ผู้จัดการสุดสัปดาห์ -สี่ปีที่แล้วมีข่าวครึกโครม เมื่อสังคมออนไลน์แชร์กันว่า วัยรุ่นสหรัฐฯสามารถผลิตปืนจาก “พลาสติก” ที่พิมพ์โดยเครื่องพิมพ์สามมิติ (3D Printer) ได้แล้ว ต่อมากรณีนี้นำไปสู่การจับกุมหลายแห่ง มีการซื้อขาย มีการนำขึ้นเครื่องบินและพื้นที่สาธารณะ จนทำให้หน่วยงานด้านความมั่นคงของหลายชาติ แสดงความกังวล เช่น หน่วยงานด้านความมั่นคงของสหรัฐอเมริกา ออกประกาศควบคุมเครื่องปริ้นสามมิติ เนื่องจาก พบว่าปืนจากเครื่องปริ้นสามมิติไม่สามารถตรวจจับได้โดยเครื่องสแกนโลหะ ผู้ก่อการร้ายสามารถใช้ปืนชนิดนี้ในการก่อวินาศกรรมได้อย่างง่ายดาย และมีความสามารถพอให้การสังหารคนได้ ทำเอา ฝ่ายความมั่นหลายประเทศ คิดค้นระบบเรดาห์วิเคราะห์ความเป็นไปได้ของวัตถุที่เป็นอันตราย เช่นในสนามบิน โรงแรม หรือ ในห้างสรรพสินค้า
ขณะที่ประเทศไทย โดยรัฐบาล คสช.และหน่วยความมั่งคง ก็ตะหนักถึงปัญหานี้เช่นกัน สามปีที่แล้ว คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)ได้มีมติ (29 กรกฎาคม 2557) มอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์( พณ.) รับไปพิจารณาเพิ่มเติมเพื่อควบคุม
สามปีผ่านมา กระทรวงพาณิชย์ ทำร่างกฎกระทรวงเสร็จแล้ว เพื่อนำมาเสนอ คณะรัฐมนตรีเมื่อสัปดาห์ก่อน เป็นร่าง ชื่อว่า “ร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้เครื่องพิมพ์สามมิติเป็นสินค้าที่ต้องปฏิบัติตามมาตรการจัดระเบียบในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร พ.ศ. ....”
และคณะรัฐมนตรีก็มีมติอนุมัติในหลักการร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้เครื่องพิมพ์สามมิติเป็นสินค้าที่ต้องปฏิบัติตามมาตรการจัดระเบียบในการนำเข้ามาในราอาณาจักร พ.ศ. .... และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
เรื่องนี้ย้อนกลับไปสามปี ก็จากที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติได้มีมติ ได้มอ
บหมายให้ พณ. รับไปพิจารณาเพิ่มเติมถึงความจำเป็นเหมาะสมในการออกประกาศควบคุมการนำเข้าสินค้าประเภทเครื่องพิมพ์สามมิติ เพื่อป้องกันการนำมาใช้ในทางที่ไม่เหมาะสมนั้น
มีการพิจารณาเห็นว่า เนื่องจากเครื่องพิมพ์สามมิติสามารถนำไปใช้ได้ทั้งทางบวกและทางลบ โดยในทางบวกสามารถนำไปใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ วิศวกรรมและการออกแบบผลิตภัณฑ์ ในทางลบมีผู้นำไปผลิตวัตถุที่ผิดกฎหมายและวัตถุอันตราย เช่น อาวุธปืน ก่อให้เกิดอันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน
ดังนั้น เพื่อความสงบเรียบร้อยและความปลอดภัยของสาธารณชน จากการนำเข้าเครื่องพิมพ์สามมิติไปใช้ในทางที่อาจก่อให้เกิดความเสียหาย และเพื่อกำกับ ดูแล ติดตามปริมาณนำเข้าและป้องกัน มิให้มีการนำเครื่องพิมพ์สามมิติไปใช้ในทางที่ไม่เหมาะสมและขัดต่อกฎหมาย จนก่อให้เกิดปัญหาความปลอดภัยและความมั่นคงของประเทศ สมควรกำหนดให้เครื่องพิมพ์สามมิติเป็นสินค้าที่ต้องปฏิบัติตามมาตรการจัดระเบียบในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร
ก่อนจะประกาศลงในราชกิจจานุเบกษา ประกาศใช้ ในสาระสำคัญของร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ ได้กำหนดคำนิยามของ “เครื่องพิมพ์สามมิติ” และกำหนดให้เครื่องพิมพ์สามมิติเป็นสินค้าที่ต้องปฏิบัติตามมาตรการเพื่อประโยชน์ในการจัดระเบียบในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร ดังนี้
1. ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นผู้นำเข้าเครื่องพิมพ์สามมิติไว้กับกรมการค้าต่างประเทศหรือหน่วยงานอื่นที่กรมการค้าต่างประเทศมอบหมาย 2. จดแจ้งการนำเข้าก่อนวันที่นำเข้าก่อนวันที่นำเข้าเครื่องพิมพ์สามมิติไว้กับกรมการค้าต่างประเทศหรือหน่วยงานอื่นที่กรมการค้าต่างประเทศมอบหมาย และนำแบบรับจดแจ้งไปแสดงต่อกรมศุลกากรประกอบการนำเข้ามาในราชอาณาจักร และ3. รายงานการนำเข้า การครอบครอง และการจำหน่ายจ่ายโอนเครื่องพิมพ์สามมิติต่อกรมการค้าต่างประเทศ
เจ้าหน้าที่กระทรวงพาณิชย์ ให้ข้อมูลเพิ่มเติมต่อร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ ฉบับนี้ว่า ประเด็นอาวุธปืน 3D เป็นประเด็นเจ้าปัญหาทางด้านกฎหมายโดยเฉพาะในสหรัฐฯ ที่เกิดเหตุกราดยิงและอาชญากรรมอยู่บ่อยครั้ง ขณะที่ หลายฝ่ายถกเถียงว่าปืนชนิดนี้ ถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ รัฐบาลเขาไม่สามารถเข้าควบคุมอาวุธปืนได้อย่างจริงจัง ขณะที่ การก่อเหตุสะเทือนขวัญด้วยการกราดยิงยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง พร้อมกันนี้ เทคโนโลยีที่ทันสมัยในปัจจุบัน กลับเพิ่มปัญหาเหล่านั้นให้กลายเป็นปัญหาสำคัญมากขึ้น
ปัจจุบัน “ปรินเตอร์สามมิติ” ก็ถือเป็นนวัตกรรมใหม่ ที่สามารถปรินต์สิ่งของออกมาได้คล้ายของจริง กำลังทำให้รัฐบาลของหลายประเทศต้องปวดหัว เพราะมันสามารถปรินต์โครงอาวุธปืนจากวัสดุต่างๆทั้งพลาสติกและโลหะได้เหมือนกับปืนจริงทุกกระเบียดนิ้ว เพียงวาดพิมพ์เขียวลงไปในคอมพิวเตอร์ก่อนสั่งพิมพ์ ที่สำคัญ ปืน 3D ยังสามารถใช้การได้เหมือนปืนจริงทุกประการ แม้จะไม่เสถียรหรือทนทานเท่าปืนจริงก็ตาม
ทั้งนี้ ในประเทศไทย “กรมการค้าต่างประเทศ”จะเป็นผู้บังคับใช้กฎกระทรวงฉบับนี้ โดยมีหน้าที่ ขึ้นทะเบียนผู้นำเข้าเครื่องพิมพ์สามมิติ ไว้กับกรมการค้าต่างประเทศ ให้มีการจดแจ้งการนำเข้าก่อนวันที่นำเข้า และนำแบบรับจดแจ้งไปแสดงต่อกรมศุลกากรประกอบการนำเข้ามาในราชอาณาจักร รวมถึงต้องรายงานการนำเข้า การครอบครอง และการจำหน่ายจ่ายโอนเครื่องพิมพ์สามมิติทุกครั้ง
เมื่อปลายปีที่แล้ว สื่อต่างประเทศรายงานว่า แม้ในระดับชาติ รัฐบาลสหรัฐฯ จะไม่สามารถควบคุมอาวุธปืนได้ แต่ในระดับท้องถิ่นของสหรัฐฯ มีการออกกฎหมายเพื่อควบคุมปืน 3D ชนิดนี้ โดยเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2557 เมืองฟิลาเดลเฟีย มลรัฐเพนซิลวาเนีย เป็นเมืองแรกของสหรัฐฯที่ระบุชัดว่าปืน 3D เป็นสิ่งผิดกฎหมาย
หรือที่ประเทศญี่ปุ่น เมื่อเร็วๆนี้ หนุ่มวัย 27 ปี อาศัยในเมือง คาวาซากิ ถูกจับในข้อหา มีปืนผิดกฎหมายไว้ในครอบครอง “พบปืนพก 5 กระบอก และ ปืนลูกโม่ที่ยิงต่อเนื่องได้ 2 กระบอก” แถมยังเป็นปืนที่พิมพ์จากเครื่องพิมพ์ 3มิติ หรือ 3D Printer เพราะในญี่ปุ่นมีกฎหมายห้ามมีปืนทุกชนิดไว้ในครอบครองอยู่แล้ว และคดีนี้ก็ถือเป็นครั้งแรกในญี่ปุ่นที่กฎหมายควบคุมอาวุธปืน มีผลบังคับใช้กับปืนที่พิมพ์จากเครื่องพิมพ์ 3มิติ ด้วย
จากข้อมูลต่างประเทศ ระบุว่า การมาของเครื่องพิมพ์สามมิติ ถูกสร้างเมื่อปี 1984 ทำให้ผู้คนทั่วไปเข้าถึงกระบวนการผลิตแบบอุตสาหกรรมได้ง่ายขึ้น มีค่าใช้จ่ายที่ถูกลงมาก และนิยมนำไปใช้ในธุรกิจหลายประเภท เน้นไปที่การผลิตสินค้าต้นแบบที่ทำได้ทันที ไม่มีค่าใช้จ่ายจำนวนมาก ไม่ต้องทำเป็นจำนวนเยอะๆ เหมือนระบบที่ใช้ในอุตสาหกรรมอย่างการฉีดพลาสติกเข้าเบ้าหล่อ (mold injection) ที่จะผลิตของหนึ่งชิ้น ต้องทำเบ้าหล่อขึ้นมาเสียก่อน ด้วยความที่เครื่องพิมพ์สามมิติทำให้ผู้ใช้สามารถผลิตสิ่งที่ต้องการขึ้นมาด้วยตัวเองโดยไม่ต้องมีใบอนุญาต ขอเพียงแค่มีไฟล์แบบพิมพ์ก็พอ
ดังนั้น กฎกระทรวงฉบับดังกล่าว จึงเป็นเพียงเพื่อป้องกันต้นเหตุ ไม่ได้เกิดปัญหาเท่านั้น ในปัจจุบันประเทศไทย เริ่มมีเครื่องพิมพ์สามมิติ (3D Printing) เข้ามามากพอสมควรเพื่อประโยชน์ทางด้านอุตสาหกรรม รองรับ“การผลิตแบบดิจิทัล” ในวงการอุตสาหกรรม และตามนโยบายเศรษฐกิจดิจิทัล ของรัฐบาล เจ้าเครื่องพิมพ์สามมิติ (3D Printing) ก็น่าจะเป็นเครื่องมือสำคัญในวงการนักออกแบบผ่านโปรแกรมสามมิติได้เลย