ผู้จัดการรายวัน360-ศปถ.สรุป 2 วันอันตราย ตายพุ่ง 116 ราย เจ็บ 981 เผยบุรีรัมย์แชมป์ตายสูงสุด เชียงใหม่เกิดอุบัติเหตุมากสุด ระบุปีนี้รุนแรงกว่าทุกปี ยันเล่นงานหนักพวกเมาแล้วขับ ทำงานห้องดับจิต ช่วยแต่งศพ หวังสร้างจิตสำนึกให้ดีขึ้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (13 เม.ย.) ที่ศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน (ศปถ.) นายโสภณ เมฆธน ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ได้แถลงสรุปการผลดำเนินงานลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2559 ว่า เมื่อวันที่ 12 เม.ย.2559ซึ่งเป็นวันที่ 2 ของการรณรงค์ "สงกรานต์ปลอดภัย ส่งเสริมวัฒนธรรมไทย สร้างวินัยจราจร" ได้เกิดอุบัติรวม 520 ครั้ง มีผู้เสียชีวิต 64 ราย ผู้บาดเจ็บ 550 ราย โดยสาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ รถจักรยานยนต์ ร้อยละ 81.03 รถปิกอัพ ร้อยละ 6.81
โดยเจ้าหน้าที่ได้ตั้งจุดตรวจหลัก 2,125 จุด เจ้าหน้าที่ปฎิบัติงาน 66,677 ราย เรียกตรวจยานพาหนะ 631,584 คัน มีผู้ถูกดำเนินคดี รวม 104,484 ราย มีความผิดไม่สวมหมวกนิรภัย 30,210 ราย ไม่มีใบขับขี่ 39,747 ราย และจังหวัดที่เกิดอุบัติสูงสุด ได้แก่ เชียงใหม่ 26 ครั้ง จ.พิจิตร มีผู้เสียชีวิตมากที่สุด จำนวน 6 ราย และ จ.เชียงใหม่ ลำปาง มีผู้บาดเจ็บสูงสุด 25 ราย
สำหรับยอดรวมอุบัติเหตุทางถนนตลอด 2 วัน ระหว่างวันที่ 11-12 เม.ย. เกิดอุบัติเหตุรวม 907 ครั้ง ผู้เสียชีวิตรวม 116 ราย ผู้บาดเจ็บรวม 981 ราย โดย จ.เชียงใหม่ เกิดอุบัติเหตุสะสมสูงสุด 45 ครั้ง และมีผู้บาดเจ็บสะสมสูงสุด 48 ราย ขณะที่จ.บุรีรัมย์ มีผู้เสียชีวิต สะสมสูงสุด 8 ราย
นายโสภณกล่าวว่า จากการประเมินอุบัติเหตุในช่วง 2 วันที่ผ่านมา พบปีนี้มีความรุนแรงมากขึ้น มีผู้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุมากถึงร้อยละ 64 สาเหตุมาจากเมาแล้วขับเพิ่มขึ้นจากปี 2558 ร้อยละ13 ขับเร็วเกินกำหนดเพิ่มขึ้นร้อยละ 24 มีผู้บาดเจ็บเพิ่มขึ้น ร้อยละ 15 ต้องนอนรักษาตัวโรงพยาบาล และอีกร้อยละ10 ส่งต่อให้กับโรงพยาบาลมีศักยภาพสูงกว่า ประเภทรถเกิดอุบัติเหตุสูงสุด คือ จักรยานยนต์ ร้อยละ 80 รองลงมาเป็นรถปิกอัพ ซึ่งผู้ขับรถ ขับเร็ว ขับแรงมาก ยังไม่มีมาตรการป้องกันตรงนี้ อยากให้ทุกฝ่ายช่วยกันดูแล
"นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้ใช้นโยบายประชารัฐ เน้นย้ำเรื่องตั้งด่านชุมชน ทุกหมู่บ้าน กว่า 7 หมื่นแห่ง ใช้อาสาสมัครเป็นล้านคน ช่วยกันเฝ้าระมัดระวังความปลอดภัย โดยเฉพาะรถมอเตอร์ไซต์ให้สวมหมวกนิรภัย ซึ่งนายกฯ ได้ให้ลายเซ็นท่านไว้ที่หมวกนิรภัยด้วย ขอย้ำให้ผู้ขับรถทุกชนิด เมาไม่ขับ ถ้าเมาจะถูกยึดรถตามมาตรา 44 หรือถ้าง่วงให้หยุดพักก่อน เพราะถ้าถูกจับกุม กระทรวงสาธารณสุขยินดีให้ไปช่วยที่ห้องดับจิต สำหรับกรณีเมาแล้วขับ ขับรถเร็วเกินกำหนด ให้ไปช่วยแต่งศพ ขอให้ระวังตัว คงไม่มีใครไปอยู่ในห้องนั้น"นายโสภณกล่าว
นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กล่าวว่า จากสถิติที่ผ่านมาพบว่าวันที่ 13 เม.ย.ของทุกปี มีผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนสูงสุดในช่วงสงกรานต์ และกว่าร้อยละ 55 เป็นคนในพื้นที่ จึงได้เน้นย้ำให้ทุกจังหวัด กำชับการตั้งด่านเพื่อเตือนผู้ขับขี่ป้องปราบลดพฤติกรรมเสี่ยง และให้ชุดสายตรวจเคลื่อนที่คุมเข้ม มิให้นำรถกระบะบรรทุกคนเล่นน้ำในพื้นที่โซนนิ่ง และบริเวณจัดงานสงกรานต์
พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันทน์ อธิบดีกรมคุมประพฤติ กล่าวว่า ที่ผ่านมา การกำหนดให้ทำงานบริการสังคม เช่น กวาดถนน ทำความสะอาดสถานที่สาธารณะ ไม่สามารถสร้างความตระหนักให้กับผู้ขับขี่มึนเมาได้ ความเห็นส่วนใหญ่เสนอให้ส่งผู้ที่กระทำผิดเมาแล้วขับไปดูงานในห้องดับจิต ห้องไอซียู และแผนกอุบัติเหตุของโรงพยาบาลภาคีเครือข่าย โดยต้องทำงานบริการสังคมในโรงพยาบาลอย่างน้อย 48 ชม. ซึ่ง ครม.เห็นชอบแนวทางนี้ อีกทั้งกระแสสังคมให้การตอบรับ เชื่อว่าจะลดสถิติเมาแล้วขับได้
"จะประชุมร่วมกับโรงพยาบาลภาคีเครือข่ายให้เตรียมความพร้อมรับตัวผู้ถูกคุมประพฤติคดีเมาแล้วขับให้เข้าไปดูบรรยากาศภายในห้องดับจิตและแผนกอุบัติเหตุ เพื่อสร้างความตระหนักรู้ว่าหากเมาแล้วขับมีโทษอย่างไร"
สำหรับสถิติผู้ถูกคุมประพฤติคดีเมาแล้วขับในช่วงเทศกาลสงกรานต์ย้อนหลัง 5 ปีตั้งแต่ปี 2554-2558 พบว่ายังมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นโดยปี 2554 มีผู้ถูกคุมประพฤติจำนวน 6,032 คดี ปี 2555 มีผู้ถูกคุมประพฤติ 5,005 คดี ปี 2556 มีผู้ถูกคุมประพฤติ 4,691 คดี ปี 2557 มีผู้ถูกคุมประพฤติ 3,826 คดีและปี 2558 มีผู้ถูกคุมประพฤติ 4,051 คดี โดยกรุงเทพมหานครถือเป็นพื้นที่ที่มีผู้ถูกคุมประพฤติคดีเมาแล้วขับสูงสุดต่อเนื่อง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (13 เม.ย.) ที่ศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน (ศปถ.) นายโสภณ เมฆธน ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ได้แถลงสรุปการผลดำเนินงานลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2559 ว่า เมื่อวันที่ 12 เม.ย.2559ซึ่งเป็นวันที่ 2 ของการรณรงค์ "สงกรานต์ปลอดภัย ส่งเสริมวัฒนธรรมไทย สร้างวินัยจราจร" ได้เกิดอุบัติรวม 520 ครั้ง มีผู้เสียชีวิต 64 ราย ผู้บาดเจ็บ 550 ราย โดยสาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ รถจักรยานยนต์ ร้อยละ 81.03 รถปิกอัพ ร้อยละ 6.81
โดยเจ้าหน้าที่ได้ตั้งจุดตรวจหลัก 2,125 จุด เจ้าหน้าที่ปฎิบัติงาน 66,677 ราย เรียกตรวจยานพาหนะ 631,584 คัน มีผู้ถูกดำเนินคดี รวม 104,484 ราย มีความผิดไม่สวมหมวกนิรภัย 30,210 ราย ไม่มีใบขับขี่ 39,747 ราย และจังหวัดที่เกิดอุบัติสูงสุด ได้แก่ เชียงใหม่ 26 ครั้ง จ.พิจิตร มีผู้เสียชีวิตมากที่สุด จำนวน 6 ราย และ จ.เชียงใหม่ ลำปาง มีผู้บาดเจ็บสูงสุด 25 ราย
สำหรับยอดรวมอุบัติเหตุทางถนนตลอด 2 วัน ระหว่างวันที่ 11-12 เม.ย. เกิดอุบัติเหตุรวม 907 ครั้ง ผู้เสียชีวิตรวม 116 ราย ผู้บาดเจ็บรวม 981 ราย โดย จ.เชียงใหม่ เกิดอุบัติเหตุสะสมสูงสุด 45 ครั้ง และมีผู้บาดเจ็บสะสมสูงสุด 48 ราย ขณะที่จ.บุรีรัมย์ มีผู้เสียชีวิต สะสมสูงสุด 8 ราย
นายโสภณกล่าวว่า จากการประเมินอุบัติเหตุในช่วง 2 วันที่ผ่านมา พบปีนี้มีความรุนแรงมากขึ้น มีผู้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุมากถึงร้อยละ 64 สาเหตุมาจากเมาแล้วขับเพิ่มขึ้นจากปี 2558 ร้อยละ13 ขับเร็วเกินกำหนดเพิ่มขึ้นร้อยละ 24 มีผู้บาดเจ็บเพิ่มขึ้น ร้อยละ 15 ต้องนอนรักษาตัวโรงพยาบาล และอีกร้อยละ10 ส่งต่อให้กับโรงพยาบาลมีศักยภาพสูงกว่า ประเภทรถเกิดอุบัติเหตุสูงสุด คือ จักรยานยนต์ ร้อยละ 80 รองลงมาเป็นรถปิกอัพ ซึ่งผู้ขับรถ ขับเร็ว ขับแรงมาก ยังไม่มีมาตรการป้องกันตรงนี้ อยากให้ทุกฝ่ายช่วยกันดูแล
"นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้ใช้นโยบายประชารัฐ เน้นย้ำเรื่องตั้งด่านชุมชน ทุกหมู่บ้าน กว่า 7 หมื่นแห่ง ใช้อาสาสมัครเป็นล้านคน ช่วยกันเฝ้าระมัดระวังความปลอดภัย โดยเฉพาะรถมอเตอร์ไซต์ให้สวมหมวกนิรภัย ซึ่งนายกฯ ได้ให้ลายเซ็นท่านไว้ที่หมวกนิรภัยด้วย ขอย้ำให้ผู้ขับรถทุกชนิด เมาไม่ขับ ถ้าเมาจะถูกยึดรถตามมาตรา 44 หรือถ้าง่วงให้หยุดพักก่อน เพราะถ้าถูกจับกุม กระทรวงสาธารณสุขยินดีให้ไปช่วยที่ห้องดับจิต สำหรับกรณีเมาแล้วขับ ขับรถเร็วเกินกำหนด ให้ไปช่วยแต่งศพ ขอให้ระวังตัว คงไม่มีใครไปอยู่ในห้องนั้น"นายโสภณกล่าว
นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กล่าวว่า จากสถิติที่ผ่านมาพบว่าวันที่ 13 เม.ย.ของทุกปี มีผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนสูงสุดในช่วงสงกรานต์ และกว่าร้อยละ 55 เป็นคนในพื้นที่ จึงได้เน้นย้ำให้ทุกจังหวัด กำชับการตั้งด่านเพื่อเตือนผู้ขับขี่ป้องปราบลดพฤติกรรมเสี่ยง และให้ชุดสายตรวจเคลื่อนที่คุมเข้ม มิให้นำรถกระบะบรรทุกคนเล่นน้ำในพื้นที่โซนนิ่ง และบริเวณจัดงานสงกรานต์
พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันทน์ อธิบดีกรมคุมประพฤติ กล่าวว่า ที่ผ่านมา การกำหนดให้ทำงานบริการสังคม เช่น กวาดถนน ทำความสะอาดสถานที่สาธารณะ ไม่สามารถสร้างความตระหนักให้กับผู้ขับขี่มึนเมาได้ ความเห็นส่วนใหญ่เสนอให้ส่งผู้ที่กระทำผิดเมาแล้วขับไปดูงานในห้องดับจิต ห้องไอซียู และแผนกอุบัติเหตุของโรงพยาบาลภาคีเครือข่าย โดยต้องทำงานบริการสังคมในโรงพยาบาลอย่างน้อย 48 ชม. ซึ่ง ครม.เห็นชอบแนวทางนี้ อีกทั้งกระแสสังคมให้การตอบรับ เชื่อว่าจะลดสถิติเมาแล้วขับได้
"จะประชุมร่วมกับโรงพยาบาลภาคีเครือข่ายให้เตรียมความพร้อมรับตัวผู้ถูกคุมประพฤติคดีเมาแล้วขับให้เข้าไปดูบรรยากาศภายในห้องดับจิตและแผนกอุบัติเหตุ เพื่อสร้างความตระหนักรู้ว่าหากเมาแล้วขับมีโทษอย่างไร"
สำหรับสถิติผู้ถูกคุมประพฤติคดีเมาแล้วขับในช่วงเทศกาลสงกรานต์ย้อนหลัง 5 ปีตั้งแต่ปี 2554-2558 พบว่ายังมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นโดยปี 2554 มีผู้ถูกคุมประพฤติจำนวน 6,032 คดี ปี 2555 มีผู้ถูกคุมประพฤติ 5,005 คดี ปี 2556 มีผู้ถูกคุมประพฤติ 4,691 คดี ปี 2557 มีผู้ถูกคุมประพฤติ 3,826 คดีและปี 2558 มีผู้ถูกคุมประพฤติ 4,051 คดี โดยกรุงเทพมหานครถือเป็นพื้นที่ที่มีผู้ถูกคุมประพฤติคดีเมาแล้วขับสูงสุดต่อเนื่อง
