ป้อมพระอาทิตย์
โดย โสภณ องค์การณ์
ช่วงนี้มีปัญหา เรื่องราวฉาวโฉ่ให้สังคมไทยได้แสดงความคิดเห็น ยกเหตุผลตรรกะมาโต้แย้ง ฟังได้บ้าง เอาสีข้างเข้าถูบ้าง ตะแบงข้างๆ คูๆ บ้างขึ้นอยู่กับว่าคนแสดงความคิดเห็นเป็นใคร มีวุฒิภาวะระดับไหน จิตสำนึกมโนธรรมมีมากน้อยเพียงใด รวมทั้งชื่นชอบฝ่ายใด ประเด็นหลังนี่แหละเป็นเหตุสำคัญในการโต้แย้งหนัก จนไม่คำนึงถึงความถูกต้องดีงาม
เรื่องแรกดัง ฉาวมาก่อนคือกรณีพฤติกรรมของนักบวชในศาสนาพุทธซึ่งเรียกว่า “พระสงฆ์” อย่างน้อย 3 รูปด้วยกัน มีความสัมพันธ์เชื่อมโยงกันทั้งในวัตถุทางโลกอันเป็นกิเลส และพฤติกรรมทางธรรมคาบเกี่ยวกับความเหมาะสม วัตรปฏิบัติ หรืออาบัติถึงขั้นต้องปลงแบบอนุโลม หรือหนักหนาสาหัสถึงขั้นปาราชิก น่าจะต้องละจากผ้าเหลืองไปเป็นสมีเต็มขั้นนานแล้ว
กรณีฉาวของกลุ่มนักบวช บุรุษโกนผมโกนคิ้วนุ่งห่มผ้าเหลืองโยงควบทั้งพฤติกรรมทางโลกและทางธรรม มีข้อถกเถียงเผ็ดร้อน ถึงขั้นบุรุษโล้นห่มผ้าเหลืองรวมตัวชุมนุม มีคำประกาศว่ารัฐบาลไม่ต้องมายุ่งเกี่ยวเรื่องของสงฆ์ แต่ต้องเร่งทำเรื่องเสนอให้นักบวชอาวุโสสูงสุดดำรงตำแหน่งประมุขสงฆ์พุทธให้ในหลวงทรงพิจารณา รัฐบาลยืนยันว่าถ้าเรื่องฉาวยังไม่จบ ต้องรอ
จะยาวนานแค่ไหน ขึ้นอยู่กับวิธีการพิจารณาประเด็นความเหมาะสม จะเอาเรื่องฉาวไปเสนอพระมหากษัตริย์ไม่ได้ ในอดีตเคยมีการชะลอการแต่งตั้งสังฆราชบางช่วงนานถึง 27 ปี ยิ่งช่วงนี้มีปัญหาหลากหลายมิติ มีนิกายพิสดาร พฤติกรรมรบกวนการจราจรในเมือง การเดินเหยียบย่ำดอกไม้เป็นแถวยาว ก็สร้างมิติความไม่พอใจต่อเหล่าบุรุษโล้นห่มเหลือง ถึงขั้นขู่คำรามจะชุมนุม
ประเด็นการมีรสนิยมครอบครองรถยนต์โบราณราคาแพง เอาเก็บรักษาไว้ในวัดเพื่อการศึกษา อ้างว่าเป็นการบริจาคโดยลูกศิษย์นั้น ช่วงแรกคำอธิบายพอกล้อมแกล้ม สีข้างแดงเถือก ช่วงหลังมีความจำเป็นต้องพึ่งพาวิชาศรีธนญชัยศาสตร์เมื่อเริ่มใกล้จนตรอก ใช้หลักพระไตรปิฎกไม่ได้ผล สร้างความขบขันปนเฮฮาจนเข้าขั้นน่าสมเพช ทำเอาลูกศิษย์ต้องวิ่งหาทางออก หาทนายใหม่
นี่เป็นเรื่องของกิเลสทางโลก เมื่อโล้นห่มเหลืองหลายรูปนามได้สะสมความสุขมายาวนาน ในบรรยากาศอาหารปรนเปรอความสุข นั่งนอนบนอาสนะอ่อนนุ่ม มีเครื่องเสียงอำนวยความสะดวก ไอแพด ไฮเทค ทรัพย์สินเงินทอง เซ็นต์เช็ครับจ่ายเงินระดับร้อยๆ ล้าน ต้นแบบ “บวชแล้วรวย”
เป็นยุคหลวงพ่อเสี่ย เจ้าคุณรถเบนซ์ มียศฐาบรรดาศักดิ์ รับงานเทศหลักเงินหมื่นแสนบาท สร้างความอัปยศให้พุทธศาสนา ต่างจากพระพุทธเจ้าซึ่งได้สละความสุขทั้งมวลเพื่อแสวงหาธรรมะ ระยะหลังกลุ่มนิกายเพี้ยน โล้นกำมะลอสะสมพลังเงิน สร้างฐานการเมือง มีเครือข่ายกว้างขวางสำแดงพลังแฝงเร้นอย่างมีนัยสำคัญ เป็นกำลังหลักให้ขบวนการเหลี่ยมร้ายเชื่อมโยงผลประโยชน์
หัวหน้าเจ้าสำนักนิกายเพี้ยนมีอิทธิพลน่าเกรงขาม ถึงขั้นอยู่เหนือทั้งอาณาจักรและศาสนจักร ผู้กุมอำนาจรัฐทุกยุคไม่กล้าตอแยวัดดวงด้วยเพราะพลังโล้นเหลืองแทรกซึมทุกพื้นที่ การสำแดงพลังหลายครั้งชาวบ้านสังเกตเห็นโล้นเทียมไว้หนวดเครานุ่งกางเกงยีนปะปนอยู่ด้วย
การสำแดงพลังน่าทึ่งแท้จริงคือท่วงท่าของโล้นร่างกายกำยำล่ำสันล็อคกอทหารหนุ่มจนอยู่หมัด รวมพลังเข็นรถทหารให้พ้นทางรถขนเสบียง น้ำดื่มให้กลุ่มบุรุษโล้นห่มเหลืองในที่ชุมนุม
ช่วงนี้จึงมีปัญหากรณีรถโบราณหรู คนแก้ต่างเริ่มพลิกแพลงข้อแก้ตัว พยายามงัดตำราหาแพะ หลังจากคำว่าพระเริ่มสิ้นมนต์ขลังในการต้านการสอบสวนโดยเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ งานนี้ถ้าไม่มีท่านต๊อกแห่งกระทรวงยุติธรรมเอาจริง เจ้าหน้าที่อาจถอดใจไปแล้วก็ได้ อีกกรณีเป็นการพิสูจน์ว่ารถเก่าสีดำเป็นยี่ห้ออะไรกันแน่ ที่แท้เป็นรถยี่ห้อแพนเธอร์เลียนแบบจากัวร์นั่นเอง
สภาพที่ถูกรุกไล่ทำให้เครือข่ายนิกายเพี้ยนและโล้นกำมะลอเดือดร้อนหนัก ถ้าศาสนาจักรมาแรงด้วยพลังประชาชน อาจมีกฎควบคุมใหม่ๆ เข้มข้นทำให้ลัทธิสุขนิยมบวชแล้วรวยลำบาก เช่นการตรวจสอบทรัพย์สิน การถือครองทรัพย์ แค่นี้ก็ทำให้พวกเจ้ากูอลัชชีเต้นจนผ้าเหลืองหลุด
นั่นแหละจะถึงวาระประลองกำลังอย่างแท้จริง ระหว่างรัฏฐาธิปัตย์ มีพระแท้ ประชาชนคนดีฝ่ายหนึ่ง อีกฝ่ายจะมีโล้นเทียม เสื้อแดง นักซื้อเสียง ขบวนการเหลี่ยมและสมุนมารนอกกฎหมาย อาจมีกองกำลังอาวุธอีกด้วย เป็นการช่วงชิงอำนาจรัฐและผลประโยชน์ต่างตอบแทนโดยพลังชั่วร้าย
ใครจะเป็นใหญ่ขึ้นอยู่กับความใจถึงของผู้กุมอำนาจรัฏฐาธิปัตย์ ว่าจะสู้ขบวนการชั่วจริงหรือไม่ ศึกขั้นปฐมภูมิคือรถเถื่อน ปาราชิก รับเงินโจร สภาพโล้นกำมะลอกร่างคับประเทศ มีพวกหลงงมงายเป็นสาวกจ่ายเงินก้อนใหญ่เปิดทางสู่สวรรค์ด้วยจานบิน ตามคำลวงของนักสวดผีบุญ
อีกเรื่องคือกรณีคุณสรยุทธ สุทัศนะจินดา เมื่อถูกศาลอาญาตัดสินให้ถูกจำคุก 20 ปี แต่ลดโทษเหลือ 13 ปี 4 เดือน ประเด็นที่ถกกันคือเสียงเรียกร้องให้เจ้าตัวหยุดจัดทำรายการทางทีวีสีช่อง 3 แต่ช่วงแรกเจ้าตัวบอกว่ายอมรับคำพิพากษา และยังขอทำงานต่อไปจนคดีความจะสิ้นสุด และผู้บริหารช่อง 3 อ้างเหตุผลว่าเป็นเรื่องเดิมก่อนคุณสรยุทธมาทำงานที่ทีวีสีช่อง 3 ครอบครัวข่าวต้องอยู่ร่วมกัน ไม่ว่าจะทุกข์สุขอย่างไร ชาวบ้านได้ฟังก็รู้สึกซึ้งมาก มาแบบเลือดสุพรรณนั่นเชียว
เฉพาะเหตุผลเรื่องครอบครัวข่าวยังเป็นประเด็นให้สังคมถกเถียงกันอีกต่างหาก ลามไปถึงคนทุกวงการ นำไปสู่คำถามว่าสปอนเซอร์ควรถอดโฆษณาจากรายการคุณสรยุทธหรือไม่ หรือถ้ายังไม่ได้ผล ต้องเลิกสนับสนุนไม่ลงโฆษณาทีวีสีช่อง 3 นั่นเลย มีบางส่วนได้ถอนโฆษณาจากรายการไปแล้ว มีประเด็นจริยธรรม บทบาทการชี้นำสังคม ว่ากันหลายประเด็นขยายวงกว้างยังไม่สิ้นสุด
กรณีคุณสรยุทธ หลังคำพิพากษาเจ้าตัวยืนยันว่าจะทำงานต่อไป สังคมจะแสดงเหตุผลหรือข้ออ้างประกอบอย่างไรจะไม่เป็นผล ดังนั้นกลุ่มจึงมุ่งไปยังสถานีทีวี และบรรดาผู้สนับสนุนรายการคือบริษัทห้างร้าน องค์กรต่างๆเพราะเป็นเรื่องผลประโยชน์ทางการเงิน รายได้ล้วนๆ ซึ่งทำให้ประเด็นจริยธรรม หรือความเหมาะสมด้อยไป เป็นหัวใจของเรื่องนี้ซึ่งทำให้ทีวีสีช่อง 3 เมินเสียงท้วงติง
ย้ำอีกครั้ง เป็นเรื่องเงินรายได้ และสำคัญ ยิ่งจำเป็นมากกว่าปกติสำหรับสถานีทีวีทุกแห่งในช่วงที่สภาวะเศรษฐกิจตกต่ำซบเซา ยืดเยื้อ ยังไม่เห็นวี่แววว่าจะกระเตื้องฟื้นตัว มีแต่ข่าวรายได้ลด ทีวีดิจิตัลออกอาการลำบากจนถึงขั้นใกล้ร่อร่อหลายรายจนอาจม้วนเสื่อเพราะสายป่านขาดก็ได้
องค์กรเอกชนบางแห่งเริ่มถอนโฆษณาเพราะจิตสำนึกถูกรบกวน นี่คือการทดสอบคำอ้างหลักธรรมาภิบาลว่าจะเป็นของแท้หรือหน้ากากสร้างภาพลวงตา ถ้าการถอนสปอนเซอร์มีพลัง ชาวบ้านจะได้เห็นว่าครอบครัวข่าวแตกแยกเพื่อความอยู่รอดหรือไม่ ช่อง 3 จะยอมตายเพื่อคนทำรายการยอดนิยม รายได้ดี และเชื่อมั่นว่าแรงกดดันทางสังคมจะมีพลังมากพอหรือไม่
ผลสุดท้าย พลังสังคมถาโถมมาทุกทิศทาง ทำให้คุณสรยุทธตัดสินใจประกาศวางมือ หยุดทำรายการตั้งแต่เย็นวันพฤหัส เกรงว่าจะกระทบต่อผลประโยชน์ รายได้ของทีวีช่อง 3 นี่ก็เป็นเหตุผลเรื่องเงินชัดเจน ไม่มีใครรู้ว่าแท้ที่จริงแล้วเป็นความสมัครใจถอยของคุณสรยุทธ หรือกลุ่มหัวหน้าครอบครัวถอดใจ ขอร้อง กดดันให้คุณสรยุทธทิ้งระยะห่างจากครอบครัวข่าว เพื่อความอยู่รอด
ดีแล้วที่คุณสรยุทธถอย แม้จะช้าเกินไปเล็กน้อย ทำให้ขาดความสง่างาม แต่ได้พิสูจน์ว่าครอบครัวข่าวนั้นรักษาผลประโยชน์เรื่องเงินๆ ทองๆ ไม่มีใครยอมกอดคอตายไปด้วยกัน
ช่วงมีปัญหา คุณสรยุทธจะได้พักผ่อนในบ้านหลังใหญ่กับครอบครัว เตรียมตัวจิตใจใช้เงินทอง ออกกำลังกายได้เต็มที่หลังจากทำงานมาจนแทบไม่ได้หยุด ไม่ได้เดินทางท่องเที่ยวเห็นโลกกว้างต่างประเทศ อายุย่างเข้า 50 ยังไม่มีลูก เงินทองมากมายจะไม่มีทายาทรับมรดก
ยังไม่ช้าเกินไป คิดเสียใหม่ว่าเกิดมาใช้ชีวิต อย่าให้ชีวิตมาใช้เรา มีเงินต้องใช้เงิน อย่าเป็นทาสเงิน ผลสุดท้ายเงินส่วนใหญ่อาจเข้ากระเป๋าหมอรักษาสุขภาพก็ได้