“ประยุทธ - ประวิตร - สมคิด” สุดฉุนสั่งอาคมเร่งแก้ปัญหาเมกกะโปรเจกต์คมนาคมล่าช้า ที่ควรเร่งกลับช้า ที่ไม่ควรทำกลับทำ หวั่นพารัฐบาลพังดึงเศรษฐกิจลงเหว ส่าสุดนักลงทุนไม่เชื่อมั่นทิ้งหุ้นรับเหมายกแผง
ช่วง1-2 สัปดาห์ที่ผ่านมา เรื่องความล่าช้าเมกกะโปรเจคโครงสร้างพื้นฐานของรัฐในส่วนของกระทรวงคมนาคมทั้งรถไฟฟ้า รถไฟทางคู่ รถไฟไทย-จีน มอเตอร์เวย์ สนามบินสุวรรณภูมิ เป็นประเด็นร้อนที่ถูกจับตาอย่างมาก เพราะส่งผลกระทบเชิงลบต่อเศรษฐกิจประเทศ และความมั่นคงของรัฐบาล ร้อนถึงนาย สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ต้องลงมากำกับเองโดยส่ง นาย อภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง มาร่วมเจรจารถไฟไทย-จีน ร่วมกับกระทรวงคมนาคม และในการประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่16 ก.พ.ที่ผ่านมา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้กระทรวงคมนาคมเร่งรัดแก้ไขปัญหาความล่าช้าโครงการต่างๆโดยเฉพาะการคัดเลือกเอกชนเดินรถโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย และที่ชัดเจนที่สุดคือ พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ต้องมาชี้แจงเองในการคืนความสุขให้คนในชาติ เมื่อวันศุกร์ที่12 และ19 ก.พ.ที่ผ่านมา โดยย้ำว่ารัฐบาลจะเร่งรัดลงทุนโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมทางรางอย่างแน่นอน โดยเฉพาะรถไฟฟ้าขนส่งมวลชน และรถไฟทางคู่ ส่วนโครงการรถไฟไทย-จีน ยอมรับว่ามีปัญหา ยังไม่ลงนามสัญญาต้องพิจารณาอย่างรอบคอบไม่ให้ประเทศเสียหาย และโครงการรถไฟความเร็วสูงก็ต้องศึกษาให้รอบคอบทุกด้าน หากยังไม่จำเป็นก็สร้างรางไว้แล้วใช้ความเร็วปานกลางไปก่อนก็ได้
แหล่งข่าวระดับสูงในรัฐบาลเปิดเผยว่า ความล่าช้าในการดำเนินการโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมโดยเฉพาะรถไฟฟ้าและรถไฟทางคู่ ส่งผลกระทบต่อรัฐบาลเป็นอย่างมากเพราะเป็นโครงการสำคัญที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจได้โดยเร็ว ยิ่งเศรษฐกิจประเทศเจอแต่ปัจจัยลบรุมเร้ามาโดยตลอดทั้งจากการเมืองในประเทศและการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ความคาดหวังของประชาชนเกี่ยวกับโครงการเหล่านี้จึงสูงมาก แต่ผลที่ออกมากลับไม่เป็นตามที่รัฐบาลคาดหวัง ความล่าช้าของโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมส่งผลกระทบเชิงลบต่อเศรษฐกิจและความเชื่อมั่นของประชาชนและนักลงทุนอย่างชัดเจน ที่ผ่านมากระทรวงคมนาคมเสนอแต่แผนงานระยะต่างๆ แต่พอถึงกำหนดเวลาก็เลื่อนไปเรื่อย ปรับแผน อ้างปัญหาต่างๆ เช่นข้อกฎหมาย ความโปร่งใส กลัวรัฐบาลเสียหาย สุดท้ายงานไม่ออกเลย ที่ประมูลกันได้และที่สร้างกันอยู่ก็เป็นงานต่อเนื่องจากรัฐบาลก่อนเป็นส่วนใหญ่ ทำให้ผลงานของรัฐบาล คสช. เองในช่วง1ปีครึ่งที่ผ่านมาแทบไม่มีความสำเร็จเป็นรูปธรรมเลย
โครงการต่างๆของกระทรวงคมนาคมล่าช้าไปหมด พิจารณาดูจะพบแต่ปัญหา เริ่มจากโครงการรถไฟฟ้าที่สร้างอยู่เช่น สายสีแดง บางซื่อ-รังสิต ล่าช้ากว่าแผนมาก สร้างมากว่า 3ปี ยังก้าวหน้าไม่ถึง50% ล่าสุดต้องของบเพิ่มอีกจาก 75,548 ล้านบาท เป็น 93,950 ล้านบาท ส่วนการเดินรถก็ยังไม่ได้ข้อสรุป รฟท. ขอเดินรถเองแต่คณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.) ไม่เห็นด้วย สายสีน้ำเงินส่วนต่อขยายและช่วงเตาปูน-บางซื่อเชื่อมสายสีม่วง รฟม.และคณะกรรมการ ม.13 เสนอให้เจรจากับผู้รับสัมปทานรายเดิมคือ บริษัททางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน)หรือ BEM เพื่อเดินรถต่อเนื่อง ทำให้ประชาชนเดินทางสะดวก ปลอดภัย และประหยัดค่าใช้จ่าย สุดท้ายกระทรวงคมนาคมและสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ไม่เห็นด้วยทำให้ทุกอย่างต้องมาเริ่มนับหนึ่งใหม่โดยใช้ พรบ.ร่วมลงทุน พ.ศ.2556 สุดท้ายโดรงการนี้คงสร้างเสร็จแต่ไม่มีรถไฟฟ้ามาวิ่งบริการเช่นกัน ส่วนสายที่กำลังจะประมูลก่อสร้าง สายสีส้ม ช่วงศูนย์วัฒนธรรม-มีนบุรี มูลค่า 95,108 ล้านบาท ซึ่งมีความพร้อมที่สุดตั้งแต่รัฐบาลที่แล้วและเมื่อ 8 ธ.ค.2558 ครม.รัฐบาล คสช. ก็อนุมัติให้ก่อสร้างแล้ว แต่ปัจจุบันกระทรวงคมนาคมก็ตั้งข้อสังเกตให้ รฟม. ไปปรับแบบก่อสร้าง ลดมูลค่างานลงอีก ทั้งที่1ปีครึ่งที่ผ่านมาไม่เคยสั่งการ ทำให้การประมูลเดินหน้าไม่ได้ ในส่วนของรถไฟทางคู่ ที่ประมูลไปแล้วมี 2 ช่วง คือช่วงแก่งคอย-ฉะเชิงเทรา และจิระ-ขอนแก่น ซึ่งต่อเนื่องมาจากรัฐบาลที่แล้ว ส่วนช่วงที่เหลือคือ ประจวบฯ-ชุมพร มาบกระเบา-จิระ นครปฐม-หัวหิน และ ลพบุรี-ปากน้ำโพ ก็ติดปัญหาที่ สศช. ยังไม่เห็นชอบทำให้เสนอ ครม.เห็นชอบให้ดำเนินการประมูลไม่ได้
แหล่งข่าวระดับสูงในรัฐบาลกล่าวเสริมว่า พล.อ.ประยุทธ และนายสมคิด ทราบปัญหาดี สั่งการให้แก้ไขและติดตามมาตลอดแต่ก็แก้ไม่ได้ ตอนนี้เป็นปัญหาที่คนและการบริหารจัดการ กระทรวงคมนาคมยุคนี้มีแต่นักพูด นักคิด ฟุ้งไปเรื่อย ทำไม่เป็น ขาดผู้นำที่ตัดสินใจเด็ดขาด การแต่งตั้งผู้บริหารระดับสูงก็มีแต่ปัญหา ผิดฝาผิดตัวไปหมด คนเก่งโดนเอาเข้ากรุ ที่ทำงานอยู่ก็ทำไม่เป็นเฉื่อยไปหมด งานเลยไม่ออก ยิ่งตอนนี้มีที่ปรึกษาจาก สศช. มากรองงานในกระทรวงเต็มไปหมด งานจะเดินได้อย่างไร คนพวกนี้เป็นนักวิชาการ บริหารไม่เป็น ดูรถไฟไทย-จีนเป็นตัวอย่าง คิดรูปแบบไปเรื่อยสุดท้ายใช้ไม่ได้ นายสมคิดต้องสั่งหยุดและปรับวิธีการกันใหม่เสียหายล่าช้ามาปีกว่าแล้ว ตอนนี้ผู้ใหญ่ในรัฐบาลรู้แล้วว่าผลกระทบเชิงลบเกิดขึ้น ประชาชนและนักลงทุนทั้งสถาบันในประเทศและนอกประเทศต่างไม่เชื่อว่ารัฐบาล คสช. จะทำโครงการเหล่านี้สำเร็จตามแผน เห็นได้จากช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมาหุ้นรับเหมาก่อสร้างไทยร่วงลงอย่างแรงยกแผงแสดงถึงความเชื่อมั่นที่มีต่อรัฐบาล คสช. ลดลงเป็นอย่างมาก
ต้องจับตาดูกันอย่างใกล้ชิดว่าปัญหาความล่าช้านี้จะบานปลายจนกระทบต่อเศรษฐกิจประเทศขนาดไหน และรัฐบาล คสช. จะแก้ไขอย่างไร หรือกระทรวงคมนาคมจะเป็นหัวหอกพาเศรษฐกิจไทยจมเหวได้อย่างที่ประชาชนกำลังจับตากันเข้าทางรัฐบาลเก่าที่พยายามดิสเครดิตรัฐบาลนี้อยู่แล้ว
ช่วง1-2 สัปดาห์ที่ผ่านมา เรื่องความล่าช้าเมกกะโปรเจคโครงสร้างพื้นฐานของรัฐในส่วนของกระทรวงคมนาคมทั้งรถไฟฟ้า รถไฟทางคู่ รถไฟไทย-จีน มอเตอร์เวย์ สนามบินสุวรรณภูมิ เป็นประเด็นร้อนที่ถูกจับตาอย่างมาก เพราะส่งผลกระทบเชิงลบต่อเศรษฐกิจประเทศ และความมั่นคงของรัฐบาล ร้อนถึงนาย สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ต้องลงมากำกับเองโดยส่ง นาย อภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง มาร่วมเจรจารถไฟไทย-จีน ร่วมกับกระทรวงคมนาคม และในการประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่16 ก.พ.ที่ผ่านมา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้กระทรวงคมนาคมเร่งรัดแก้ไขปัญหาความล่าช้าโครงการต่างๆโดยเฉพาะการคัดเลือกเอกชนเดินรถโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย และที่ชัดเจนที่สุดคือ พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ต้องมาชี้แจงเองในการคืนความสุขให้คนในชาติ เมื่อวันศุกร์ที่12 และ19 ก.พ.ที่ผ่านมา โดยย้ำว่ารัฐบาลจะเร่งรัดลงทุนโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมทางรางอย่างแน่นอน โดยเฉพาะรถไฟฟ้าขนส่งมวลชน และรถไฟทางคู่ ส่วนโครงการรถไฟไทย-จีน ยอมรับว่ามีปัญหา ยังไม่ลงนามสัญญาต้องพิจารณาอย่างรอบคอบไม่ให้ประเทศเสียหาย และโครงการรถไฟความเร็วสูงก็ต้องศึกษาให้รอบคอบทุกด้าน หากยังไม่จำเป็นก็สร้างรางไว้แล้วใช้ความเร็วปานกลางไปก่อนก็ได้
แหล่งข่าวระดับสูงในรัฐบาลเปิดเผยว่า ความล่าช้าในการดำเนินการโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมโดยเฉพาะรถไฟฟ้าและรถไฟทางคู่ ส่งผลกระทบต่อรัฐบาลเป็นอย่างมากเพราะเป็นโครงการสำคัญที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจได้โดยเร็ว ยิ่งเศรษฐกิจประเทศเจอแต่ปัจจัยลบรุมเร้ามาโดยตลอดทั้งจากการเมืองในประเทศและการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ความคาดหวังของประชาชนเกี่ยวกับโครงการเหล่านี้จึงสูงมาก แต่ผลที่ออกมากลับไม่เป็นตามที่รัฐบาลคาดหวัง ความล่าช้าของโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมส่งผลกระทบเชิงลบต่อเศรษฐกิจและความเชื่อมั่นของประชาชนและนักลงทุนอย่างชัดเจน ที่ผ่านมากระทรวงคมนาคมเสนอแต่แผนงานระยะต่างๆ แต่พอถึงกำหนดเวลาก็เลื่อนไปเรื่อย ปรับแผน อ้างปัญหาต่างๆ เช่นข้อกฎหมาย ความโปร่งใส กลัวรัฐบาลเสียหาย สุดท้ายงานไม่ออกเลย ที่ประมูลกันได้และที่สร้างกันอยู่ก็เป็นงานต่อเนื่องจากรัฐบาลก่อนเป็นส่วนใหญ่ ทำให้ผลงานของรัฐบาล คสช. เองในช่วง1ปีครึ่งที่ผ่านมาแทบไม่มีความสำเร็จเป็นรูปธรรมเลย
โครงการต่างๆของกระทรวงคมนาคมล่าช้าไปหมด พิจารณาดูจะพบแต่ปัญหา เริ่มจากโครงการรถไฟฟ้าที่สร้างอยู่เช่น สายสีแดง บางซื่อ-รังสิต ล่าช้ากว่าแผนมาก สร้างมากว่า 3ปี ยังก้าวหน้าไม่ถึง50% ล่าสุดต้องของบเพิ่มอีกจาก 75,548 ล้านบาท เป็น 93,950 ล้านบาท ส่วนการเดินรถก็ยังไม่ได้ข้อสรุป รฟท. ขอเดินรถเองแต่คณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.) ไม่เห็นด้วย สายสีน้ำเงินส่วนต่อขยายและช่วงเตาปูน-บางซื่อเชื่อมสายสีม่วง รฟม.และคณะกรรมการ ม.13 เสนอให้เจรจากับผู้รับสัมปทานรายเดิมคือ บริษัททางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน)หรือ BEM เพื่อเดินรถต่อเนื่อง ทำให้ประชาชนเดินทางสะดวก ปลอดภัย และประหยัดค่าใช้จ่าย สุดท้ายกระทรวงคมนาคมและสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ไม่เห็นด้วยทำให้ทุกอย่างต้องมาเริ่มนับหนึ่งใหม่โดยใช้ พรบ.ร่วมลงทุน พ.ศ.2556 สุดท้ายโดรงการนี้คงสร้างเสร็จแต่ไม่มีรถไฟฟ้ามาวิ่งบริการเช่นกัน ส่วนสายที่กำลังจะประมูลก่อสร้าง สายสีส้ม ช่วงศูนย์วัฒนธรรม-มีนบุรี มูลค่า 95,108 ล้านบาท ซึ่งมีความพร้อมที่สุดตั้งแต่รัฐบาลที่แล้วและเมื่อ 8 ธ.ค.2558 ครม.รัฐบาล คสช. ก็อนุมัติให้ก่อสร้างแล้ว แต่ปัจจุบันกระทรวงคมนาคมก็ตั้งข้อสังเกตให้ รฟม. ไปปรับแบบก่อสร้าง ลดมูลค่างานลงอีก ทั้งที่1ปีครึ่งที่ผ่านมาไม่เคยสั่งการ ทำให้การประมูลเดินหน้าไม่ได้ ในส่วนของรถไฟทางคู่ ที่ประมูลไปแล้วมี 2 ช่วง คือช่วงแก่งคอย-ฉะเชิงเทรา และจิระ-ขอนแก่น ซึ่งต่อเนื่องมาจากรัฐบาลที่แล้ว ส่วนช่วงที่เหลือคือ ประจวบฯ-ชุมพร มาบกระเบา-จิระ นครปฐม-หัวหิน และ ลพบุรี-ปากน้ำโพ ก็ติดปัญหาที่ สศช. ยังไม่เห็นชอบทำให้เสนอ ครม.เห็นชอบให้ดำเนินการประมูลไม่ได้
แหล่งข่าวระดับสูงในรัฐบาลกล่าวเสริมว่า พล.อ.ประยุทธ และนายสมคิด ทราบปัญหาดี สั่งการให้แก้ไขและติดตามมาตลอดแต่ก็แก้ไม่ได้ ตอนนี้เป็นปัญหาที่คนและการบริหารจัดการ กระทรวงคมนาคมยุคนี้มีแต่นักพูด นักคิด ฟุ้งไปเรื่อย ทำไม่เป็น ขาดผู้นำที่ตัดสินใจเด็ดขาด การแต่งตั้งผู้บริหารระดับสูงก็มีแต่ปัญหา ผิดฝาผิดตัวไปหมด คนเก่งโดนเอาเข้ากรุ ที่ทำงานอยู่ก็ทำไม่เป็นเฉื่อยไปหมด งานเลยไม่ออก ยิ่งตอนนี้มีที่ปรึกษาจาก สศช. มากรองงานในกระทรวงเต็มไปหมด งานจะเดินได้อย่างไร คนพวกนี้เป็นนักวิชาการ บริหารไม่เป็น ดูรถไฟไทย-จีนเป็นตัวอย่าง คิดรูปแบบไปเรื่อยสุดท้ายใช้ไม่ได้ นายสมคิดต้องสั่งหยุดและปรับวิธีการกันใหม่เสียหายล่าช้ามาปีกว่าแล้ว ตอนนี้ผู้ใหญ่ในรัฐบาลรู้แล้วว่าผลกระทบเชิงลบเกิดขึ้น ประชาชนและนักลงทุนทั้งสถาบันในประเทศและนอกประเทศต่างไม่เชื่อว่ารัฐบาล คสช. จะทำโครงการเหล่านี้สำเร็จตามแผน เห็นได้จากช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมาหุ้นรับเหมาก่อสร้างไทยร่วงลงอย่างแรงยกแผงแสดงถึงความเชื่อมั่นที่มีต่อรัฐบาล คสช. ลดลงเป็นอย่างมาก
ต้องจับตาดูกันอย่างใกล้ชิดว่าปัญหาความล่าช้านี้จะบานปลายจนกระทบต่อเศรษฐกิจประเทศขนาดไหน และรัฐบาล คสช. จะแก้ไขอย่างไร หรือกระทรวงคมนาคมจะเป็นหัวหอกพาเศรษฐกิจไทยจมเหวได้อย่างที่ประชาชนกำลังจับตากันเข้าทางรัฐบาลเก่าที่พยายามดิสเครดิตรัฐบาลนี้อยู่แล้ว