xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

เปิดตัว “เจนภพ วีรพร” ตีนผีซิ่งเบนซ์ทายาท “เลนโซ่กรุ๊ป” โลกโซเชียลกัดไม่ปล่อยหวั่นซ้ำรอย “แพรวา”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายเจนภพ วีรพร คนขับรถเบนซ์
ผู้จัดการสุดสัปดาห์ -กำลังเป็นเรื่องที่ “ร้อนฉ่า” ในโลกสังคมออนไลน์สำหรับ “โศกนาฏกรรมรถเบนซ์ชนกับรถฟอร์ด” บนถนนพหลโยธินขาออก ช่วงหลักกิโลเมตรที่ 52-53 ใต้ทางต่างระดับบางปะอิน อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยาเมื่อวันอาทิตย์ที่ 13 มีนาคม 2559 ที่ผ่านมา จนทำให้ผู้ที่อยู่ในรถยนต์ฟอร์ด เฟียสต้า ถูกไฟคลอกเสียชีวิตคาที่ 2 รายคือ นายกฤษณะ หรือโต้ง ถาวร กับ น.ส.ธันฐภัทร์ หรือเบนซ์ ฮ้อแสงชัย เนื่องเพราะ “คดียังไม่มีความคืบหน้า” อย่างที่ควรจะเป็นนับตั้งแต่เกิดเหตุ

ผ่านไปหลายวัน ทั้งๆ ที่มีหลักฐานเด่นชัดว่า รถเบนซ์คันดังกล่าวขับมาด้วยความเร็วสูงลิบลิ่วก่อนจะเสียหลักชนกับขอบทางแล้วพุ่งชนรถฟอร์ดที่ขับอยู่ช่องจราจรซ้ายสุดอย่างเต็มแรงจนทำให้กระเด็นไปไกลถึงกว่า 200 เมตร เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ยังไม่มีการตั้งข้อกล่าวหาหรือจับกุมดำเนินคดีแต่อย่างใด จนผู้คนเกรงว่าจะเกิดเหตุซ้ำรอยกรณี “คุณหนูแพรวา”

ที่สำคัญคือ ผู้ขับรถเบนซ์ CSL สีดำ ทะเบียน ษง 3333 คันดังกล่าวก็ไม่ใช่ตาสีตาสาหากแต่เป็นนักธุรกิจชื่อดังอย่าง “นายเจนภพ วีรพร” ซึ่งเป็นเจ้าของบริษัทนำเข้ารถหรู และทายาทของ “เลนโซ่กรุ๊ป”

กระทั่งในที่สุดเรื่องก็กลับมาดำเนินไปในทิศทางที่ควรจะเป็นอีกครั้ง 2 คนดังที่มีชื่อเชียงอย่าง โอปอล์ ปาณิสรา และหนุ่ย พงศ์สุข หิรัญพฤกษ์ ได้พร้อมใจกับแสดงความคิดเห็นผ่านเฟซบุ๊กเพื่อทวงถามความยุติธรรมให้กับผู้เสียชีวิตทั้ง 2 คน

โดยเมื่อวันที่ 16 มีนาคม 2559 โอปอล์ ปาณิสรา นักแสดงและพิธีกรชื่อดัง ได้แชร์ข่าวดังกล่าว และโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Opal Panisara Official เกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้น โดยเผยว่า เธอรู้จักกับ “น้องเบนซ์” หนึ่งในผู้เสียชีวิต น้องเป็นคนน่ารักและอ่อนโยน คนรอบข้างสัมผัสได้ถึงความจริงใจและมีเมตตาของน้องเสมอ ขอให้วิญญาณของน้องไปสู่สุคติ และขอให้กระบวนการยุติธรรมทั้งทางโลกและทางเวรกรรมทำงานอย่างมีประสิทธิภาพที่สุด อย่าให้คนดี ๆ ต้องจากไปฟรี ๆ โดยไม่สามารถเรียกร้องความเป็นธรรมใดได้เลย

ต่อมา โอปอล์ ปาณิสรา ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก หลังไปร่วมงานศพ น้องเบนซ์ ว่า “พี่กับพี่โอ๊คและเพื่อน ๆ สถาบันพระปกเกล้า ปนป.รุ่น 2 มาร่วมส่งน้องเบนซ์ นางฟ้าของรุ่นไปสวรรค์นะคะ พี่เชื่อว่าความยุติธรรมมีจริง น้องเบนซ์ไม่ต้องห่วงอะไรทางนี้แล้วนะคะ ด้วยรักและระลึกถึงเสมอค่ะ #wearepnp2forever”

ขณะที่ หนุ่ย พงศ์สุข หิรัญพฤกษ์ พิธีกรและผู้ผลิตรายการชื่อดัง ได้โพสต์เฟซบุ๊ก Pongsuk Hiranprueck ถึงเหตุการณ์ดังกล่าวว่า โศกนาฏกรรมของเพื่อนเขาในครั้งนี้ ความคืบหน้าคดีดูท่าจะเงียบงัน เมื่อคุณตำรวจยังไม่ได้ตั้งข้อหากับคนขับรถเบนซ์ ที่ขณะนี้กำลังรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล พร้อมชี้ว่า ทางกฎหมาย ตำรวจสามารถใช้อำนาจบังคับการสอบสวนได้ เช่น ตรวจปัสสาวะหาสารเสพติด ซึ่งต้องตรวจภายใน 48 ชั่วโมง แต่นี่เลยมานานแล้ว ไม่รู้จะหลงเหลืออะไรอยู่บ้าง

ขณะเดียวกันเพจชื่อดัง CSILA ได้มีการกล่าวอ้างถึง คดีที่คนขับรถเบนซ์เคยขับรถจนเกิดอุบัติเหตุมาแล้วเมื่อ 4 ปีที่ผ่านมา ด้วยรถ BMW Z4 ใช้หมายเลขทะเบียน ษง 3333 ซึ่งเป็นเลขทะเบียนเดียวกับรถเบนซ์ที่เกิดเหตุ แต่ครั้งนั้นไม่มีใครเสียชีวิตแต่อย่างใด

เฉกเช่นเดียวกับชาวเน็ตจำนวนมากต่างโพสต์ข้อความไว้อาลัยต่อการสูญเสียของผู้เสียชีวิตทั้ง 2 ราย รวมทั้งตั้งคำถามถึงการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.พระอินทร์ราชา อ.บางประอิน จ.พระนครศรีอยุธยา เนื่องจากเห็นว่า แปร่งปร่าไปจากที่ควรจะเป็น จนทำให้คาดการณ์ถึง “อนาคตของคดี” ที่จะตามมาในภายหลังได้
นายเจษฎา วีรพร พ่อขอนายเจนภพ
หลังจากที่โลกโซเชียลตั้งคำถามเอากับเจ้าหน้าที่ตำรวจมาอย่างต่อเนื่อง “กนก รัตน์วงศ์สกุล” และ “ธีระ ธีระ ธัญไพบูลย์” ก็ได้ติดตามความคืบหน้าในเรื่องนี้ โดยสัมภาษณ์ พ.ต.อ.พงศ์พัฒน์ สุขสวัสดิ์ ผกก.สภ.พระอินทร์ราชา เจ้าของพื้นที่เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 16 มีนาคม 2559 ผ่านรายการข่าวข้นคนข่าวซึ่งสามารถสรุปได้ว่า...

หนึ่ง-ยังไม่ได้มีการตั้งข้อหา เนื่องจากตำรวจอ้างว่านายเจนภพได้รับบาดเจ็บ

สอง-ไม่ได้มีการตรวจหาสารเสพติดหรือตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ในร่างกายของนายเจนภพ เพราะตำรวจอ้างว่านายเจนภาพได้รับบาดเจ็บ ซึ่งขณะเกิดเหตุทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจและหน่วยกู้ภัย ก็ไม่ได้กลิ่นสุราจากผู้ขับแต่อย่างใด
รวมทั้งอ้างแบบตลกๆ อีกต่างหากว่า ผู้บาดเจ็บไม่ยินยอม

สาม-กระทั่งถึงวันที่ 16 มีนาคม ตำรวจยังไม่ได้มีการสอบปากคำและแจ้งข้อกล่าวหากับนายเจนภพ จนเมื่อมีการไล่จี้และไล่บี้จากสื่อและสังคม ในวันที่ 17 มีนาคม 2559 ถึงได้มีการไปแจ้งข้อกล่าวหาขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย

“ในเบื้องต้นจะแจ้งข้อหาขับรถโดยประมาททำให้ทรัพย์สินผู้อื่นเสียหาย และเป็นเหตุทำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย และจะทำการสอบปากคำนายเจนภพในรายละเอียดเกี่ยวกับคดีเป็นครั้งแรก ส่วนการสอบปากคำพยานในเหตุการณ์มีความคืบหน้าไปมากแล้ว ส่วนผู้ที่โพสต์คลิปเหตุการณ์ได้ประสานติดต่อเพื่อเข้าให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว ซึ่งภายหลังจากเห็นคลิปเหตุการณ์ค่อนข้างยืนยันชัดในพฤติการณ์ของผู้ขับขี่ได้อย่างชัดเจน โดยทางตำรวจค่อนข้างมีพยานหลักฐานแน่นหนาในการเอาผิดกับผู้ก่อเหตุ ยืนยันว่าก่อนหน้านี้มีการเดินทางมาพบผู้ก่อเหตุตั้งแต่วันแรกแต่เนื่องจากยังอยู่ในห้องไอซียูทำให้ไม่สามารถสอบปากคำได้ สำหรับประเด็นที่สังคมสงสัยว่าผู้ก่อเหตุจะมีแอลกอฮอล์หรือไม่นั้น ยืนยันว่าวันที่เกิดเหตุผู้ต้องหาไม่มีกลิ่นแอลกอฮอล์แต่อย่างใด อย่างไรก็ตามจะมีการสอบปากคำในรายละเอียดต่างๆ ซึ่งคาดว่าจะมีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น ไม่ต้องห่วงเจ้าหน้าที่ตำรวจจะให้ความเป็นธรรมกับทั้ง 2 ฝ่าย”พ.ต.ท.สมศักดิ์ พลพันขาง รองผกก.(สอบสวน) สภ.พระอินทร์ราชา จ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งเดินทางมาที่โรงพยาบาลสมิติเวช เพื่อเข้าแจ้งข้อหากับนายเจนภพอธิบาย

คำถามที่ชวนให้ค้นหาคำตอบยิ่งก็คือ ทำไมตำรวจถึงมีท่าทีเกรงอกเกรงใจนายเจนภพเช่นนั้น

คำตอบมีอยู่ว่า นายเจนภพนั้นคือ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ลัคโซติค ออโตโมทีฟ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทนำเข้ารถหรู ขณะที่ธุรกิจครอบครัวคือ “เลนโซ่กรุ๊ป” อันมีบริษัทน้อยใหญ่ในเครือมากมายนับสิบแห่ง ทั้งธุรกิจเคมีภัณฑ์ขนาดใหญ่ ธุรกิจโทรคมนาคม ธุรกิจค้าอุปกรณ์สำนักงานอัตโนมัติ อาทิ ตู้โทรศัพท์สาขาอัตโนมัติ เครื่องโทรสาร ล้อแม็กซ์ ซึ่งมีรายได้รวมกันนับหลายพันล้านบาท
สภาพรถเบนซ์และรถฟอร์ดขณะเกิดเหตุ

หากยังไม่ลืมกัน หนึ่งในนั้นก็คือ ธุรกิจเพจเจอร์ที่คนไทยรู้กันดีอย่าง “อีซีคอลล์”

สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ตรวจสอบข้อมูล นายเจนภพพบว่า ปรากฏชื่อเป็นกรรมการผู้จัดการ บริษัท ลัคโซติค ออโตโมทีฟ จำกัด แจ้งประกอบธุรกิจจำหน่ายและหรือเป็นนายหน้าจำหน่ายสินค้าประเภทยานยนต์ โดยสารรถยนต์นั่ง จดทะเบียนจัดตั้งเมื่อวันที่ 5 เมษายน 2556 ทุน 1 ล้านบาท ตั้งอยู่เลขที่ 292 ถนนศรีนครินทร์ แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กรุงเทพมหานคร

รายชื่อผู้ถือหุ้น ณ 30 เม.ย.58 นางสาว เจณณิช วีรพร และนาย เจนภพ วีรพร ถือหุ้นใหญ่สุด คนละ 49,000 หุ้น มูลค่าหุ้นคนละ 490,000 บาท นาย เจษฎา วีรพร ถืออยู่ 2,000 หุ้น มูลค่า 20,000 บาท

นำส่งงบการเงินล่าสุด 31 ธันวาคม 2557 แจ้งว่า มีรายได้รวม 38,767,360.41 บาท รวมรายจ่าย 38,661,612.46 บาท กำไรสุทธิ 84,215.13 บาท

นอกจากนี้ นายเจนภพยังปรากฏรายชื่อเป็นกรรมการและผู้ถือหุ้นบริษัทธุรกิจ 15 แห่ง รวมวงเงินทุนจดทะเบียนมากกว่าพันล้านบาท ได้แก่ 1. บริษัท เจ การ์ด จำกัด ทุนจดทะเบียน 2 แสนบาท 2.บริษัท ไซเบอร์คอล จำกัด ทุนจดทะเบียน 625,000 บาท 3. บริษัท ริมแคว รีสอร์ท จำกัด ทุน 1 ล้านบาท 4. บริษัท เลนโซ่ คอร์ปอร์เรชั่น จำกัด (มหาชน) ทุน 550 ล้านบาท 5.บริษัท เลนโซ่ดาต้าคอม จำกัด ทุน 221 ล้านบาท 6. บริษัท เลนโซ่ ไดเร็ค จำกัด ทุน 10 ล้านบาท 7. บริษัท เลนโซ่ เทอร์มินอล จำกัด ทุน 150 ล้านบาท บาท 8. บริษัท เลนโซ่ แลนด์ จำกัด ทุน 120 ล้านบาท 9. บริษัท เลนโซ่ ไวนิล จำกัด ทน 150 ล้านบาท 10. บริษัท เลนโซ่ อินเตอร์เทรด จำกัด ทุน 15 ล้านบาท 11. บริษัท ออสเนล จำกัด ทุน 10 ล้านบาท 12. บริษัท ฟอร์เรสท์ฮิลล์ จำกัด ทุน 5 ล้านบาท 13.บริษัท สยาม อีโค เอนเนอร์จี จำกัด ทุน 24 ล้านบาท 14. บริษัท คาฟก้า จำกัด ทุน 6 ล้านบาท และ 15.บริษัท รัชดา เวชกิจ จำกัด ทุน 2 ล้านบาท

สำหรับ บริษัท เลนโซ่ คอร์ปอร์เรชั่น จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นธุรกิจที่มีทุนจดทะเบียน และรายได้ผลประกอบการมากที่สุด จดทะเบียน 26 กันยายน 2538 ตั้งอยู่เลขที่ 292 อาคารเลนโซ่เฮ้าส์ 1 ชั้น 5-7 ถนนศรีนครินทร์ แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กรุงเทพมหานคร แจ้งประกอบธุรกิจนำเข้าเคมีภัณฑ์ และจำหน่าย - นำเข้า โดยนายเจษฎา วีรพร (บิดานายเจนภพ) เป็นกรรมการผู้มีอำนาจ และผู้ถือหุ้นใหญ่ 25,799,993 หุ้น มูลค่า 257,999,930 บาท นายเจนภพ วีรพร ถือหุ้นใหญ่เป็นอันดับ 2 รวมกับ นางสาว เจณณิช วีรพร คนละ 8,600,000 หุ้น มูลค่า 86,000,000 บาท

บริษัทนำส่งงบการเงินล่าสุด แจ้งว่ามีรายได้รวม 1,289,687,510.38 บาท ต้นทุนสินค้าที่ขาย 1,152,298,702.09 บาท กำไรสุทธิ 32,467,447.45 บาท

ทั้งนี้ หลังเจ้าหน้าที่ตำรวจไปแจ้งความดำเนินคดี นายเจษฎา วีรพร บิดาของนายเจนภพ ได้อธิบายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่อสาธารณชนว่า วันแรกหลังจากเกิดเหตุตนเองอยู่ที่ จ.ภูเก็ต เมื่อทราบข่าวจึงรีบเดินทางกลับให้เร็วที่สุด โดยให้เพื่อนเข้าไปพบกับญาติผู้เสียชีวิตที่โรงพยาบาลก่อน สาเหตุที่ไม่ได้ไปด้วยตนเองเนื่องจากต้องดูแลลูกชายที่บาดเจ็บที่ห้องไอซียู และตนเองเป็นคนสั่งให้ย้ายโรงพยาบาลด่วนเนื่องจากลูกชายของเป็นคนไข้ที่รพ.สมิติเวช และเป็นห่วงเรื่องเครื่องมือที่จะรักษาลูกชายเพราะยังไม่รู้ว่าอาการเป็นอย่างไรบ้าง เพราะเห็นคลิปแล้วก็ตกใจเพราะชนขนาดนี้อาการก็น่าจะรุนแรง คนเป็นพ่อเพื่อความปลอดภัยของลูกก็ต้องให้เขาย้ายโรงพยาบาล ที่บอกว่าเขาเป็นคนมีสติบอกให้ย้ายเองเรื่องนี้ ไม่ใช่พ่อเป็นคนสั่งให้ย้ายเอง ส่วนด้านผู้เสียชีวิตตนเองได้เดินทางไปร่วมสวดพระอภิธรรมศพในคืนแรก รวมถึงขอขมากับญาติของผู้เสียชีวิตด้วย ซึ่งในวันดังกล่าวมีโอกาสพูดคุยกันในเบื้องต้น ซึ่งครอบครัวของผู้เสียชีวิตยังฝากความเป็นห่วงถึงลูกชายของตนเองด้วย รวมถึงไม่ต้องเป็นห่วงและขอให้หายจากการบาดเจ็บโดยเร็ว

“ล่าสุดลูกชายยังมีอาการบาดเจ็บที่หัวเข่าไม่ทราบต้องมีการผ่าตัดหรือไม่ รวมถึงทีมแพทย์กำลังตรวจเช็กสมองว่ามีอาการผิดปกติร่วมด้วยหรือไม่ เนื่องจากลูกชายจำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้ โดยส่วนตัวคิดว่ายังไม่ถึงเวลาที่จะพูดคุยในเรื่องของคดีความ เนื่องจากต่างฝ่ายต่างยังมีความเสียใจอยู่ ซึ่งภายหลังจากนี้จะมีการพูดคุยเพื่อให้มีความชัดเจนเพิ่มขึ้น”

นายเจษฎา เปิดเผยอีกว่า เห็นข้อมูลที่แชร์ในสื่อสังคมออนไลน์แล้ว บางข้อมูลก็ไม่เป็นความจริง เช่น รถยนต์ก็ไม่ใช่รุ่นที่ลูกชายเคยใช้ แต่ยอมรับว่าลูกชายเคยประสบอุบัติเหตุมาแล้ว 2-3 ครั้ง ซึ่งใครที่ขับรถมาคงทราบดีว่าอุบัติเหตุสามารถเกิดขึ้นได้ แต่ไม่อยากให้สังคมซ้ำเติมกับเรื่องดังกล่าว ซึ่งไม่เป็นผลดีกับทั้งสองฝ่าย ขนาดถึงขั้นมีการสร้างเฟซบุ๊กปลอมลูกชายขึ้นมาด่ากัน

“เราไม่ใช่จะไม่รับผิดชอบต่อครอบครัวของผู้สูญเสีย ขณะนี้ที่ยังไม่พูดอะไรทั้งนั้นเพราะอยู่ในช่วงที่ครอบครัวของผู้เสียชีวิตกำลังโศกเศร้าเสียใจ ไม่ใช่เวลาที่จะมาพูดกันว่าจะชดใช้อย่างไร ผมและครอบครัวพร้อมดูแลอย่างเต็มที่ ส่วนเรื่องคดีความก็ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการไปตามกฎหมาย”

....เมื่อเห็นข้อมูล หลักฐานและคำให้การต่างๆ นานาแล้ว ก็คงต้องติดตามกันต่อไปว่า สุดท้ายแล้ว ผลของคดีนี้จะลงเอยอย่างไร และจะซ้ำรอย เหมือนคดีคนดังและลูกคนรวยที่เคยเกิดให้เห็นในช่วงที่ ผ่านมาดังที่สังคมเป็นห่วงหรือไม่หรือไม่

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อ อยู่ๆ ตำรวจเกิดตาดีไปพบ “ยารักษาโรคซึมเศร้า” ตกอยู่ในรถเบนซ์มรณะของนายเจนภพ และนำมาเปิดเผยต่อสาธารณชนเมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2559 ที่ผ่านมาแบบสดๆ ร้อนๆ.....



กำลังโหลดความคิดเห็น