เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุย สำหรับพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะที่กำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติกับพล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ซึ่งออกมาประสานเสียง ปฏิเสธการซื้อขายตำแหน่งในวงการตำรวจ
การซื้อขายเก้าอี้ในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ถูกเปิดโปงตีแผ่กันมานานแล้ว ถึงขั้นระบุตัวเลขที่ซื้อขายตำแหน่งกันจำนวนนับสิบล้านบาท ซึ่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติไม่เคยดำเนินคดีกับใครที่พูดถึงการวิ่งเต้นซื้อขายเก้าอี้ นอกจากปล่อยให้เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์จนเรื่องเงียบไปเอง
แต่เมื่อพล.ร.อ.พะจุณณ์ ตามประทีป สมาชิก สปท.และอดีตนายทหารที่มีความใกล้ชิดกับพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ออกมาเปิดโปง และปลุกกระแสความสนใจของสาธารณชน จึงเป็นประเด็นร้อนขึ้นมา
ทั้งพล.อ.ประวิตรและพล.ต.อ.จักรทิพย์ ต่างนั่งไม่ติด ต้องออกโรงมาตอบโต้กันนัวเนีย และสั่งดำเนินคดีกับพล.ร.อ.พะจุณณ์ โดยขั้นแรกออกหมายเรียกมาสอบสวนก่อน
พล.อ.ประวิตร ยืนยันว่า ถ้าตนยังอยู่ ไม่มีการซื้อขายตำแหน่งแน่
ส่วนพล.ต.อ.จักรทิพย์ กล่าวว่า “องค์กรผมมีศักดิ์ศรี ใครจะมากล่าวหาลอยๆไม่ได้”
ฟังความจากรองนายกฯ ที่กำกับดูแลตำรวจและผบ.ตร.สรุปได้ว่า ทั้งคู่ปฏิเสธการซื้อขายตำแหน่งในวงการตำรวจ ซึ่งถ้าตำรวจไม่เซ็งลี้เก้าอี้กันจริง ผู้กำกับการสถานีตำรวจฯ ต่างๆ ไม่ต้องจ่ายเงินคนละนับสิบล้านบาทเพื่อให้ได้ตำแหน่งจริง ก็มีปัญหาว่า ข้อกล่าวหาการซื้อขายตำแหน่งของตำรวจมาจากไหน
ใครเป็นคนปล่อยข่าวทำลายศักดิ์ศรีของพล.ต.อ.จักรทิพย์
ไม่เคยมีหลักฐานยืนยันการซื้อขายตำแหน่งของตำรวจ แต่สังคมกลับเชื่อเรื่องการซื้อขายตำแหน่ง และไม่ได้เพิ่งเชื่อในสมัยที่พล.อ.ประวิตร มากำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ไม่ได้เพิ่งจะมาเชื่อกันเมื่อพล.ต.อ.จักรทิพย์ ขึ้นมาเป็น ผบ.ตร.แต่เชื่อกันมานานแล้ว
และคนที่ซุบซิบถึงการซื้อขายตำแหน่ง ไม่ได้มีเพียงพล.ร.อ.พะจุณณ์ เพียงคนเดียว แต่พูดกันทั่วบ้านทั่วเมือง
พล.ร.อ.พะจุณณ์ ที่โพสต์ไลน์การซื้อขายตำแหน่ง ไม่ได้ระบุว่าใครเป็นคนขายตำแหน่ง เพียงระบุยศพล.อ.เท่านั้น และพล.อ.ไม่ได้มีเฉพาะพล.อ.ประวิตร เพียงคนเดียว แต่พล.อ.ที่มีอำนาจและบารมีที่สุดในสำนักงานตำรวจแห่งชาติยุคนี้คือ พล.อ.ประวิตร จึงจำเป็นต้องตอบโต้
ข้ออ้างเรื่องศักดิ์ศรีองค์กรที่ยกเป็นเหตุผลสั่งดำเนินคดีพล.ร.อ.พะจุณณ์ นั้น รับฟังกันได้อยู่ แต่ถ้าพล.ต.อ.จักรทิพย์ ตระหนักถึงศักดิ์ศรีองค์กรตำรวจจริง ไม่ใช่เพียงแค่พูดให้ดูดี หรือพูดเพื่อกลบเกลื่อนข้อกล่าวหาซื้อขายตำแหน่ง ก็ควรกำชับตำรวจผู้ใต้บังคับบัญชาทุกนายให้ละเว้นการรับส่วย ห้ามมีบ่อนในทุกพื้นที่
เพราะตำรวจจะได้ไม่ต้องอาย เมื่อทหารและฝ่ายปกครองบุกทลายบ่อน
ต้องสั่งการโดยเด็ดขาด ไม่ให้สถานบันเทิงเปิดเกินเวลา ไม่ตั้งด่านรีดไถ ไม่ค้าคดีเพื่อตบทรัพย์ ตำรวจจะได้มีศักดิ์ศรี เพราะถูกชาวบ้านรุมประณามเหมือนปัจจุบัน
การซื้อขายตำแหน่งในสำนักงานตำรวจแห่งชาติมีจริงหรือไม่ จะปฏิเสธกันเสียงแข็งอย่างไร จะค้ำประกันกันขนาดไหน ไม่มีความหมายทั้งสิ้น
เพราะตำรวจกว่า 2 แสนคนในสำนักงานตำรวจแห่งชาติรู้อยู่แก่ใจว่า องค์กรของตัวเองเป็นอย่างไร รู้ดีว่า ข้อเท็จจริงในการซื้อขายตำแหน่งนั้น ใครเป็นฝ่ายที่พูดโกหกอย่างน่าไม่อาย
สำหรับประชาชนนั้น ไม่ต้องรอให้สำนักโพลที่ไหนลงไปสำรวจความคิดเห็น เพราะมีคำตอบอยู่แล้วว่า
การซื้อขายตำแหน่งของตำรวจนั้น เป็นเพียงเรื่องที่กุขึ้นหรือเป็นข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นมานานแล้ว
เพราะถ้าเป็นเพียงเรื่องที่กุขึ้นมา ก็มีคำถามว่า คนระดับพล.ร.อ.พะจุณณ์ นายทหารคนสนิทของพล.อ.เปรม จะกุเรื่องมาหลอกใครทำไม
และมีคำถามว่า เมื่อคนระดับพล.ร.อ.พะจุณณ์ อดีตนายทหารชั้นผู้ใหญ่ที่ไม่เคยมีประวัติด่างพร้อย ออกมาเปิดโปงข้อมูลการซื้อขายตำแหน่งของตำรวจ ทำไมพล.ต.อ.จักรทิพย์ จึงรีบร้อนดำเนินคดี
ทำไมพล.ต.อ.จักรทิพย์ จึงไม่ถือว่า ข้อมูลที่พล.ร.อ.พะจุณณ์ เปิดโปง เป็นการแจ้งเบาะแส เพื่อนำไปสู่การขจัดความชั่วร้ายในวงการตำรวจ
ผบ.ตร.ไม่อยากรู้หรือว่า มีพล.อ.เข้ามา “ตบทรัพย์” ในสำนักงานตำรวจแห่งชาติจริงหรือไม่ ถ้ามีพล.อ.คนนั้นเป็นใคร และสวาปามเงินซื้อขายตำแหน่งไปกี่ร้อยล้านบาท
ประชาชนทั่วไปอยากรู้แน่ มีพล.อ.ซื้อขายตำแหน่งตำรวจจริงหรือเปล่า แต่เสียดายที่คงไม่มีโอกาสจะรู้แล้ว
เพราะวาระพล.อ.ซื้อขายเก้าอี้ตำรวจ ถูกตัดตอนที่คำสั่งดำเนินคดีพล.ร.อ.พะจุณณ์ และเป็นการปิดปากคนที่ออกมาเปิดโปงแล้ว
การซื้อขายเก้าอี้ในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ถูกเปิดโปงตีแผ่กันมานานแล้ว ถึงขั้นระบุตัวเลขที่ซื้อขายตำแหน่งกันจำนวนนับสิบล้านบาท ซึ่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติไม่เคยดำเนินคดีกับใครที่พูดถึงการวิ่งเต้นซื้อขายเก้าอี้ นอกจากปล่อยให้เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์จนเรื่องเงียบไปเอง
แต่เมื่อพล.ร.อ.พะจุณณ์ ตามประทีป สมาชิก สปท.และอดีตนายทหารที่มีความใกล้ชิดกับพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ออกมาเปิดโปง และปลุกกระแสความสนใจของสาธารณชน จึงเป็นประเด็นร้อนขึ้นมา
ทั้งพล.อ.ประวิตรและพล.ต.อ.จักรทิพย์ ต่างนั่งไม่ติด ต้องออกโรงมาตอบโต้กันนัวเนีย และสั่งดำเนินคดีกับพล.ร.อ.พะจุณณ์ โดยขั้นแรกออกหมายเรียกมาสอบสวนก่อน
พล.อ.ประวิตร ยืนยันว่า ถ้าตนยังอยู่ ไม่มีการซื้อขายตำแหน่งแน่
ส่วนพล.ต.อ.จักรทิพย์ กล่าวว่า “องค์กรผมมีศักดิ์ศรี ใครจะมากล่าวหาลอยๆไม่ได้”
ฟังความจากรองนายกฯ ที่กำกับดูแลตำรวจและผบ.ตร.สรุปได้ว่า ทั้งคู่ปฏิเสธการซื้อขายตำแหน่งในวงการตำรวจ ซึ่งถ้าตำรวจไม่เซ็งลี้เก้าอี้กันจริง ผู้กำกับการสถานีตำรวจฯ ต่างๆ ไม่ต้องจ่ายเงินคนละนับสิบล้านบาทเพื่อให้ได้ตำแหน่งจริง ก็มีปัญหาว่า ข้อกล่าวหาการซื้อขายตำแหน่งของตำรวจมาจากไหน
ใครเป็นคนปล่อยข่าวทำลายศักดิ์ศรีของพล.ต.อ.จักรทิพย์
ไม่เคยมีหลักฐานยืนยันการซื้อขายตำแหน่งของตำรวจ แต่สังคมกลับเชื่อเรื่องการซื้อขายตำแหน่ง และไม่ได้เพิ่งเชื่อในสมัยที่พล.อ.ประวิตร มากำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ไม่ได้เพิ่งจะมาเชื่อกันเมื่อพล.ต.อ.จักรทิพย์ ขึ้นมาเป็น ผบ.ตร.แต่เชื่อกันมานานแล้ว
และคนที่ซุบซิบถึงการซื้อขายตำแหน่ง ไม่ได้มีเพียงพล.ร.อ.พะจุณณ์ เพียงคนเดียว แต่พูดกันทั่วบ้านทั่วเมือง
พล.ร.อ.พะจุณณ์ ที่โพสต์ไลน์การซื้อขายตำแหน่ง ไม่ได้ระบุว่าใครเป็นคนขายตำแหน่ง เพียงระบุยศพล.อ.เท่านั้น และพล.อ.ไม่ได้มีเฉพาะพล.อ.ประวิตร เพียงคนเดียว แต่พล.อ.ที่มีอำนาจและบารมีที่สุดในสำนักงานตำรวจแห่งชาติยุคนี้คือ พล.อ.ประวิตร จึงจำเป็นต้องตอบโต้
ข้ออ้างเรื่องศักดิ์ศรีองค์กรที่ยกเป็นเหตุผลสั่งดำเนินคดีพล.ร.อ.พะจุณณ์ นั้น รับฟังกันได้อยู่ แต่ถ้าพล.ต.อ.จักรทิพย์ ตระหนักถึงศักดิ์ศรีองค์กรตำรวจจริง ไม่ใช่เพียงแค่พูดให้ดูดี หรือพูดเพื่อกลบเกลื่อนข้อกล่าวหาซื้อขายตำแหน่ง ก็ควรกำชับตำรวจผู้ใต้บังคับบัญชาทุกนายให้ละเว้นการรับส่วย ห้ามมีบ่อนในทุกพื้นที่
เพราะตำรวจจะได้ไม่ต้องอาย เมื่อทหารและฝ่ายปกครองบุกทลายบ่อน
ต้องสั่งการโดยเด็ดขาด ไม่ให้สถานบันเทิงเปิดเกินเวลา ไม่ตั้งด่านรีดไถ ไม่ค้าคดีเพื่อตบทรัพย์ ตำรวจจะได้มีศักดิ์ศรี เพราะถูกชาวบ้านรุมประณามเหมือนปัจจุบัน
การซื้อขายตำแหน่งในสำนักงานตำรวจแห่งชาติมีจริงหรือไม่ จะปฏิเสธกันเสียงแข็งอย่างไร จะค้ำประกันกันขนาดไหน ไม่มีความหมายทั้งสิ้น
เพราะตำรวจกว่า 2 แสนคนในสำนักงานตำรวจแห่งชาติรู้อยู่แก่ใจว่า องค์กรของตัวเองเป็นอย่างไร รู้ดีว่า ข้อเท็จจริงในการซื้อขายตำแหน่งนั้น ใครเป็นฝ่ายที่พูดโกหกอย่างน่าไม่อาย
สำหรับประชาชนนั้น ไม่ต้องรอให้สำนักโพลที่ไหนลงไปสำรวจความคิดเห็น เพราะมีคำตอบอยู่แล้วว่า
การซื้อขายตำแหน่งของตำรวจนั้น เป็นเพียงเรื่องที่กุขึ้นหรือเป็นข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นมานานแล้ว
เพราะถ้าเป็นเพียงเรื่องที่กุขึ้นมา ก็มีคำถามว่า คนระดับพล.ร.อ.พะจุณณ์ นายทหารคนสนิทของพล.อ.เปรม จะกุเรื่องมาหลอกใครทำไม
และมีคำถามว่า เมื่อคนระดับพล.ร.อ.พะจุณณ์ อดีตนายทหารชั้นผู้ใหญ่ที่ไม่เคยมีประวัติด่างพร้อย ออกมาเปิดโปงข้อมูลการซื้อขายตำแหน่งของตำรวจ ทำไมพล.ต.อ.จักรทิพย์ จึงรีบร้อนดำเนินคดี
ทำไมพล.ต.อ.จักรทิพย์ จึงไม่ถือว่า ข้อมูลที่พล.ร.อ.พะจุณณ์ เปิดโปง เป็นการแจ้งเบาะแส เพื่อนำไปสู่การขจัดความชั่วร้ายในวงการตำรวจ
ผบ.ตร.ไม่อยากรู้หรือว่า มีพล.อ.เข้ามา “ตบทรัพย์” ในสำนักงานตำรวจแห่งชาติจริงหรือไม่ ถ้ามีพล.อ.คนนั้นเป็นใคร และสวาปามเงินซื้อขายตำแหน่งไปกี่ร้อยล้านบาท
ประชาชนทั่วไปอยากรู้แน่ มีพล.อ.ซื้อขายตำแหน่งตำรวจจริงหรือเปล่า แต่เสียดายที่คงไม่มีโอกาสจะรู้แล้ว
เพราะวาระพล.อ.ซื้อขายเก้าอี้ตำรวจ ถูกตัดตอนที่คำสั่งดำเนินคดีพล.ร.อ.พะจุณณ์ และเป็นการปิดปากคนที่ออกมาเปิดโปงแล้ว