xs
xsm
sm
md
lg

คุก37ปีมือปืนป็อปคอร์น ฐานฆ่าคนตาย-ผิดพ.ร.บ.อาวุธฯ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

ผู้จัดการรายวัน 360 - ศาลอาญาพิพากษาจำคุกตลอดชีวิต “มือปืนป็อปคอร์น” ฐานฆ่าคนตายโดยเจตนา-พยายามฆ่า-ทำผิด พ.ร.บ.อาวุธฯ กรณียิงปืนในเหตุชลมุน นปช.ปะทะ กปปส.บริเวณแยกแจ้งวัฒนะ เมื่อปี 57 ทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ แต่คำให้การเป็นประโยชน์ลดโทษเหลือ 37 ปี 4 เดือน ทนายจำเลยเตรียมยื่นอุทธรณ์

วานนี้ (3 มี.ค.) เมื่อเวลา 13.30 น. ที่ห้องพิจารณา 714 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ที่ห้องพิจารณา 714 ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลอ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำ ที่ อ.1626/2557 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 4 เป็นโจทก์ฟ้องนายวิวัฒน์ หรือท๊อป ยอดประสิทธิ์ มือปืนป็อปคอร์น อายุ 24 ปี เป็นจำเลยในความผิดฐานร่วมกันฆ่า และพยายามฆ่าผู้อื่น มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต พกพาอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไปในเมือง หมู่บ้าน ที่สาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต และนำอาวุธปืนออกนอกเคหะสถานภายในพื้นที่ที่ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ขอให้ลงโทษตาม ป.อาญา มาตรา 288, 371, พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ พ.ศ. 2490 มาตรา ม.4, 7, 8 ทวิ, 72, 72ทวิ และ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ พ.ศ. 2548 ม.5, 6, 11 และ 18

คดีนี้อัยการโจทก์ยื่นฟ้องว่า เมื่อวันที่ 1 ก.พ.2557 เวลากลางวัน จำเลยกับพวกได้มีปืนเล็กยาวไม่ทราบชนิดและขนาด ติดตัวไปที่ทางแยกหลักสี่ เขตหลักสี่ ซึ่งเป็นพื้นที่ประกาศให้เป็นพื้นที่ปรากฏเหตุการณ์อันกระทบต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักร และยิงปืนเข้าไปในอาคารศูนย์การค้าไอที สแควร์จน นายอะแกว แซ่ลิ้ว เสียชีวิต ส่วน น.ส.สมบุญ สักทอง นายนครินทร์ อุตสาหะ และนายพยนต์ คงปรางค์ ได้รับบาดเจ็บสาหัส โจทก์จึงขอให้ศาลพิพากษาลงโทษจำเลยตามความผิดด้วย เหตุเกิดที่แขวงตลาดบางเขน เขตหลักสี่ กทม. จำเลยให้การปฏิเสธ

ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า โจทก์มีเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวนกองบังคับการตำรวจนครบาล 2 และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.นครไทย จ.พิษณุโลก เบิกความสอดคล้องกันเกี่ยวกับการสืบสวนสอบสวนหาคนร้ายสวมเสื้อยืดชุดดำ ใส่หมวกไหมพรม ในมือสวมถุงกระสอบข้าวโพดสีเขียว-เหลือง ต่อมาทราบชื่อเล่นว่าท๊อป อาศัยอยู่ จ.พิษณุโลก ขณะที่มีภาพที่คนร้ายเปิดหมวกไหมพรมมีลักษณะคล้ายกับจำเลย เมื่อนำภาพถ่ายไปให้พี่ชายของจำเลยดู ก็ยืนยันว่าชายในรูปภาพเป็นน้องชายตนเองชื่อนายวิวัฒน์ ยิ่งทำให้มีน้ำหนักมากขึ้น แม้จำเลยจะสวมหมวกปิดหน้า แต่เมื่อมีการเปรียบเทียบลักษณะภาพถ่ายคนร้ายจากกล้องวงจรปิดในที่เกิดเหตุกับภาพที่เปิดหมวกไหมพรม บุคคลในภาพมีลักษณะอ้วนคล้ายกัน แต่งกายชุดเหมือนกัน สวมเสื้อเกราะเช่นเดียวกัน ตำแหน่งติดอุปกรณ์วิทยุสื่อสารตรงกัน เมื่อนำรูปในทะเบียนราษฎร์มาเปรียบเทียบกับเอกสารของโจทก์เห็นชัดว่าชายคนดังกล่าวเป็นคนเดียวกับจำเลย

โดยชั้นสอบสวนจำเลยให้การรับสารภาพและเป็นผู้นำชี้จุดเกิดเหตุ ซึ่งมีพนักงานสอบสวนและกระทำต่อหน้าสื่อมวลชนจำนวนมาก หากจำเลยถูกข่มขู่ให้รับสารภาพจริงก็ควรร้องเรียนต่อผู้บังคับบัญชาของเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่ไม่ปรากฏว่ามีการร้องเรียนของจำเลย

ขณะที่ข้อเท็จจริงที่ได้จากการนำสืบพบว่าช่วงวันเวลาเกิดเหตุมีชายชุดดำ 22 คน โดยมีภาพจากกล้องวงจรปิดเห็นว่ากลุ่มชายชุดดำเดินจากแยกหลักสี่ไปจุดกึ่งกลางระหว่างผู้ชุมนุมกลุ่ม กปปส.ที่มาจากแยกลาดพร้าว กับกลุ่มผู้สนับสนุนการเลือกตั้งที่ใช้หินขว้างปาและยิงใส่กัน รวมทั้งมีการขนอาวุธปืนจากรถกระบะสีขาวคล้ายรถขนเงิน ซึ่งมีภาพจำเลยวิ่งออกมารับอาวุธดังกล่าว ในบริเวณดังกล่าวนอกจากผู้ชุมนุมแล้วยังมีประชาชนทั่วไปเข้าไปใช้บริการศูนย์การค้าไอทีสแควร์ การกระทำของจำเลยย่อมมีเจตนาเล็งเห็นได้ว่ากระสุนที่ยิงไปนั้นอาจถูกคนเสียชีวิตได้ เมื่อดูภาพจากกล้องวงจรปิดจะเห็นว่ามีชายชุดดำตระโกนว่าให้เล็งไว้ถ้ามันออกมาแล้วสอยเลย หมายความว่าหากฝ่ายตรงข้ามเดินออกมาให้ยิงได้ทันที

ส่วนที่จำเลยนำสืบต่อสู้ในชั้นพิจารณาว่าระหว่างเกิดเหตุได้ปฏิบัติหน้าที่รักษาความปลอดภัยให้กลุ่มกปปส.อยู่ที่ศูนย์การค้าไอทีสแควร์นั้น รับฟังไม่ได้ พยานหลักฐานของโจทก์จึงรับฟังได้ปราศจากข้อสงสัยว่าจำเลยเป็นคนเดียวกับคนร้ายที่สวมชุดดำ และในมือสวมถุงกระสอบข้าวโพดสีเขียว-เหลือง โดยการกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานฆ่าและพยายามฆ่าผู้อื่นตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 มีอาวุธปืนร้ายแรงที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตได้ ฐานมีอาวุธปืนและพกพาไปในที่สาธารณะที่เป็นความผิดตามพ.ร.บ.อาวุธปืนฯ มาตรา 4, 7, 8 และ 72 และพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ มาตรา 5, 6, 11 และ 18 และประกาศเรื่องห้ามนำอาวุธออกนอกเคหะสถาน ซึ่งเป็นความผิดหลายกรรมให้ลงโทษทุกกรรม

พิพากษาจำคุกจำเลยตลอดชีวิต ฐานฆ่าผู้อื่นซึ่งเป็นบทหนักสุด และฐานมีอาวุธปืนฯ จำคุก 3 ปี และพกพาอาวุธปืนฯ ช จำคุก 3 ปี แต่คำให้การของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาอยู่บ้าง ลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุกฐานฆ่าผู้อื่น 33 ปี 4 เดือน และความผิดฐานมีอาวุธปืนฯ จำคุก 2 ปี และพกพาอาวุธปืนไปในเมืองฯ จำคุก 2 ปี รวมจำคุกจำเลย 37 ปี 4 เดือน และให้ริบของกลาง

หลังจากฟังคำพิพากษา น.ส.พวงทิพย์ บุญสนอง ทีมทนายความจำเลยกล่าวว่า จะปรึกษากับจำเลยเพื่อจะอุทธรณ์สู้คดีต่อไป
กำลังโหลดความคิดเห็น