ผู้จัดการสุดสัปดาห์ -ตีปี๊บปราบผู้มีอิทธิพลกันเอิกเกริกอีกรอบ “บิ๊กป้อม”พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เพลิดเพลินกับการออกแอ็กชั่นเรื่องนี้มากกว่าเรื่องอื่นๆ แต่ไม่ใช่หนแรกที่เป็นแบบนี้ งวดก่อนตอนมีข่าวไล่บี้พวกมาเฟียก็ขึงขัง ชิงหน้าสื่อกันแทบทุกวันมาหนหนึ่ง เรื่องของเรื่องเพราะทำทีไรประชาชนก็พนมมือ อนุโมทนาสาธุ เนื่องจากมียั้วเยี้ยเต็มบ้านเต็มเมืองไปหมด อยากจะให้ล้างๆไปให้หมดจากสังคมเสียที ถ้าจะบอกว่าเป็นผลงานชิ้นโบแดงเดียวที่รัฐบาลเผด็จการได้เปรียบก็คงไม่ผิดนัก เพราะรัฐบาลปกติไม่มีปัญญาจะทำ
เลยโดนตั้งข้อสงสัยว่า มาฮึดฮัดกันตอนนี้อีกรอบ เพราะเป็นช่วงที่รัฐบาลกำลังตกระกำลำบาก ผลงานไม่งอกเงย มีแต่ดรอปลงเรื่อยๆ มาพักใหญ่ ด้วยเหตุที่เรื่องนี้มันตื่นตาตื่นใจ ขายได้ เพราะเป็นเนื้อเป็นหนัง เลยควักกลับมาเล่นกับกระแส ปั้มผลงานเป็นเครื่องช่วยหายใจว่า รัฐบาลเผด็จการ ยังมีน้ำยาอยู่ โดยเฉพาะเรื่องการรักษาความสงบเรียบร้อยภายในประเทศ หวังปิดข้อด้อยเรื่องฝีมือในการบริหารประเทศ
ให้สังเกตดูแล้วกัน ทุกครั้งที่รัฐบาลกำลังเผชิญปมร้อนๆ หรือสภาวะเศรษฐกิจย่ำแย่ ข้าวยากหมากแพง ฝ่ายความมั่นคงจะลุกขึ้นมาจัดระเบียบสังคมที่เป็นปัญหาของคนส่วนใหญ่ทันที อย่างคราวนี้ก็เรื่องพระ ภัยแล้ง รัฐธรรมนูญ เศรษฐกิจมะรุมมะตุ้ม โปรเจกต์ปราบมาเฟียผู้ทรงอิทธิพลก็โผล่เข้ามาอีก ทั้งๆที่เรื่องดังกล่าวต้องทำต่อเนื่อง แต่นี่มาๆ หายๆ แถมที่ไปปราบก็ยังเป็นแหล่งเดิมนั่นคือ จ.นครปฐม ถิ่นขาใหญ่แห่งค่ายพรรคการเมืองดัง
พอเป็นอย่างนี้เลยถูกแขวะว่า เอามาหากินอีกแล้ว
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น รอบนี้น่าจะไม่ได้ทำแบบขอไปทีอีก เพราะช่วงเวลาที่มีต้องบอกว่าปลายรัฐบาลเต็มทน จุดประสงค์น่าจะมีมากกว่านั้น โดยเฉพาะการล่อเป้าไปที่เมืองพระปฐมเจดีย์อีกหน ซึ่งรับรู้กันถ้วนทั่วว่า เมืองนี้ใครคุม ใครเจ๋ง มันก็เลยถูกแปรสัญญาณว่า เป็นการดีเดย์ตีฐานอำนาจทางการเมืองก่อนการเลือกตั้ง
ต้องยอมรับว่า ปัจจุบันผลงานรัฐบาลนั้นทรุดโทรม โดยเฉพาะเรื่องปากท้องประชาชน หากจะดันทุรังอยู่ในอำนาจต่อไปยาวๆ ไม่มีทางเป็นไปได้ ชาวบ้านชาวช่องไม่มีวันยอมอดตายก่อนแน่ จึงเป็นเงื่อนไขไฟต์บังคับให้เหล่าท็อปบูตจำเป็นต้องปล่อยมือเร็วขึ้น เพราะทู่ซี้ดื้อดึงต่อไปไม่ไหว
จากเดิมตั้งอกตั้งใจอยากจะเขียนรัฐธรรมนูญให้มันสุดโต่ง สืบทอดอำนาจกันแบบเต็มพิกัด ประมาณว่าเต็มร้อยขอกันถึง 70-80 เปอร์เซ็นต์กันเลย
แต่เมื่อเวลาเนิ่นนานไป เริ่มรู้แล้วว่ามันไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด ประชาชนไม่เอาด้วยแน่ถ้าจะสืบกันนานขนาดนั้น มันเลยจำใจต้องลดโทนลง เปลี่ยนความคิดกันเสียใหม่ จากสืบทอดอำนาจ กลายเป็นตัวเองไม่ต้องบาดเจ็บหลังลงจากหลังเสือไปแล้วเป็นพอ
เลยขอแค่รังสรรค์กติกาที่ตัวเองยังพอได้เปรียบ แต่ไม่ต้องน่าเกลียดจนเกินงาม ประมาณว่าเอาแค่หาหลักประกันความปลอดภัย ไม่ต้องให้ฝ่ายการเมืองตามมาเช็กบิลได้ โดยเฉพาะแผลที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เคยใช้กระบองอาญาสิทธิ์ มาตรา 44 เล่นงานคนอื่นไว้แบบเจ็บแสบ ไม่ให้เป็นศรกลับมาทิ่มแทงกันในวันหลัง เท่านั้นน่าจะพอแล้ว
เรื่องมาตรการป้องกันการเช็กบิล “บิ๊กตู่”พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. น่าจะต้องการมากที่สุด ในฐานะที่รับผิดชอบโดยตรงทุกเรื่อง ในขณะที่คนอื่นๆในคสช. จะว่ากันตามจริงก็แค่รับผิดชอบกันนิดหน่อยๆ ไม่ได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย อีกทั้งหลายคนเริ่มขยับขยายหาพื้นที่หลังลงจากหลังเสือกันหมดแล้ว โดยเฉพาะเวทีทางการเมือง จะไปเร็วไปช้าจึงไม่มีปัญหา เพราะก็อยากเลือกตั้งเหมือนกัน
ดังนั้น นาทีนี้แค่เซฟตี้โซนหลังลงหลังเสือ “บิ๊กตู่”ก็เพียงพอแล้ว ต้องพับโปรเจกต์ยาวใส่ลิ้นชักไปเลย เพราะทุกวันนี้ทุกคนรู้หมดว่า ดันทุรัง พยายามปั๊มผลงาน แต่มันดันไม่ขึ้น จะเห็นว่าปรับครม.กี่ทีๆ เศรษฐกิจทรงกับทรุดเหมือนเดิม ไม่ว่า “หม่อมอุ๋ย”ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล หรือ “เฮียกวง”สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ก็เข็นไม่ไหว จะไปหามือใหม่ก็ไม่มีใครอยากจะร่วมรับเผือกร้อนนี้ สถานการณ์มันยากที่จะฝืนต่อไป
ทุกอย่างมันไม่คลิ๊กเอาไว้อย่างที่คิด ก็เลยต้องปรับเปลี่ยนแผนกันใหม่ ก่อนจะไปช่วงโค้งสุดท้ายก็ต้องทิ้งผลงานไว้ให้เป็นที่โจษจันกันบ้าง เลือกเอางานง่ายๆ ที่ทหารทำได้ เพราะใช้แค่อำนาจอย่างการปราบมาเฟียผู้มีอิทธิพลนี่แหละมาชูโรง พ่วงด้วยการจัดระเบียบสังคมใหม่ ลัดคิวเอาปัญหาใกล้ตัวชาวบ้าน วินมอเตอร์ไซด์ วินรถตู้ ที่ไร้ระเบียบมาเนิ่นนาน แก้มันก่อนไป สร้างภาพให้ติดตาม เมื่อ“บิ๊กตู่”ไปแล้วจะได้ไม่ลืมกัน
ขณะเดียวกัน ยิงนกนัดเดียวต้องได้ 2 ตัว ยังใช้ความชอบธรรมในการปราบอิทธิพลเถื่อน กวาดล้างบรรดาฐานการเมืองตามหัวเมืองใหญ่ๆ ไปในตัว เพราะพวกนี้ล้วนเป็นเนื้อหรือคนๆ เดียวกัน แยกไม่ออกอยู่แล้ว หากโละให้หมดอำนาจ หรือประจานความชั่วได้ ก็ถือเป็นการกำจัดศัตรูไปในตัว
งานนี้พวกมาเฟียที่อยู่ในคราบนักการเมือง มีร้อนๆ หนาวๆ กันบ้าง โดยเฉพาะพวกที่มีชื่ออยู่ในลิสต์ที่เหมือนมีคนตั้งใจปล่อยให้ออกมาข่ม เวลาไม่ไกลต่อจากนี้ต้องมีถึงคิวชัวร์ๆ เริ่มจาก “นครปฐมโมเดล”แล้วไล่ไปหัวเมืองใหญ่ๆ พื้นที่ไหนที่ฉาวโฉ่มานาน รับรู้กันทั่วคุ้งทั่วแคว มีสิทธิ์โดนแจ็กพอตก่อนใคร เพราะฟาดตัวใหญ่แล้วมันล้มดัง ถ้า คสช.อยากจะให้ดัง ก็ต้องล่อพวกตัวใหญ่เหล่านี้ก่อนใครเพื่อน
ดูอย่างการจับกุมอาวุธสงครามที่ จ.นครปฐม ก็รู้ พอมีข่าวหน่วยงานด้านความมั่นคงเข้าไปทลาย ทุกสายตาหันไปหมด เพราะกำลังลุ้นว่า ที่สุด คสช.จะสาวไปถึงผู้มากบารมีแห่งนครปฐมหรือไม่
งานนี้กระเจิงกันไม่น้อย ต่อให้คสช.ไม่มีหลักฐานจะๆ ที่จะสาวไปถึงตัวใหญ่ ได้แค่พวกลูกน้องปลาซิวปลาสร้อย แต่เชื่อเถอะอย่างน้อยการกวาดล้างเท่านี้ก็ทำเอาพวกมาเฟียในคราบนักการเมือง ที่มีธุรกิจสีเทาอยู่ในมือรายได้หายวูบไปไม่น้อยแน่ ไหนๆ ก็ไหนๆ นักการเมืองก็เป็นจำเลยของสังคมในช่วงหลายปีมานี้ ไม่ได้ดีในสายตาประชาชนอยู่แล้ว ก่อน คสช.จะไปก็จัดให้สักดอก เหยียบบ่าหาเสียงแซ่ซ้องให้ตัวเองเสียเลย
รอดู ยิ่งปฏิกิริยาจากสังคมตอบรับดีอย่างนี้ ขาใหญ่คนไหนจะซวยต่อจากนครปฐม