นายจรัญ ภักดีธนากุล ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ กล่าวถึงกรณี กรรมาธิการร่างรัฐธรรมนูญพิจารณาปรับลดอำนาจในส่วนของศาลรัฐธรรมนูญว่า เป็นหลักการที่ถูกต้อง และมองว่าเป็นการสร้างดุลอำนาจระหว่างอำนาจ 3 ฝ่าย มากขึ้น ไม่ให้ดุลอำนาจตกไปอยู่กลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง การลดทอนภารกิจของศาลรัฐธรรมนูญให้น้อยลงก็จะทำให้เกิดดุลภาพที่ดีขึ้น ศาลรัฐธรรมนูญจะไม่มีหน้าที่หนักเกินไป เพราะเป็นเพียงองค์กรเล็กๆ ส่วนอำนาจการวินิจฉัยกรณีที่ไม่มีการบัญญัติไว้ให้เป็นไปตามประเพณีการปกครองตามระบอบประชาธิปไตย โดยให้ประธานศาลรัฐธรรมนูญต้องเรียกประชุมประธานสภาผู้แทนราษฎร ประธานวุฒิสภา นายกรัฐมนตรี ประธานศาลฎีกา ประธานศาลปกครองสูงสุด และประธานองค์กรอิสระร่วมกันวินิจฉัยนั้น ก็เป็นเรื่องที่ดีจะได้มีหลายฝ่ายเข้ามารับผิดชอบ แต่ตนเห็นว่าควรจะมีผู้นำฝ่ายค้านเข้ามาร่วมด้วย ส่วนบทบัญญัติดังกล่าวจะสามารถแก้วิกฤติได้หรือไม่นั้น ก็เป็นเรื่องอนาคตไม่สามารถตอบได้ แต่การมีบทบัญญัติดังกล่าวไว้ก็ดีกว่าไม่มี
ทั้งนี้ นายจรัญ ยังกล่าวอีกว่าอยากให้ กรธ.ทบทวนเรื่องวาระการดำรงตำแหน่งของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ที่จากเดิมมีวาระ 9 ปี แต่มีการปรับให้เหลือ7 ปี ซึ่งจะกระทบกับตุลาการศาลรัฐธรรมนูญรุ่นต่อไป เพราะจะไม่มีความมั่นคงในการทำหน้าที่ ต้องคอยพะวงกับวาระการดำรงตำแหน่ง และการทำงานในอนาคต โดยในต่างประเทศให้วาระการดำรงตำแหน่งตลอดชีวิต เพื่อให้ตุลาการทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมาไม่ต้องห่วงเรื่องอนาคต และมีความมุ่งมั่นในการทำหน้าที่ แต่การที่ปรับลดวาระกระทำให้เกิดช่องว่างที่ตุลาการให้คุณให้โทษที่จะมีผลต่อเรื่องอนาคตได้ ทั้งนี้ ตนเห็นว่าการดำรงตำแหน่ง 9 ปี เป็นเรื่องที่เหมาะสมแล้ว
ทั้งนี้ นายจรัญ ยังกล่าวอีกว่าอยากให้ กรธ.ทบทวนเรื่องวาระการดำรงตำแหน่งของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ที่จากเดิมมีวาระ 9 ปี แต่มีการปรับให้เหลือ7 ปี ซึ่งจะกระทบกับตุลาการศาลรัฐธรรมนูญรุ่นต่อไป เพราะจะไม่มีความมั่นคงในการทำหน้าที่ ต้องคอยพะวงกับวาระการดำรงตำแหน่ง และการทำงานในอนาคต โดยในต่างประเทศให้วาระการดำรงตำแหน่งตลอดชีวิต เพื่อให้ตุลาการทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมาไม่ต้องห่วงเรื่องอนาคต และมีความมุ่งมั่นในการทำหน้าที่ แต่การที่ปรับลดวาระกระทำให้เกิดช่องว่างที่ตุลาการให้คุณให้โทษที่จะมีผลต่อเรื่องอนาคตได้ ทั้งนี้ ตนเห็นว่าการดำรงตำแหน่ง 9 ปี เป็นเรื่องที่เหมาะสมแล้ว