xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

ไม่มีปาฏิหาริย์ อวสานรถไฟไทย-จีน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ผู้จัดการสุดสัปดาห์ -ลุ้นจนเหงื่อตกกีบ ลุ้นกันเป็นปีสองปี สุดท้ายก็ต้องบอกว่าถึงกาลอวสานโครงการร่วมลงทุนรถไฟไทย-จีน อย่างสิ้นเชิง ความฝันจะสร้างปาฏิหาริย์ สร้างประวัติศาสตร์ความร่วมมือลงทุนเมกะโปรเจ็กต์กับมหาอำนาจแห่งตะวันออกของท่านผู้นำคณะรักษาความสงบเรียบร้อย(คสช.) สุดท้ายเป็นได้เพียงแค่ฝันกลางวันเท่านั้นจริงๆ นับจากนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. ขอเร่ขายฝันรถไฟความเร็วสูง หรือไฮสปีดเทรน จากการลงทุนของไทยล้วนๆ แทน ถือว่าเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่ ส่วนจะเป็นจริงหรือไม่ ก็ต้องเอาใจช่วย ลุ้นกันต่อไป

ในสายตานักสังเกตการณ์ระหว่างประเทศที่คร่ำหวอดในวงการเจรจาความเมืองมานาน มองปราดเดียวก็ย่อมรู้แล้วว่า โครงการร่วมลงทุนรถไทย-จีน พร้อมกับอารมณ์ความรู้สึกของรัฐบาลทหารที่มาจากการรัฐประหารที่ไขว่คว้าหาสิ่งยึดเหนี่ยวและสร้างความมั่นคงในช่วงเริ่มต้นของการยึดอำนาจเข้ามาบริหารประเทศ ขณะที่มหาอำนาจสหรัฐอเมริกาหมางเมิน อ้อมอกของจีนจึงอบอุ่นยิ่ง ซึ่งไม่ใช่เรื่องผิดแต่อย่างใด เพราะรัฐบาลไหนๆ ก็ต้องการการหนุนหลังจากมหาอำนาจทั้งสิ้นไม่ตะวันตกก็ตะวันออกหรือทั้งสอง

ทั้งนี้ จะว่าไปแล้ว คนที่มาทำให้โครงการร่วมทุนรถไฟไทย-จีน ถึงกาลอวสานสิ้นสุดความเพ้อฝันเสียที ไม่ใช่ใครอื่น หากแต่เป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ที่ตั้งคำถามให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปหาคำตอบมาให้ชัดให้ยืนอยู่บนความเป็นไปได้และความเป็นจริง โดยไล่กลับไปให้กระทรวงที่เกี่ยวข้องคือ กระทรวงการคลังและกระทรวงคมนาคม วางกรอบวางกติกาการลงทุนร่วมให้รัดกุมเพื่อรับความเสี่ยงร่วมกันระหว่างไทยกับจีน หากตกลงกันไม่ได้ก็เลิกการเจรจามาราธอนที่เสียเวลามากว่าสองปีกันเสียที อย่าเสียแรงใส่พานไว้รอเก้ออีกต่อไป

โครงการร่วมทุนรถไฟไทย-จีนนี้เป็นเรื่องที่หัวร่อไม่ได้ร่ำไห้ไม่ออกหาก จะบอกว่าเมกะโปรเจ็กต์ที่มีเม็ดเงินลงทุนมหาศาลกว่า300,000 - 500,000 ล้านบาท ไม่มีรายละเอียดผลศึกษาโครงการอย่างที่ควรจะเป็น ที่ผ่านมาต่างดั้นด้นกันไป คณะเจรจาของไทยเป็นฝ่ายตั้งรับรอฟังว่าจีนจะเอาอย่างไรเป็นหลัก เมื่อไม่มีหลักมั่นตั้งแต่ต้นยังดีที่ได้คิดขืนยังเดินหน้าต่อไปบรรลัยถึงลูกหลานแน่ อย่างนี้ถอยดีกว่า ผู้นำยอมเสียหน้าดีกว่าชาติเสียหาย

ด้วยเหตุฉะนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จึงตัดใจ ถือโอกาสในคราวเข้าร่วมประชุมผู้นำกรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง ครั้งที่ 1 เมื่อวันที่23มีนาคม 2559 ที่สาธารณรัฐประชาชนจีน หารือทวิภาคีกับนายหลี่ เค่อเฉียง นายกรัฐมนตรีของจีน และได้ข้อสรุปว่า ไทยทำเองดีกว่าไม่ร่วมลงทุนกับจีนแล้ว

“เรื่องรถไฟปล่อยมา2 ปีแล้ว คิดว่าถึงเวลาที่ต้องตัดสินใจ จากสถานการณ์ปัจจุบันและทบทวนข้อมูลทั้งหมด เห็นว่าเราจะไม่ร่วมกับจีนแล้ว ทำเองดีกว่าเพราะเรามีขีดความสามารถและเตรียมงบประมาณไว้แล้ว”

นายกรัฐมนตรีกล่าวพร้อมกับตั้งเป้าหมายว่า จะสร้างสายอีสานก่อน เพราะเป็นแหล่งวัตถุดิบ แหล่งแรงงาน สถานประกอบการและมีจังหวัดใหญ่ ๆ ที่เข้มแข็ง เริ่มจากกรุงเทพฯ-โคราช ระยะทาง 250 กม. เป็นรถไฟความเร็วสูง ใช้เวลาเดินทาง 1 ชั่วโมงเศษ โดยจะเริ่มลงมือให้เร็วที่สุดนั่นคือจะเริ่มต้นให้ได้ในรัฐบาลชุดนี้

“การทำงานยังเป็นแบบจีทูจีกับรัฐบาลจีน ในด้านเทคโนโลยีใช้จากจีน มีวิศวกรมาถ่ายทอด มาช่วยเราก่อสร้าง คนงานก่อสร้างก็เอาของไทย แต่ของบางอย่างที่ทำเองไม่ได้ก็ซื้อเขา ทั้งหมดเป็นการจ้างก่อสร้าง แต่ใช้เงินในประเทศเรา อาจมีการร่วมทุนกับเอกชนบ้างเรื่องระบบรถ ราง และอาณัติสัญญาณ ซึ่งให้กระทรวงคมนาคม ไปดำเนินการแล้ว”พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวในทำนองไว้ไมตรีกับจีน

แต่เนื้อหาสาระที่แท้จริงคือ เมื่อไทยเราจะทำเองทั้งหมดก็คือ ไม่มีการร่วมทุนแล้ว และการทำงานก็ไม่จำเป็นใดๆ ที่ต้องไปผูกพันแบบจีทูจีหรือรัฐบาลต่อรัฐบาลอย่างที่ว่า หากรัฐบาลไทยอยากได้ของ อยากจ้างวิศวกรมาช่วยก่อสร้างก็จัดซื้อจัดจ้างโดยไม่ต้องผูกกับจีนเจ้าเดียว ยิ่งนายกรัฐมนตรีบอกว่ารัฐบาลมีเงินอยู่แล้ว มีขีดความสามารถอยู่แล้ว ก็สามารถเปิดประมูลแบบ International Bidding เพื่อหาข้อเสนอและทางเลือกที่ดีที่สุด แต่นั่นหมายความว่ารัฐบาลไทยต้องมีความชัดเจนในเป้าหมายว่าต้องการสร้างทางรถไฟแบบไหน เพื่อวัตถุประสงค์อะไร ฯลฯ ตอบโจทย์ให้เคลียร์คัตก่อน อย่าเดาด้นเหมือนที่ทำกับจีน ซึ่งต้องมีผลศึกษาออกมาชัดเจนก่อนจะเชิญชวนใครๆ เข้ามาประมูล

ความตั้งใจของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่ต้องการสร้างประวัติศาสตร์การกำเนิดของรถไฟความเร็วสูงให้แก่ประเทศไทย จะมีวันที่ฝันนี้จะเป็นจริงหรือไม่ โปรดติดตามกันต่อไป



กำลังโหลดความคิดเห็น