วานนี้ (6เม.ย.) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กล่าว ก่อนเดินทางไปเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนใต้ ว่า เพื่อดูความก้าวหน้าในการแก้ปัญหาของ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ รวมถึงเรื่องงบประมาณรวมถึงจะไปดูในทุกพื้นที่เพื่อให้เกิดความชัดเจน ส่วนปัญหาในพื้นที่ภาคใต้ก็จะเป็นปัญหาเก่าๆ ที่จำเป็นต้องทำความเข้าใจกับประชาชนที่อยู่ในนพื้นที่ ซึ่งต้องทำความเข้าใจเพราะปัญหาที่เกิดขึ้นในอดีตใช้เวลา 10 ปีที่ผ่านมา ทำไมถึงยังแก้ไม่ได้ ทำไมยังไม่เข้าใจทั้งหมด ซึ่งจำเป็นต้องลงไปดูว่าเราแก้ปัญหาถูกจุดหรือไม่
ทั้งนี้ มีประชาชนจำนวนมากที่กลับใจเข้ามาให้ความร่วมมือเจ้าหน้าที่ ถือว่าเป็นความก้าวหน้าในการดำเนินการของภาครัฐ ซึ่งขณะนี้ทุกอย่างได้เดินมาถูกทางแล้ว รวมถึงการพูดคุยเพื่อสันติสุขที่มี พล.อ.อักษรา เกิดผล ทำหน้าที่ประสานงานพูดคุยกับส่วนที่เกี่ยวข้องอยู่ ซึ่งในปี 2559 จะต้องทำให้เกิดสันติสุขให้ได้ และต้องจบให้ได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ประวิตร และคณะได้เดินทางไปที่ จ.นราธิวาส เพื่อประชุม คณะกรรมการขับเคลื่อนการแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ครั้งที่ 1/59 ณ ห้องประชุม บก.ฉก.นราธิวาส จากนั้น ไปตรวจเยี่ยม และให้กำลังใจ ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่ ณ โรงพยาบาลเจาะไอร้อง และ กองร้อยทหารพรานที่ 4816 ในพื้นที่ อ.เจาะไอร้อง
ด้านนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การแก้ปัญหาภาคใต้ ของรัฐบาลในขณะนี้ แม้สถานการณ์ปัจจุบันจะลดลง แต่ก็ยังมีความรุนแรง และการสูญเสียอยู่ตลอด พรรคประชาธิปัตย์ พยายามช่วยแก้ปัญหานี้ตลอด ทั้งในฐานะพรรคร่วม และแกนนำ ซึ่งปัญหานี้จำเป็นต้องเอาการเมืองและการพัฒนาเข้าไปแก้ปัญหา ที่ผ่านมาพรรคประชาธิปัตย์ พยายามผลักดันกฎหมายเพื่อจะฟื้น ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) แต่ล่าสุด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้าคสช. ใช้ มาตรา 44 ยกเลิกสภาที่ปรึกษา และปรับเปลี่ยนโครงสร้าง ศอ.บต. โดยใช้รูปแบบวิธีการตั้งคณะกรรมการดูแล และไปเน้นหนักที่กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์ คิดว่าเป็นแนวทางที่ไม่น่าจะเดินไปข้างหน้าได้ เพราะการแก้ปัญหาดังกล่าว ต้องใช้การเมืองนำการทหาร และการมีส่วนร่วมของประชาชน
นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึง เหตุการณ์ความรุนแรงในภาคใต้ ในช่วงที่ผ่านมาว่า อยากเห็นความเด็ดขาดของการใช้กฎหมาย ใครไม่ผิด ก็อย่ากลั่นแกล้ง ส่วนใครที่ทำผิด ไม่ว่าจะเป็นชาวพุทธ หรือมุสลิม ก็ต้องนำตัวมาดำเนินการตามกฎหมาย ทุกฝ่ายจึงจะอยู่ร่วมกันได้โดยไม่เกิดปัญหา
อย่างไรก็ตาม รู้สึกเห็นใจการทำหน้าที่ ของเจ้าหน้าที่ทุกคน ตำรวจ ทหาร ตชด. อส. ทหารพราน เจ้าหน้าที่ทุกคน และคนที่เสียหายมากที่สุด คือ ชาวบ้าน ทั้งพุทธ-มุสลิม โดยในพื้นที่สัดส่วนพุทธ มีอยู่น้อยกว่า คือ 80:20 เพราะฉะนั้นเมื่อตายเท่าๆ กัน พุทธจะตายมากกว่า นี่คือสิ่งที่เราต้องยอมรับความเป็นจริง และต้องทำความเข้าใจ ช่วยกันเพื่อรักษาบ้านเมือง เพราะถึงอย่างไร ขวานทอง ก็ต้องมีด้าม จะให้มีเพียงสันขวาน คมขวาน ไม่ได้ เพราะขวานเอาไว้ฟันกัน ไม่ได้เอาไว้ปากัน ดังนั้นด้ามขวานจึงเป็นส่วนที่สำคัญ แต่ด้ามขวานนี้จะมั่นคง แข็งแรง ก็ต่อเมื่อ เรารักษากติกา ซึ่งตนต้องการเห็นความเด็ดขาดภายใต้กฎหมาย เพราะที่ผ่านมานั้น เกิดความเสียหายที่ไม่อาจคำนวณได้ เมื่อ 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา ตนได้เห็น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กำชับให้ใช้กฎหมาย เมื่อมีเหตุร้ายเกิดขึ้น อย่าทำอะไรนอกกฎหมาย แสดงว่า นายกฯ ทราบดีว่า เหตุเกิดจากอะไร อะไรคือที่มาของปัญหา แต่เหนือสิ่งอื่นใด เราต้องเอาใจช่วยทุกคน ทั้งพุทธและมุสลิม เพราะอยู่ในฐานะที่น่าเห็นใจอย่างยิ่ง
ทั้งนี้ มีประชาชนจำนวนมากที่กลับใจเข้ามาให้ความร่วมมือเจ้าหน้าที่ ถือว่าเป็นความก้าวหน้าในการดำเนินการของภาครัฐ ซึ่งขณะนี้ทุกอย่างได้เดินมาถูกทางแล้ว รวมถึงการพูดคุยเพื่อสันติสุขที่มี พล.อ.อักษรา เกิดผล ทำหน้าที่ประสานงานพูดคุยกับส่วนที่เกี่ยวข้องอยู่ ซึ่งในปี 2559 จะต้องทำให้เกิดสันติสุขให้ได้ และต้องจบให้ได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ประวิตร และคณะได้เดินทางไปที่ จ.นราธิวาส เพื่อประชุม คณะกรรมการขับเคลื่อนการแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ครั้งที่ 1/59 ณ ห้องประชุม บก.ฉก.นราธิวาส จากนั้น ไปตรวจเยี่ยม และให้กำลังใจ ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่ ณ โรงพยาบาลเจาะไอร้อง และ กองร้อยทหารพรานที่ 4816 ในพื้นที่ อ.เจาะไอร้อง
ด้านนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การแก้ปัญหาภาคใต้ ของรัฐบาลในขณะนี้ แม้สถานการณ์ปัจจุบันจะลดลง แต่ก็ยังมีความรุนแรง และการสูญเสียอยู่ตลอด พรรคประชาธิปัตย์ พยายามช่วยแก้ปัญหานี้ตลอด ทั้งในฐานะพรรคร่วม และแกนนำ ซึ่งปัญหานี้จำเป็นต้องเอาการเมืองและการพัฒนาเข้าไปแก้ปัญหา ที่ผ่านมาพรรคประชาธิปัตย์ พยายามผลักดันกฎหมายเพื่อจะฟื้น ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) แต่ล่าสุด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้าคสช. ใช้ มาตรา 44 ยกเลิกสภาที่ปรึกษา และปรับเปลี่ยนโครงสร้าง ศอ.บต. โดยใช้รูปแบบวิธีการตั้งคณะกรรมการดูแล และไปเน้นหนักที่กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์ คิดว่าเป็นแนวทางที่ไม่น่าจะเดินไปข้างหน้าได้ เพราะการแก้ปัญหาดังกล่าว ต้องใช้การเมืองนำการทหาร และการมีส่วนร่วมของประชาชน
นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึง เหตุการณ์ความรุนแรงในภาคใต้ ในช่วงที่ผ่านมาว่า อยากเห็นความเด็ดขาดของการใช้กฎหมาย ใครไม่ผิด ก็อย่ากลั่นแกล้ง ส่วนใครที่ทำผิด ไม่ว่าจะเป็นชาวพุทธ หรือมุสลิม ก็ต้องนำตัวมาดำเนินการตามกฎหมาย ทุกฝ่ายจึงจะอยู่ร่วมกันได้โดยไม่เกิดปัญหา
อย่างไรก็ตาม รู้สึกเห็นใจการทำหน้าที่ ของเจ้าหน้าที่ทุกคน ตำรวจ ทหาร ตชด. อส. ทหารพราน เจ้าหน้าที่ทุกคน และคนที่เสียหายมากที่สุด คือ ชาวบ้าน ทั้งพุทธ-มุสลิม โดยในพื้นที่สัดส่วนพุทธ มีอยู่น้อยกว่า คือ 80:20 เพราะฉะนั้นเมื่อตายเท่าๆ กัน พุทธจะตายมากกว่า นี่คือสิ่งที่เราต้องยอมรับความเป็นจริง และต้องทำความเข้าใจ ช่วยกันเพื่อรักษาบ้านเมือง เพราะถึงอย่างไร ขวานทอง ก็ต้องมีด้าม จะให้มีเพียงสันขวาน คมขวาน ไม่ได้ เพราะขวานเอาไว้ฟันกัน ไม่ได้เอาไว้ปากัน ดังนั้นด้ามขวานจึงเป็นส่วนที่สำคัญ แต่ด้ามขวานนี้จะมั่นคง แข็งแรง ก็ต่อเมื่อ เรารักษากติกา ซึ่งตนต้องการเห็นความเด็ดขาดภายใต้กฎหมาย เพราะที่ผ่านมานั้น เกิดความเสียหายที่ไม่อาจคำนวณได้ เมื่อ 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา ตนได้เห็น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กำชับให้ใช้กฎหมาย เมื่อมีเหตุร้ายเกิดขึ้น อย่าทำอะไรนอกกฎหมาย แสดงว่า นายกฯ ทราบดีว่า เหตุเกิดจากอะไร อะไรคือที่มาของปัญหา แต่เหนือสิ่งอื่นใด เราต้องเอาใจช่วยทุกคน ทั้งพุทธและมุสลิม เพราะอยู่ในฐานะที่น่าเห็นใจอย่างยิ่ง