xs
xsm
sm
md
lg

ยกเคส"ยันตระ"ฟัน"ธัมมชโย" "ไพบูลย์"ชี้ช่องใหม่ ใช้กฎมส.ปี38จัดการ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ผู้จัดการรายวัน 360-"ไพบูลย์" ยกกรณี "พระยันตระ" ถูกจับสึก จี้มหาเถรสมาคมจัดการ "ธัมมชโย" โดยใช้กฎ มส. ฉบับที่ 21 (พ.ศ.2538) พร้อมส่งข้อมูลเพิ่มให้ดีเอไอและผู้ตรวจการแผ่นดินพิจารณา "สุวพันธุ์"ระบุ พศ. ต้องร่วมสังเกตการณ์ดีเอสไอสอบปากคำ "สมเด็จช่วง" ทนายงัดหลักฐานโชว์เพิ่ม ผบ.ตร.รับ ยิงวัดอ้อน้อย อาจมีสาเหตุจากเรื่องตั้งสังฆราชก็เป็นไปได้

นายไพบูลย์ นิติตะวัน อดีตประธานคณะกรรมการปฏิรูปแนวทางและมาตรการปกป้องพิทักษ์กิจการพระพุทธศาสนา สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ว่า ได้ตรวจสอบพบหลักฐานข้อเท็จจริง และแนวทางปฏิบัติที่สมเด็จพระญาณสังวรสมเด็จพระสังฆราช ได้นำมาใช้กรณีพระวินัย อมโร หรือพระยันตระ ประพฤติล่วงละเมิดพระธรรมวินัยหลายเรื่อง คือ กฎมหาเถรสมาคมฉบับที่ 21 (พ.ศ.2538) ว่าด้วยการให้พระภิกษุสละสมณเพศ วันที่ 22 มี.ค.2538 ซึ่งในครั้งนั้น มส. ได้มีการประชุมครั้งพิเศษ 3/2538 เมื่อวันที่ 27 มี.ค.2538 และมีมติให้พระวินัย สละสมณเพศ ต้องสึกภายใน 3 วัน นับแต่วันทราบหรือถือว่าทราบวินิจฉัยนี้ โดยไม่กระทบต่อการพิจารณาวินิจฉัยการลงนิคหกรรมที่กำลังดำเนินการอยู่

ทั้งนี้ การใช้อำนาจของมหาเถรสมาคม ตามกฎมหาเถรสมาคมฯ ที่ให้พระยันตระ สละสมณเพศในการกระทำผิดครุกาบัติได้นั้น ย่อมนำมาใช้กับกรณีพระธัมมชโย ที่กระทำผิดครุกาบัติได้เช่นเดียวกัน เพราะเมื่อสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชได้มีพระลิขิตแล้วส่งไปให้มหาเถรสมาคมพิจารณา ในวันที่ 10 พ.ค.2542 มหาเถรสมาคมมีอำนาจและหน้าที่ ที่จะนำขึ้นมาพิจารณาลงมติให้พระธัมมชโยต้องอาบัติปาราชิกตามพระลิขิต แต่การที่บ่ายเบี่ยงว่า ไม่มีอำนาจที่จะดำเนินการตามพระลิขิต อาจจะเข้าข่ายละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อช่วยเหลือพระธัมมชโยไม่ต้องอาบัติปาราชิกตามพระลิขิต

"ผมได้จัดส่งข้อมูลเพิ่มเติมดังกล่าวไปยังกรมสอบสวนคดีพิเศษ และสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน เพื่อพิจารณาเพิ่มเติมกับคำร้องที่เคยยื่นไปแล้ว"

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ นายไพบูลย์ ได้ยื่นคำร้องต่ออธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เรื่องขอให้ตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ (ช่วง วรปุญโญ) และยื่นคำร้องต่อประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน ขอให้วินิจฉัยการละเลยไม่ปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายของมหาเถรสมาคม (มส.) และสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ในกรณีพระลิขิตสมเด็จพระญาณสังวรสมเด็จพระสังฆราช

***พศ.สังเกตการณ์สอบปากคำสมเด็จช่วง

นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีดีเอสไอ เตรียมขอเอกสารและหลักฐานที่เกี่ยวกับการรับถวายรถยนต์โบราณของสมเด็จช่วง ผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช เจ้าอาวาสวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ ว่า สำนักพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) อาจจะต้องไปร่วมสังเกตการณ์ด้วย เนื่องจากเป็นฝ่ายเลขาธิการของมหาเถระสมาคม (มส.) ส่วนเรื่องของการให้ปากคำ ที่จะต้องรายงานมายังรัฐบาลด้วยหรือไม่ ตนไม่ทราบ เพราะเป็นเรื่องของดีเอสไอ

ผู้สื่อข่าวถามว่า ตามกฎหมายแล้ว พระมหารัชมังคลาจารย์ จะไม่ให้ปากคำก็สามารถทำได้ ใช่หรือไม่ นายสุวพันธุ์ กล่าวว่า ตนไม่ทราบ เมื่อซักต่อว่า เรื่องการแต่งตั้งสมเด็จพระสังฆราช ยังไม่มีความคืบหน้า ใช่หรือไม่ นายสุวพันธุ์ กล่าวว่า สถานะยังเหมือนเดิม

ส่วนกรณีคนร้ายบุกยิงถล่มป้อมประจำการเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของวัดอ้อน้อย ต.ห้วยขวาง อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม ของพระพุทธะอิสระ อดีตเจ้าอาวาสวัดอ้อน้อยนั้น นายสุวพันธุ์ กล่าวว่า ตนว่าเป็นเรื่องของบ้านเมือง เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องดูแล ต้องไปบอกกันว่าอย่าให้ความขัดแย้งมันขยายตัว และสำหรับตนนั้นไม่มีข้อสันนิฐาน

***ทนายเตรียมยื่นหลักฐานเพิ่ม

นายสมศักดิ์ โตรักษา ทีมกฎหมายวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ กล่าวว่า ได้เตรียมหลักฐานในการรับเช็คจำนวน 1 ล้านบาท ที่มีผู้บริจาคถวายให้สมเด็จช่วงโดยตรง เพื่อนำไปเป็นค่าใช้จ่ายในการซื้อรถยนต์โบราณ ที่เป็นการบริจาคส่วนตัว จึงไม่มีใบอนุโมทนาบัตร และบันทึกของสมเด็จช่วงที่มีวัตถุประสงค์ส่งมอบรถยนต์โบราณคืนให้ผู้ถวาย หรือคืนให้พระมหาศาสนามุนี (เจ้าคุณแป๊ะ) ซึ่งยังไม่เคยนำยื่นต่อดีเอสไอ

***วัดอ้อน้อยถูกยิงอาจเอี่ยวตั้งสังฆราช

พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กล่าวว่า ได้สั่งการให้ พล.ต.ท.ชาญเทพ เสสะเวช ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 ดำเนินการแล้ว ซึ่งอยู่ระหว่างการตรวจสอบ ส่วนจะเป็นเรื่องส่วนตัวหรือไม่นั้นตนไม่ทราบ ดูจากลักษณะพฤติกรรมการลงมือแล้ว คิดว่าผู้ก่อเหตุไม่ได้หวังผลต่อชีวิตคงจะเป็นการข่มขู่มากกว่า ส่วนการที่มีคนร้ายยิงปืนเข้ามาในวัดเป็นคู่กรณีกับหลวงปู่พุทธอิสระหรือไม่ อาจจะใช่ แต่ก็ไม่เสมอไป อาจจะเป็นคู่กรณีหรือมือที่สามก็ได้

ผู้สื่อข่าวถามว่ามองอย่างไรกับเหตุการณ์ที่ขึ้นซึ่งเป็นช่วงที่จะมีการแต่งตั้งสมเด็จพระสังฆราช พล.ต.อ.จักรทิพย์ กล่าวว่า ทุกอย่างสามารถเกิดขึ้นได้หมด อะไรที่เป็นจุดอ่อนที่อีกฝ่ายเห็นแย้ง ก็อาจจะมีการลงมือ แต่อะไรก็ตามที่มาเกี่ยวข้องกับกฎหมายก็ต้องดำเนินการ ถ้าหากจับคนร้ายได้เมื่อไหร่ก็จะรู้สาเหตุว่าเกิดจากอะไร
กำลังโหลดความคิดเห็น