ผู้ประกอบการ 16 รายแข่งยื่นซองเสนอราคาซื้อข้าวเข้าอุตสาหกรรมที่เปิดประมูล 3.6 แสนตัน “พาณิชย์” เผยมีผู้เสนอราคาผ่านเกณฑ์ 9 ราย ปริมาณ 2.4 แสนตัน รวมยอดประมูลทั้งทั่วไปและเข้าอุตสาหกรรม คาดเคาะขายได้ 3.97 แสนตัน มูลค่ากว่า 3.3 พันล้านบาท เตรียมเสนอ นบข.เคาะต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (17 ก.พ.) กรมการค้าต่างประเทศได้เปิดให้เอกชนที่ผ่านการตรวจสอบคุณสมบัติเข้ายื่นซองเสนอราคาซื้อข้าวสารในสต๊อกรัฐบาล ซึ่งเป็นข้าวเสื่อมสภาพที่เปิดประมูลเข้าสู่ภาคอุตสาหกรรม ปริมาณ 3.6 แสนตัน โดยกำหนดให้ยื่นซองเสนอราคาตั้งแต่เวลา 09.00-12.00 น. ปรากฏว่าหลังจากครบกำหนดระยะเวลามีผู้มายื่นซองเสนอราคารวม 16 ราย ซึ่งถือว่าผู้ที่ผ่านคุณสมบัติมายื่นเสนอราคาครบทุกราย
สำหรับข้าวเสื่อมสภาพที่นำมาเปิดประมูลในครั้งนี้ ถือเป็นครั้งที่ 2 หลังจากที่เคยเปิดประมูลไปแล้วก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 1 ธ.ค. 2558 ที่ผ่านมา โดยมีข้าวที่นำมาประมูล 7 ชนิด ซึ่งเป็นข้าวคุณภาพไม่ตรงตามมาตรฐาน (ระดับคุณภาพเกรด C) ประกอบด้วยข้าวปทุมธานี ข้าวขาว 5 เปอร์เซ็นต์ ข้าวขาว 15 เปอร์เซ็นต์ ข้าวเหนียวขาว 10 เปอร์เซ็นต์ ข้าวท่อนหอมมะลิ ข้าวท่อนหอมจังหวัด และปลายข้าว A1 เลิศ รวมจำนวน 119 คลัง ใน 28 จังหวัด
นางดวงพร รอดพยาธิ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กล่าวว่า ผลการประมูลเบื้องต้น มีเอกชนเสนอราคาสูงสุด 9 ราย ใน 64 คลัง ปริมาณรวมประมาณ 2.4 แสนตัน คิดเป็น 67% ของจำนวนที่เปิดประมูลทั้งหมด รวมมูลค่ากว่า 1,531 ล้านบาท ซึ่งข้าวที่นำมาประมูลในครั้งนี้เป็นข้าวไม่ตรงตามมาตรฐาน แต่คุณภาพดีกว่าการประมูลครั้งที่ผ่านมา จึงเปิดกว้างมากขึ้น สามารถใช้ในอุตสาหกรรมอาหารสัตว์ รวมทั้งอุตสาหกรรมอื่นๆ ได้ ทำให้ราคาที่เสนอมาในครั้งนี้สำหรับการซื้อไปสู่อุตสาหกรรมอาหารสัตว์ เฉลี่ยที่ 6-7 บาทต่อกิโลกรัม (กก.) ส่วนซื้อไปทำเอทานอล เฉลี่ย 2-3 บาทต่อ กก.
โดยยอดรวมการประมูลข้าวในสต๊อกรัฐบาล ครั้งที่ 1/2559 ทั้งแบบประมูลทั่วไปเพื่อการบริโภค และเข้าสู่ภาคอุตสาหกรรม รวมมีผู้เสนอราคาสูงสุดปริมาณกว่า 3.97 แสนตัน คิดเป็น 70% ของปริมาณข้าวที่เปิดประมูลทั้งหมด 5.7 แสนตัน มูลค่าเสนอซื้อประมาณ 3,314 ล้านบาท โดยจะเสนอให้ประธานคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) พิจารณาอนุมัติผลการจำหน่ายข้าวสารในสต๊อกของรัฐต่อไป ส่วนการประมูลครั้งต่อไปจะต้องประเมินสถานการณ์ในตลาดอีกครั้ง เพื่อไม่ให้กระทบต่อราคาข้าวของเกษตรกร
ส่วนกรณีที่บริษัท ว.ธนทรัพย์ ที่ประมูลข้าวในคลังขององค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) ประมาณ 4 พันตัน และจะทำการขนย้ายในโกดังจังหวัดนครสวรรค์ แต่ยังไม่สามารถทำการขนข้าวได้ เนื่องจากบริษัทผู้ตรวจสอบคุณภาพระบุว่าโกดังดังกล่าวไม่ได้อยู่ในบัญชีที่รัฐนำไปเปิดประมูล ซึ่งจากข้อเท็จจริง การเปิดประมูลมีการกำหนดโกดังและพื้นที่ชัดเจนแล้ว เป็นหน้าที่ผู้ดูแลคลังจะต้องอำนวยความสะดวกเปิดโกดังให้มีการขนย้าย แต่การที่บริษัทผู้ตรวจสอบคุณภาพไม่ดำเนินการเปิดคลังให้ อ.ต.ก.จะต้องดำเนินการฟ้องร้อง และอำนวยความสะดวกให้ผู้ชนะการประมูลอย่างเต็มที่ เพราะได้ทำตามข้อกำหนดของการระบาย
สำหรับผลการเปิดประมูลข้าวในสต๊อกรัฐบาลตั้งแต่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เข้ามาบริหารประเทศ ได้ดำเนินการไปแล้วทั้งสิ้น 12 ครั้ง ระบายข้าวได้รวมปริมาณ 4.69 ล้านตัน คิดเป็นมูลค่า 50,745 ล้านบาท