xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

“ขันแดง” แสลงใจ เรื่องของ“คนไร้สาระ” VS “บิ๊กบ้าจี้”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นางธีรวรรณ เจริญสุข แกนนำคนเสื้อแดงกลุ่มรักเชียงใหม่ 51 กับขันแดงแสลงใจ
ผู้จัดการสุดสัปดาห์ -ชักจะไปกันใหญ่! ไม่รู้ไปกินรังต่อรังแตนที่ไหนกันมา ต่อมความอดทนต่ำ ใคร พูดไม่เข้าหู คว้ากระบองอาญาสิทธิ์มาตรา 44 ไล่หวดไม่เลี้ยง

เรียกว่า นาทีนี้จะไม่ให้ใครขยับ นอกจากเสียงหายใจ ตามคิวที่ลากคอ “เดอะเงาะ” วรชัย เหมะ อดีตส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย และแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ไปเข้าค่ายดัดสันดาน หลัง “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) บ่นออกรายการคืนความสุขฯ ไม่พอใจที่แกนนำเสื้อแดง ขอให้ลาออกถ้าร่างรัฐธรรมนูญไม่ผ่านประชามติ

เมื่อหัวส่าย หางก็กระดิก “ทีมท็อปบูต” รู้งานรับรู้อารมณ์รอบนี้ “บิ๊กตู่” ยั๊วะสุดๆ ต่อสายแจ้งเป้าหมายทันทีให้เตรียมเก็บผ้าเก็บผ่อนไปนอนค้างในค่ายทหาร ก่อนที่เช้าวันรุ่งขึ้นบุกไปเชื้อเชิญ “เดอะเงาะ” ถึงบ้าน แบบที่เจ้าของบ้านปฏิเสธไม่ได้ พร้อมรับสิทธิ์ที่พัก-อาหารฟรีใน “อาร์มี่ รีสอร์ท” 3 วัน 3 คืน

ถัดมาเป็นคิว “เสี่ยไก่” วัฒนา เมืองสุข อดีตรัฐมนตรีหลายกระทรวง และแกนนำพรรคเพื่อไทย เจอทหารบุกบ้าน โทษฐานโพสต์เฟซบุ๊กกระแทกแดกดัน “ท่านผู้นำ” ไม่เว้นแต่ละวัน แต่ “ทีมท๊อปบูต” ลืมแจ้งนัดหมายเลยคาดกัน เพราะเจ้าตัวไม่อยู่บ้าน ทำได้แค่ปิดล้อมหมู่บ้านดูลาดเลาเผื่อเป้าหมายโผล่มาเซอร์ไพร์ส

และด้วยว่าช่ำชองคุ้นเคยดีกับทหาร มีประสบการณ์เข้าค่ายปรับทัศนคติมาก่อน “เสี่ยไก่” สวมบทนินจาใช้วิชาล่องหน กริ๊งกร๊างต่อรองจะไปหาถึงที่ค่ายทหารในวันรุ่งขึ้นแทน หลังเสร็จภารกิจรายงานตัวที่ศาลในช่วงเช้าวันเดียวกัน เลยได้เดินเข้าค่ายมณฑลทหารบก (มทบ.) ที่ 11 อย่างเท่ๆ ไม่มีคนหิ้วปีกเหมือน “เดอะเงาะ”

ตัวจี๊ดเพื่อไทยโดนกันติดๆ รับขวัญก่อนเข้าสู่บรรยากาศการทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญ เลยมิวายถูกมองว่า เป็นยุทธศาสตร์ “เชือดไก่ให้ลิงดู” อุดปากไม่ให้ก่อหวอดสร้างความวุ่นวาย หรือปลุกปั่นในช่วงที่สถานการณ์บ้านเมืองกำลังเข้าสู่ “จุดพีค”

ตามสัญชาตญาณทหารชอบหวาดระแวงเป็นต้นทุน คิดแง่ลบมากกว่าบวกไว้ก่อน เพื่อให้รับมือทุกสถานการณ์ได้ อะไรที่จะเป็นหัวเชื้อไปสู่จุดบานปลายจะเร่งสกัดทั้งหมด

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น มันก็ถูกติติงเหมือนกันว่า ทำเกินไปหรือเปล่า เพราะถ้าดูสาระที่ “เดอะเงาะ” ให้สัมภาษณ์ก็ไม่ได้หนักหนาสาหัสถึงขั้นปลุกระดมคนให้มาตะเพิดรัฐบาล หรือที่ “เสี่ยไก่” โพสต์เฟซรายวัน ก็แค่เอามันส่วนตัว แดกดัน “ท่านผู้มีอำนาจ” ให้รำคาญใจเล่นๆเท่านั้น ตามประสานักการเมืองที่หมั่นเขี้ยว ไม่มีพื้นที่ให้เล่น ไม่มีเวทีให้พูดเท่านั้นเอง

อารมณ์ “ปล่อยวาง” แบบเข้าหูซ้ายทะลุหูขวา คงใช้ไม่ได้กับ “บิ๊ก คสช.” ในยามนี้ ที่ “คีย์แมนค่าย คสช.” ทั้ง “บิ๊กตู่” และ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ดูจะเมามันกับการไล่หวด “คนเห็นต่าง” แทนที่จะทำเงียบๆ ไม่ให้เป็นประเด็นการเมือง กลับเอาล่อเอาเถิดกันใหญ่โตมโหระทึก “ปรับทัศนคติ” แบบเดิมคงไม่หนำใจ ยังให้สัมภาษณ์อย่างพึ่งผายว่า “เอาไม่อยู่” ประมาณว่าหลายคนเริ่มดื้อยา โดนหลายรอบก็ยังไม่เข็ดหลาบ หนำซ้ำ บางคนยังตั้งใจแกว่งเท้าเพื่อให้ถูกเข้าค่ายทหาร หวังสร้างกระแสผู้มีอำนาจละเมิดสิทธิมนุษยชน จะว่าไป ก็เข้าอีหรอบขุดบ่อล่อปลานั่นแล

แต่กลายเป็นว่า “บิ๊ก ป.ปลา” ก็เต็มใจลงบ่อ เปิดหน้าแลกบอกต่อไปนี้จะปรับรูปแบบเปิดหลักสูตร “คอร์สระยะสั้น” อบรมพวกนักการเมือง จับ “ตัวจี๊ด” เข้าค่ายทหารเลกเชอร์ทั้งเรื่องการเมืองธรรมาภิบาล-ศีลธรรม-คุณธรรม-จริยธรรม ส่วนระยะเวลาก็ตามดีกรีความดื้อแพ่ง 3 วัน 5 วัน 7 วัน 15 วัน 30 วัน ดื้อมาก ดื้อน้อย ว่ากันไปตามเรื่อง เปิดหัวประเดิมกับรายของ “เดอะเงาะ - เสี่ยไก่” โดยไปเบาะๆ คนละ 3-4 วัน

ไม่น่าเชื่อว่า ระดับ “บิ๊ก คสช.” จะคิดแบบ “โลกสวย” อย่างไม่น่าเชื่อ เพราะในทางปฏิบัติไอเดีย “บิ๊ก คสช.” ออกไปทางน่าขันมากกว่า เพราะว่ากันตามเนื้อผ้า “คนเห็นต่าง” ก็คือ “คนเห็นต่าง” ที่ไม่ยอมรับอำนาจ “รัฐบาลทหาร” พูดปากเปียกปากแฉะให้ตายยังไงก็คือ “คนเห็นต่าง” อยู่วันยันค่ำ

การจะดัดนิสัยใครด้วยหลักสูตรเรียนลัด 2 - 3 วัน หรือหิ้วไปขังเป็นเดือน เต็มที่ก็แค่สร้างความฮือฮาเป็นข่าวเป็นคราวแล้วก็เงียบหายไป ลงเอยดื้อยาเหมือนกลวิธีปรับทัศนคติที่ได้ผลแค่บางคนเท่านั้น สู้ปล่อยผ่านไม่สนใจเสียงนกเสียงกาให้กลายเป็น “ไฟไหม้ฟาง” แปบเดียวคนก็ลืมยังจะดีซะกว่า

เข้าทางแบบนี้สวยเลย เสียงแว่วจาก “ทีมยุทธศาสตร์เพื่อไทย” ทุบโต๊ะแล้วว่า ช่วงนี้จะเดินเกม “ยั่ว คสช.” ให้ถี่ขึ้น ผลัดหน้ากันออกมาเขย่าเหย้าอารมณ์ “บิ๊กทหาร” ให้คนที่ไม่มีปัญหาสุขภาพ-ไร้คดีความติดตัว ยอมเสียสละไปนอนเล่นในค่ายทหารกันสัก 3-4 วัน ขยี้ปม “เผด็จการ” ปิดกั้นความคิดเห็น เผื่อมีของแถมเป็น “บิ๊ก คสช.” ฟิวส์ขาดออกสื่อ ก็เท่ากับได้สองเด้ง ส่วน “ยาแรง” ประเภทตัดธุรกรรมทางการเงิน-ถอนประกัน ก็ยังหวั่นใจกันอยู่บ้าง แต่เกือบ 2 ปีดีแต่ขู่ ยังไม่แจ็กพอตโดนให้เห็นสักราย

ส่วนรายของ “เสี่ยไก่” ยกเป็นกรณีพิเศษ ให้เป็น “หัวหมู่ทะลวงฟัน” ต่อไป ล่าสุดเจ้าตัวได้ออกจากค่ายทหารแล้ว ก็ยังประกาศจะวิพากษ์ คสช.ต่อเนื่อง แง่หนึ่งก็เรียกร้องประชาธิปไตย โหยหาการเลือกตั้ง แต่อีกมุมหนึ่งก็อารมณ์ “แค้นฝังหุ่น” โดนหนักกว่าใครเพื่อน ทั้งที่ก็เคยเป็น “ขาประจำ” เข้านอกออกใน “บ้านใหญ่” ใน ร.1 พัน.1 รอ. อยู่บ่อยๆ ก่อนติดแบล็คลิสต์ในช่วงหลัง

สรุปง่ายๆ เกมนี้ ฝั่งเพื่อไทยอาศัยลูกขยัน “ยั่วประสาท” เก็บแต้มไปเรื่อย ขณะที่ฝั่ง คสช.อยู่ในสมรภูมิที่ได้เปรียบ กลับโดดลงไปเล่นด้วย ต่อความยาวสาวความยืดไปกันใหญ่

ที่ตลกร้ายยิ่งกว่า “พี่ทหารบ้าจี้” ต๊กกะใจเรื่อง “ขันน้ำสีแดง” สลักข้อความ “แม้สถานการณ์จะร้อน ขอให้พี่น้องได้รับความเย็นผ่านขันใบนี้ ด้วยรักและห่วงใย สุขสันต์วันสงกรานต์” ที่สองศรีพี่น้อง “เหลี่ยมดูไบ” ทักษิณ - ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี แจกจ่ายให้ชาวเชียงใหม่ได้เล่นน้ำสาดสงกรานต์ แม้ทางการเมืองจะ เป็นการจงใจนัย “ยั่วประสาท” แต่ก็ไม่ถึงกับต้องกับเดือดร้อนฝ่ายความมั่นคงไปไล่จับ

โดยเฉพาะกรณี “ทีม คสช.” โดยเจ้าหน้าที่ทหารมทบ. 33 ไปควบคุมตัว ธีรวรรณ เจริญสุข แกนนำคนเสื้อแดงกลุ่มรักเชียงใหม่ 51 ที่ไปโพสต์ภาพถือขันสีแดงลงผ่านโซเชียลมีเดีย พร้อมทั้งนำตัวไปฝากขังที่ทัณฑสถานหญิงเชียงใหม่ ในข้อหาขัดความมั่นคง ต้องนำตัวไปขึ้นศาลทหาร ตามมาตรา 116 ประกอบประกาศ คสช. ฉบับที่ 37/2557

กลายเป็นทอล์ก ออฟ เดอะทาวน์ให้ชาวบ้านนินทากันสนุกปาก ทหารตัวเบ้อเร่อ มีอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ถือปืนทะมัดทะแมง แต่กลับกลัวขันสีแดงใบเล็กๆ ถึงขนาดขัดความมั่นคงกันเลย

เลยเถิดยิ่งกว่าแค่ขันใบสีแดงธรรมดาๆ กลับตั้งข้อหาเรื่องความมั่นคง ซ้ำร้าย “บิ๊กตู่ - บิ๊กป้อม” ยังเล่นทำนองเดียวสนับสนุนให้จับ มองว่า เป็นการยั่วยุปลุกปั่น ผิดกฎหมายด้านความมั่นคง ย้ำว่าเป็นการเคลื่อนไหวที่และประชาชนไม่ควรสนับสนุนคน ที่ทำผิดกฎหมายแล้วหลบหนี ทั้งๆ ที่ในแง่ความเป็นจริงน่าจะไปเอาเรื่องกับ “คนแจก” ยังพอสมเหตุสมผลมากกว่าอีก

อย่าว่าแต่คนเสื้อแดงที่ด่าสาดเสียเทเสียกรณีนี้เลย คนกันเองมองแล้วยังเพลียจิต เพราะเรื่องแค่นี้ปล่อยผ่าน หรือขอความร่วมมือกันภายในก็ได้ แต่นี่เอาขึ้นโรงขึ้นศาล กลายเป็นเรื่องราวใหญ่โต ถ้าเกิดติดคุกเพราะขันใบเดียวคงเป็นอะไรที่พิลึกที่สุดในโลกทำเป็นเล่นไป

จับอารมณ์ 2 บิ๊กใหญ่แห่งค่าย คสช.ขึงขัง ทางหนึ่งยังเป็นการส่งสัญญาณตอกกลับ “นายใหญ่-นายหญิง” ทางอ้อมเหมือนกัน หวดกันดังๆ ให้รู้เลยว่า ประเทศไทยตอนนี้ใครคุม อย่ามาแหยม!

แม้จะพยายามเข้าใจว่า ในอาการวิตกจริตไม่ต้องการให้มีการเคลื่อนไหวในช่วงที่การเมืองไทยสู่จุด “ไคลแมกซ์” ต้องการกดให้นิ่งที่สุดในช่วงประชามติ แต่ก็ต้องอย่าลืมว่า แบบนี้มันอาจจะกลายเป็นดาบสองคมต่อ คสช.เช่นเดียวกันในแง่เรื่องของการใช้อำนาจ

แล้วยิ่งอ่อนไหวแบบนี้ในช่วงของการทำประชามติ ใครพ่นใครพูดเรียกเข้าข่ายปรับทัศนคติดะ มันจะยิ่งเป็นการลดความชอบธรรมให้กับร่างรัฐธรรมนูญฉบับ มีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) เพราะไม่มีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นอย่างกว้างขวาง ส่งผลให้บรรยากาศการทำประชามติเป็นไปในลักษณะของการขืนใจ สุดท้ายคนจะไม่สนใจเนื้อหา แต่จะพุ่งไปที่พฤติกรรมของฝ่ายอำนาจเสียมากกว่า!

ไม่รู้เหมือนกันเหตุใด คสช. มองข้ามข้อนี้ แบบไม่กลัวแถลงการณ์จะองค์กรระหว่างประเทศ หรือจริงๆ แล้วรู้แต่ตั้งใจทำ เพราะจังหวะนี้พี่เบิ้มอย่างสหรัฐอเมริกาอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านรัฐบาล

“บารัก โอบามา” ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่เคยรังแกไทยสารพัด ระยะหลังกลายเป็นดร็อปไป แถมยังพลิกหน้ามือเป็นหลังเท้า พินอบพิเทาไทยจนน่าขนลุก ตามการวิเคราะห์ของผู้เชี่ยวชาญต่างประเทศที่มองว่า เป็นเพราะอยู่ในช่วงปลายสมัย ที่ส่วนใหญ่ประธานาธิบดีมักจะเดินสายทำเพื่อตัวเองมากกว่าพรรค เพื่อต้องการหาผลงานให้คนจดจำ

ในขณะที่ภาพแข็งกร้าวก่อนหน้านี้ก็เป็นเพียงหัวโขนที่ต้องแอ็กชั่นในฐานะชาติผู้รณรงค์เรื่องประชาธิปไตย ด้วยเหตุนี้กระมังเลยทำให้ “2 ป.” ผู้ยิ่งใหญ่ไม่กลัวเกมภายนอกประเทศ เร่งรุกหวดพวกนักการเมืองไม่มียั้ง

ถ้าถามคนโลกสวยก็อาจจะบอกว่า ไม่ประมาท กันไว้ดีกว่าแก้ แต่ถ้าถามคนอื่น อาจจะเจอคำถามว่า เอาเรื่องกระทั่งรูปขันแดง ราวกับเป็นอาวุธนิวเคลียร์ทรงพลานุภาพ

ตัว “บิ๊กตู่” ก็บอกเองว่า เกือบ 2 ปีที่เข้ามา มีปัญหาต้องแก้ยาวเป็นหางว่าว จนแทบไม่มีเวลาพักผ่อน ยังจะเอาเวลาไปหมกมุ่นกับเรื่องที่ไม่ใช่เรื่องแบบนี้อีก ควรตั้งหน้าตั้งตาทำตาม “โรดแมป” ให้เห็นมรรคเห็นผล อย่าให้คนนินทาว่า ทหารเข้ามาทีไร ก็ “เสียของ” ทุกที



กำลังโหลดความคิดเห็น