ผู้จัดการรายวัน360-"บิ๊กต๊อก"สั่งดีเอสไอกราบ "สมเด็จช่วง" ก่อนสอบเบนซ์ฉาว เตือนทำงานช้า โดนเพ่งเล็ง ย้ำต้องว่าไปตามกฎหมาย "ไพสิฐ" เตรียมส่งหนังสือนัดสอบ ส่วนคดีโกงสหกรณ์คลองจั่น เรียกสอบแก๊ง "ศุภชัย" กลุ่มแรก "ธรรมกาย" จ่อคิว "วิษณุ"ปัดรัฐบาลดองเรื่องตั้งสังฆราช ระบุพ.ร.บ.ชุมนุมสาธารณะใช้กับพระด้วย ตำรวจรับลูก ผิดจริง "เจ้าคุณประสาร" ไม่รอด "สุวพันธุ์" รับนัดพูดคุยรองสมเด็จแก้ปมขัดแย้ง
พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เปิดเผยถึงความคืบหน้าการตรวจสอบรถเบนซ์โบราณ หมายเลขทะเบียน ขม 99 กรุงเทพมหานคร ของสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ (ช่วง วรปุญฺโญ) เจ้าอาวาสวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ และเป็นผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช ว่า อย่าเป็นห่วง เพราะได้ทำตามขั้นตอนของกฎหมาย โดยตนบอก พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ขอให้ทำเหมือนคดีทั่วไป แต่ถ้าช้า สื่ออาจจะมีข้อซักถามและหน่วยงานอาจโดนเพ่งเล็ง
"ผมขอยืนยันว่าให้อิสระในการทำหน้าที่ของแต่ละหน่วยงาน และขอให้รายงานเข้ามาเป็นระยะ แต่ไม่ใช่ก้าวก่ายการทำงาน ขอให้ทำตามนโยบายของรัฐบาล คือ การบังคับใช้กฎหมายและไม่เลือกปฏิบัติ" พล.อ.ไพบูลย์กล่าว
สำหรับขั้นตอนของการตรวจสอบรถโบราณ ได้มีการทำหนังสือไปถึงสมเด็จช่วง รวมทั้งได้บอกอธิบดีดีเอสไอไว้แล้วว่าให้ไปกราบท่านที่วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ หรืออาจจะเชิญมาที่กระทรวงยุติธรรมก็ได้ โดยเรื่องนี้ ต้องให้ความเคารพนับถือและให้เกียรติกัน ซึ่งท่านอาจกำหนดว่าไปตรงไหน เพื่อความเหมาะสม และอธิบดีดีเอสไอควรชี้แจงขั้นตอนมีอะไรบ้าง แต่คดีความต้องว่าไปตามกฎหมาย
***ดีเอสไอเตรียมส่งหนังสือนัดวัน
ด้าน พ.ต.อ.ไพสิฐกล่าวว่า สัปดาห์หน้าจะทำหนังสือไปถึงวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ เพื่อสอบถามว่าสะดวกเมื่อไร ก็จะกำหนดเดินทางเข้าพบอีกครั้ง แต่ต้องขึ้นอยู่กับทางวัดด้วยว่ามีภารกิจสงฆ์หรือไม่ หากทำหนังสือกำหนดวันไปชัดเจนแล้ว ก็จะแจ้งให้ทราบอีกครั้ง
ส่วนกรณีที่ทางวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ อาจมีการเปลี่ยนตัวทนายความ จะดำเนินงานอย่างไรนั้น พ.ต.อ.ไพสิฐกล่าวว่า ดีเอสไอดูตามหลักฐานข้อเท็จจริงซึ่งได้มีอยู่ส่วนหนึ่งแล้ว แต่ก็ต้องสอบถามสมเด็จช่วงอีกครั้งว่าท่านรับรถโบราณคันดังกล่าวมาจากไหน เรื่องลายมือเป็นชื่อท่านจริงหรือไม่ ต้องสอบถามกับตัวท่านโดยตรง
"การสอบถามก็มีหลายประเด็น ซึ่งพนักงานสอบสวนเตรียมไว้แล้ว อาจจะเกี่ยวข้องการครอบครองรถและการได้มา หลักฐานเอกสารต่างๆ และลายมือชื่อสมเด็จช่วงว่าตรงหรือไม่ แต่อาจมีในประเด็นอื่นที่ต้องการสอบถามเพิ่มเติมบางส่วนก็ได้ นอกจากการสอบถามสมเด็จช่วงแล้ว อาจสอบถามไปยังพระรูปอื่น ก็ต้องขึ้นอยู่กับท่านก่อนว่ามีอ้างอิงพระรูปอื่นอีกหรือไม่ แต่เท่าที่ทราบมีหลวงพี่แป๊ะรูปเดียวที่เคยให้การมาก่อนหน้านี้"พ.ต.อ.ไพสิฐกล่าว
***ใครเกี่ยวข้องเรียกมาสอบหมด
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีการเรียกผู้เกี่ยวข้องในคดีนี้มาพูดคุยบ้างหรือยัง พ.ต.อ.ไพสิฐกล่าวว่า เท่าที่ทราบมีหลายคนที่ถูกปลอมแปลงชื่อในการทำเอกสารปลอม ได้เข้ามาแจ้งความร้องทุกข์ต่อดีเอสไอ เนื่องจากเกิดความเสียหาย และทางดีเอสไอรับเรื่องไว้แล้ว และมีรายชื่อผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดแล้ว โดยจะดำเนินการสอบสวนต่อไป ส่วนนายสมนึก บุญประไพ เคยมาให้ปากคำแล้วครั้งหนึ่ง ส่วนนายชลัช นิติฐิติวงษ์ ยังไม่เคยเดินทางมาให้ปากคำ โดยพนักงานสอบสวนจะเรียกมาให้ปากคำ แต่ยังไม่ได้กำหนดเวลา
***เริ่มสอบแก๊งโกงสหกรณ์คลองจั่น
วันเดียวกันนี้ พ.ต.อ.ไพสิฐ ได้กล่าวถึงความคืบหน้าการตรวจสอบเส้นทางการจ่ายเช็ค 878 ฉบับของนายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานสหกรณ์เครดิตยูเนียนคลองจั่น ให้แก่ผู้รับ 7 กลุ่ม ซึ่งผู้รับจะเข้าข่ายความผิดรับของโจรหรือฟอกเงิน ว่า การตรวจสอบเส้นทางการเงินมีหลายกลุ่ม โดยทางเจ้าหน้าที่จะทำการสอบสวนกลุ่มแรกก่อน คือ กลุ่มของนายศุภชัยกับพวก เนื่องจากเป็นกลุ่มผู้ต้องหาหลัก และค่อยดำเนินการกลุ่มต่อไป
"ขณะนี้ นายศุภชัยถูกคุมขังในเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ซึ่งอัยการได้แจ้งข้อหาลักทรัพย์นายจ้างและรับของโจร ต่อกลุ่มนายศุภชัยกับพวก และขอเวลาให้พนักงานสอบสวนทำงานสักระยะ เพราะมีหลายกลุ่มหลายเรื่อง ต้องตรวจสอบ เนื่องจากว่ามีคนรับเช็คเป็นจำนวนมาก โดยกลุ่มวัดพระธรรมกายเป็นเพียง 1 ใน 7 กลุ่ม ซึ่งเจ้าหน้าที่จะทำงานไปพร้อมๆ กัน รวมทั้งต้องออกหนังสือหมายเรียกตามขั้นตอนเพื่อความเหมาะสม"พ.ต.อ.ไพสิฐกล่าว
***"วิษณุ"ยันกำลังแก้ปัญหาตั้งสังฆราช
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกระแสข่าวเรียกร้องให้แก้ไข พ.ร.บ.คณะสงฆ์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2535 ว่า ตนยังไม่ได้ยินเรื่องดังกล่าว ไม่เห็นหนังสือพิมพ์ฉบับใดนำเสนอ จึงไม่ขอตอบในสิ่งที่ยังไม่ทราบ ส่วนกรณีนายสุวพันธ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ระบุระหว่างหารือกับสมาคมเปรียญธรรม 9 ประโยค (ป.ธ.9) ว่า หากมีเสียงคัดค้านการแต่งตั้งสมเด็จพระสังฆราชองค์ใหม่ 1 ล้านคน จะทำอย่างไรนั้น เป็นเพียงการปรารภ พูดเผื่อ แต่วันนี้สิ่งที่รัฐบาลคิดไม่ออก คือ วิธีการที่จะแก้ปัญหาดังกล่าว แต่เดี๋ยวคงรู้ เพราะรับฟังความคิดเห็นจากผู้รู้หลายๆ คน นายสุวพันธุ์ ก็เดินสายพูดคุย ป.ธ.9 มาแล้ว
ผู้สื่อข่าวถามว่า รัฐบาลจะปล่อยเรื่องเอาไว้อย่างนี้ต่อไปหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า รัฐบาลไม่ได้ปล่อยเรื่องไว้เฉยๆ เพราะหากเรียกว่าปล่อย แสดงว่าไม่ได้ทำอะไร แต่ถ้าทำอะไรอยู่ จะเรียกว่าปล่อยคงไม่ได้
***ย้ำพ.ร.บ.ชุมนุมฯ ใช้กับพระด้วย
เมื่อถามถึงกรณีที่พระจะออกมาชุมนุม จะต้องใช้มาตรการทางกฎหมายหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่ทราบว่าเข่าข่ายผิดกฎหมายหรือไม่ ที่เขาว่าเข้าข่ายผิด พ.ร.บ.ชุมนุมสาธารณะ พ.ศ.2558 ตนไม่ทราบพฤติกรรม หรือเรื่องราวที่เกิดขึ้น เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องต้องเป็นผู้ดูแล
เมื่อถามย้ำว่า หากไม่บังคับใช้กับพระ แต่บังคับใช้กับประชาชนทั่วไป ถือเป็นการเลือกปฏิบัติหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่อยากตอบ เพราะตอบแล้วจะกลายเป็นเรื่องอย่างอื่น
ต่อข้อถามว่า พระสงฆ์ถือว่าอยู่ภายใต้ พ.ร.บ.ชุมนุมสาธารณะ พ.ศ.2558 หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ทุกคนต้องอยู่ภายใต้ พ.ร.บ.ชุมนุมสาธารณะ พ.ศ.2558 แต่ไปดูให้ดี มันมีกรรมวิธีในการใช้ คนที่ชุมนุมเป็นเขารู้ว่าควรทำอย่างไร เพราะมันมีข้อยกเว้นอะไรอยู่ว่ากรณีอะไรไม่ถือว่าเป็นการชุมนุม และไม่นำกฎหมายดังกล่าวมาใช้ เช่น การชุมนุมตามวัฒนธรรมประเพณี เป็นต้น
***ตำรวจเผยถ้าผิดแกนนำเจอก่อน
พล.ต.ต.ทรงพล วัธนะชัย รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงกรณีพระเมธีธรรมาจารย์ (ประสาร จนฺทสาโร) หรือ เจ้าคุณประสาร ผู้ช่วยเจ้าอาวาส วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ราชวรมหาวิหาร ในฐานะเลขาธิการศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย ระบุว่าหากมีการออกหมายเรียกผู้ที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ชุมนุมที่พุทธมณฑล จ.นครปฐม มารับทราบข้อกล่าวหา หรือดำเนินคดี จะมีการเคลื่อนไหวออกมาชุมนุมที่ สภ.พุทธมณฑล ว่า ทางตำรวจได้มีการประชุมหารือ และสรุปเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่าจะดำเนินคดีกับบุคคลใดได้บ้าง หากปรากฏความผิด แกนนำจะต้องถูกพิจารณาก่อน
ส่วนการออกมาพูดในลักษณะดังกล่าว ถือเป็นการข่มขู่หรือไม่นั้น เห็นว่า การชุมนุมถือเป็นสิทธิ์ที่สามารถทำได้ แต่ต้องไม่ละเมิดต่อข้อกฎหมาย โดยเฉพาะต้องปฏิบัติตาม พ.ร.บ.การชุมนุมในที่สาธารณะ ที่มีผลบังคับใช้แล้ว
***สุวพันธุ์"รับมีคุยรองสมเด็จ
นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการพูดคุยพระ ป.ธ.9 เกี่ยวกับปัญหาสถาปนาสมเด็จพระสังฆราชว่า ข่าวที่ปรากฎว่ามีคนไม่เห็นด้วย 1 ล้านเสียงจะเกิดความวุ่นวาย ไม่ตรงกับข้อเท็จจริง ตนไม่ได้หมายความว่าแบบนั้น ตัวเลขไม่เกี่ยว เสียใจที่ข่าวออกไปแบบนั้น โดยยืนยันว่า ตนเคารพคณะสงฆ์อย่างที่สุด มติมหาเถรสมาคม (มส.) รัฐบาลก็ยังเคารพ ไม่ได้มีความคิดไปเป็นอย่างอื่น
ส่วนการพูดคุย มีทั้งพูดคุยภายในและเสวนาทางวิชาการ ทั้งหมดที่ตนและรัฐบาลกำลังทำอยู่ ไม่มีเจตนาร้ายต่อคณะสงฆ์ ไม่มีเจตนาร้ายต่อพุทธศาสนา อยากให้ทุกอย่างเดินไปได้ด้วยความราบรื่น มีวัตถุประสงค์ต้องการยกย่องเชิดชูพุทธศาสนา ไม่มีจิตใจก้าวก่าย แทรกแซง หรือกระทำสิ่งใดที่ไม่เคารพต่อพระสงฆ์ โดยเฉพาะพระมหาเถระชั้นผู้ใหญ่ ส่วนที่มีข่าวว่า ทาง มส.มอบหมายให้พระราชาคณะชั้นรองสมเด็จพระราชาคณะมาพูดคุยกับตน ซึ่งตนก็มีนัดหมายพูดคุยจริง ซึ่งบางเรื่องก็เป็นเรื่องภายใน ที่ตนและคณะสงฆ์คุยกัน เมื่อได้ข้อมูลและเวลาที่สมควรตนก็จะมาแจ้งให้สังคมได้รับทราบ