร ส่วนเรื่องคอมพิวเตอร์ที่ถูกยึดไป ตนได้สอบถามทางเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว ได้คำตอบว่าไม่ได้ยึด เพียงแค่นำไปเป็นของกลางเพื่อเอาไปตรวจสอบข้อมูลเท่านั้น
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 7 พ.ค.ที่ผ่านมา นายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ หรือ จ่านิว พร้อมด้วยนายรังสิมันต์ โรม หรือโรม แกนนำขบวนการประชาธิปไตยใหม่ นายสมบัติ บุญงามอนงค์ หรือ บก.ลายจุด และประชาชนกว่า 50ราย ร่วมกันทำกิจกรรมจุดเทียนให้กำลังใจ น.ส.พัฒน์นรี มารดาของจ่านิว และผู้ต้องหาศาลทหารกรุงเทพ ในข้อหา ม.112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ รวมถึง 8 ผู้ต้องหามือโพสต์ป่วนคสช. ที่ บริเวณด้านหน้า กองบังคับการปราบปราม
ด้าน พล.อ.ทวีป เนตรนิยม เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) กล่าวถึงการรวมตัวจุดเทียนให้กำลังใจ น.ส.พัฒน์นรี ว่า ฝ่ายความมั่นคงติดตามความเคลื่อนไหวของกลุ่มต่างๆโดยตลอด ขอเตือนว่า อย่าทำอะไรที่ฝ่าฝืนกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นกฎหมายปกติ หรือคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ถ้ามีการกระทำผิดขึ้นมา เจ้าหน้าที่ต้องเข้าไปดำเนินการ และการควบคุมตัวน.ส.พัฒน์นรี ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทำตามข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานที่ชัดเจน แต่ขณะนี้มีความพยายามใช้องค์กรในต่างประเทศ เข้ามากดดันรัฐบาลไทย ถ้าองค์กรเหล่านี้ศึกษากฎหมายของประเทศไทย และเข้าใจว่าแต่ละประเทศต่างมีกฎหมายที่แตกต่างกัน จะเข้าใจว่าเมื่อมีการกระทำผิดกฎหมายไทย เจ้าหน้าที่ไทย จะไม่ดำเนินการไม่ได้ เมื่อคนทั้งประเทศเขาอยู่ใต้กฎหมายเหล่านี้ได้ แล้วทำไมบางองค์กร ถึงมาเห็นใจคนไม่กี่คน ที่ไม่เคารพกฎหมาย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวานนี้ (8 พ.ค.) น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้โพสต์ข้อความผ่านทางเฟซบุ๊กส่วนตัว ทักทายกับแฟนเพจ โดยได้โพสต์ภาพพร้อมดอกไม้ บอกว่าเป็นดอกไม้ที่จะส่งมอบความสุขให้กับเเฟนเพจ และเป็นกำลังใจให้กับผู้รักประชาธิปไตยทุกท่าน
"ดอกไม้เป็นสัญลักษณ์ของการส่งมอบความสุขให้กันและกัน ขอมอบความสุขนี้ให้แฟนเพจ และเป็นกำลังใจให้กับผู้รักประชาธิปไตยทุกท่านนะคะ"
นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณี ฮิวแมน ไรท์ วอทช์ ออกแถลงการณ์ วิจารณ์รัฐบาลทหารไทย มาถึงจุดตกต่ำขีดสุด ใช้กฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ จับกุมมารดาของแกนนำกลุ่มเคลื่อนไหวต้านรัฐธรรมนูญ ว่า กลุ่มคนที่เสี่ยง ละเมิดการกระทำความผิดตามกฎหมายอาญา ม.112 มีอยู่จริง มีการกระทำอย่างนี้มาตลอดเกือบสิบปี แต่เวลามากระทำความผิดตาม มาตรา 112 ในขณะที่จะทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญ อาจจะทำให้ประชาชน หรือต่างประเทศเข้าใจผิดว่า รัฐบาลกำลังเอา ม.112 มาเกี่ยวข้องกับเรื่องรัฐธรรมนูญ
อย่างไรก็ตาม พอมีคนเคลื่อนไหว 2 เรื่องไปพร้อมกัน จึงทำให้เหมือนรัฐบาลกำลังใช้กฎหมาย ม. 112 ไปใช้กำกับทั้งสองเรื่อง แต่ความจริงสองเรื่องนี้ แยกกัน จึงเป็นเรื่องที่รัฐบาลต้องอธิบายให้ชัดต่อชาวโลกว่า เรื่อง ม.112 ไม่เกี่ยวกับรัฐธรรมนูญ ไม่เกี่ยวกับการปิดปาก หากไม่มีการทำประชามติ คนบางกลุ่มก็กระทำผิด ม.112 อยู่แล้ว ดังนั้นไม่ใช่รัฐบาลจะมาสร้างบรรยากาศความกลัว เวลามาพูดเรื่องนี้ต้องอธิบายให้ดี ถ้าอธิบายไม่ดีจะเข้าทางฝ่ายต่อต้าน ที่จะไปอ้างว่า แสดงความเห็นเรื่องรัฐธรรมนูญไม่ได้ จะถูกเอา ม.112 มาปิดปาก ซึ่งตนมองว่า เป็นคนละเรื่อง
นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวว่า การจับแม่ของจ่านิว เป็นการใช้วิธีการแบบโจรจับตัวประกัน ซึ่งไร้เกียรติยศของชายชาติทหาร โดยเชื่อว่า คสช.จะได้ไม่คุ้มเสียตนมองว่าจ่านิวทั้งในสถานะนักศึกษา และแกนนำกลุ่มพลเมืองโต้กลับเคลื่อนไหวต่อต้านการใช้อำนาจของ คสช. ที่ไม่มีความชอบธรรม และอยุติธรรมมาอย่างต่อเนื่อง แต่ตำรวจ ทหารไม่สามารถดำเนินคดีได้ เพราะจ่านิวไม่มีความผิด จึงข่มขู่เล่นงานไม่ได้.