“พาณิชย์” เตรียมชง นบข. วันที่ 29 ก.พ.นี้พิจารณาระบายข้าวคละเกรด 11 ล้านตันแบบยกคลัง หลังพบมีข้าวดี ข้าวเสียปะปนจนแยกไม่ได้ ส่วนการเปิดประมูลล็อตล่าสุด 5.7 แสนตันใช้เพื่อบริโภคและเข้าสู่อุตสาหกรรมให้ยื่นเสนอราคา 16-17 ก.พ.นี้ ยันรอบนี้เปิดกว้างภาคอุตสาหกรรมหลากหลายขึ้น
นางดวงพร รอดพยาธิ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า กรมฯ จะเสนอให้ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในวันที่ 29 ก.พ.นี้ พิจารณาเห็นชอบแผนการระบายข้าวสารในสต๊อกรัฐบาลแบบคละเกรดราว 11 ล้านตัน โดยอาจใช้วิธีการระบายแบบยกคลัง เพราะปัญหาขณะนี้คือ ข้าวสารในสต๊อกที่เหลืออยู่ในคลังทั่วประเทศกว่า 1,000 คลัง ส่วนมากจะมีทั้งข้าวคุณภาพ (เกรดพี, เอ และบี) ข้าวเสื่อม (เกรดซี) และข้าวเน่าเสียปะปนกันอยู่ภายในคลังเดียวกัน และยังมีปัญหาสภาพโกดังและคลังข้าวที่เสียหาย กำแพงพัง หลังคารั่ว ข้าวล้มปะปนกัน ทำให้ยากต่อการคัดแยกกอง เพื่อนำมาประมูล หรือหากจะดำเนินการแยกกองจะลำบากเพราะค่าใช้จ่ายสูง
“ข้าวสารประมาณ 11 ล้านตันนี้ถ้าจะนำมาประมูลเป็นการทั่วไปเพื่อบริโภคจะมีตลาดและความต้องการกว้าง มากกว่าการระบายเข้าสู่อุตสาหกรรม เพราะสามารถนำไปขายในประเทศ ส่งออก และผลิตเป็นสินค้าอื่นๆ ได้ แต่ต้องทำอย่างรอบคอบ และมีมาตรการกำกับดูแลการขนย้ายอย่างรอบคอบ เพราะมีทั้งข้าวดีและข้าวเสียปะปนกันอยู่ อาจทำให้มีการนำข้าวล็อตนี้ไปผสมกับข้าวดีขาย ซึ่งอาจกระทบต่อความมั่นใจของผู้ซื้อ โดยเฉพาะจากต่างประเทศได้” นางดวงพรกล่าว
ส่วนการชี้แจงการประมูลข้าวสารในสต๊อกรัฐบาล ครั้งที่ 1/2559 ปริมาณ 5.7 แสนตัน นางดวงพรกล่าวว่า ในจำนวนนี้เป็นข้าวที่นำมาประมูลทั่วไป 2.04 แสนตัน มีข้าว 8 ชนิด เป็นข้าวคุณภาพเกรด พี เอ และบี จาก 40 คลัง ใน 13 จังหวัด และประมูลเข้าสู่อุตสาหกรรม 3.6 แสนตัน มีข้าว 7 ชนิด เป็นข้าวเกรดซี จาก 119 คลัง ใน 28 จังหวัด โดยจะเปิดให้ยื่นซองคุณสมบัติในวันที่ 11 ก.พ. และยื่นซองเสนอราคาวันที่ 16 ก.พ. สำหรับประมูลทั่วไป และ 17 ก.พ. สำหรับอุตสาหกรรม
ทั้งนี้ การประมูลข้าวเป็นการทั่วไป ได้กำหนดคุณสมบัติและเงื่อนไขการประมูลคงเดิม แต่การประมูลเข้าสู่อุตสาหกรรมได้เปิดกว้างมากขึ้น โดยอุตสาหกรรมทั่วไปที่ใช้ข้าว สามารถเข้าร่วมประมูลได้ เพียงแต่ต้องยื่นข้อมูลต่างๆ ให้เป็นไปตามเงื่อนไข โดยอุตสาหกรรมผลิตอาหารสัตว์ เอทานอล พลังงาน สามารถเข้าร่วมได้ รวมทั้งอุตสาหกรรมผลิตถ่าน พลาสติก เป็นต้น ก็สามารถเข้าร่วมได้ ส่วนราคาขั้นต่ำไม่มี เนื่องจากข้าวชนิดนี้ไม่มีราคาตลาด ซึ่งอาจจะใช้ราคาอ้างอิงจากวัตถุดิบอย่างอื่น เช่น มันสำปะหลัง หรือที่ใกล้เคียง
สำหรับการประมูลครั้งต่อไป คาดว่าจะมีขึ้นในช่วงเดือน ก.พ.-เม.ย. 2559 โดยจะเปิดประมูลได้ถี่ขึ้นเพราะเป็นช่วงที่ข้าวของเกษตรกรออกหมดแล้ว