00 โอ้โฮเฮะ !! ไม่ทันคิดหรือไร“ป๋าป้อม”พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ที่เป็นถึง“รักษาการนายกรัฐมนตรี”ในวันที่“นายกฯตู่”พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ติดภารกิจที่ต่างแดน ถึงกับบึ่งเข้าทำเนียบรัฐบาล มารับหนังสือข้อเรียกร้องจากกลุ่มเครือข่ายคณะสงฆ์และองค์กรภาคีพุทธบริษัท 4 ทั่วประเทศ (คสพ.) หลังจากเกิดเหตุกระทบกระทั่งระหว่าง“พระสงฆ์”กับ“เจ้าหน้าที่ทหาร”ที่พุทธมณฑล จ.นครปฐม ซึ่งมีภาพพระสงฆ์“ล็อคคอ–ผลักอก”ทหาร แถมรุมล้อมยึดรถทหาร...พฤติกรรมคุ้นๆ ว่าไหมท่าน
00“บิ๊กป้อม”บอกที่ต้องมารับหนังสือด้วยตัวเอง เพราะต้องการ“หย่าศึก”ไม่ให้เกิดความวุ่นวาย โดยไม่ดูว่าพฤติกรรมของกลุ่ม ศสพ. ถูกต้องเหมาะสมหรือไม่ ที่อ้างว่าจะรวมตัวสวดมนต์กัน มันจริงไหม ?? ครั้นจะอ้างเป็น“กิจของสงฆ์”โยนเป็นเรื่องที่ มหาเถรสมาคม (มส.) ต้องดูแลก็คง“ปัดสวะ”กันเกินไป ในฐานะ“รองนายกฯความมั่นคง”น่าจะต้องมีแอคชั่นอะไรบ้าง ทีกับ“ม็อบชาวบ้าน”แทบจะไล่ส่ง...ถ้าเดือดร้อนมากนัก ก็นิมนต์“พระคุณเจ้า”โน่น ศูนย์รับเรื่องร้องทุกข์ ทำเนียบฯ ในเวลาราชการ
00โดยเฉพาะพฤติกรรม“ม็อบพระ”ไม่ให้เกียรติเจ้ากน้าที่ ไม่เกรงกลัวกฎหมาย ไม่ต่างจาก“ม็อบการเมือง”เอาผิดตามกฎหมายใหม่แกะกล่องอย่าง“พ.ร.บ.ชุมนุมในที่สาธารณะ”ได้สบายๆ จะอ้างเรื่อง“เซนซิทีฟ”ใช้วิธีเจรจา อันนี้ดูจะ“อะลุ้มอะล่วย”เกินไปหรือเปล่า เพราะ “ชายในผ้าเหลือง”บางคนเคยขู่ “จีวร พระทั่วประเทศเหลืองอร่ามกลางกรุง”มาพักใหญ่แล้ว ก็ยังปล่อยลอยหน้าลอยตาเข้ามาในทำเนียบฯ ถามต่อไปอีกว่า แล้ว“พี่ใหญ่บูรพาพยัคฆ์”ไม่เห็นใจ “น้องๆทหาร”ที่ถูกหมิ่นเกียรติศักดิ์ศรี-ยั่วยุต่างๆ นานา หรือ...ระวัง“น้องๆทหาร”จะถามเอาว่า “ทหาร (การเมือง) มีไว้ทำไม ??”อีก
00 แม้จะบอกว่าการรับข้อเรียกร้องไม่ได้“ผูกมัด”ต้องรอให้ “บิ๊กตู่”กลับมาก่อน แต่อย่าลืมว่า“คำพูดเป็นนายเรา”ข้อเรียกร้อง “ม็อบพระ”มี 5 ข้อ “บิ๊กป้อม”บอกพอรับได้ 4 ข้อ ยกเว้นข้อ 5 ที่เรียกร้องขอให้บรรจุ“พระพุทธศาสนา”เป็นศาสนาประจำชาติในรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นเรื่องของ คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) แล้ว “ข้อ 4”ที่จับใจความได้ว่า ไม่ข่มขู่คุกคามคณะสงฆ์ด้วยการใช้“กฎหมาย” ตรงนี้ต้องขีดเส้นใต้เน้นๆ แต่“รองนายกฯความมั่นคง”บอก“พอรับได้”...แปลกจริงๆ
00 ตีความทื่อๆ ตรงๆ “ม็อบพระ”ขอทำตัว“อยู่เหนือกฎหมาย”อันนี้ไม่ได้คิดคนเดียว ก็ขนาด“บิ๊กต๊อก”พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม ถึงกับออกการมึนกับข้อเรียกร้องที่ว่า เพราะถึงจะห่มเหลือง-นุ่งขาว ก็เป็น“คนไทย”ที่ต้องอยู่ภายใต้กฎหมาย-ไร้ข้อต่อรอง...นี่ๆ “คนจริง”ต้องแบบนี้
00 อะๆ จะแถไถยังไง ว่าไม่ได้ทำอะไรผิดกฎหมาย แต่“ธรรมวินัย”กฎหมายพระก็ยังมี เหมือนที่ "ไพบูลย์ นิติตะวัน" แกนนำผู้คัดค้านการแต่งตั้งสมเด็จพระสังฆราชองค์ใหม่ พลิกตำรามัด“ม็อบพระ”ทำฝ่าฝืนธรรมวินัยเป็นหางว่าว ทั้งอาการไม่สำรวม การแสดงออกที่ถูกติฉิน การเรียกร้องในเรื่องที่ขัดต่อกฎหมายโลก... จะบอกว่าไม่ผิดอีก ก็เอาที่“พระคุณเจ้า”สบายใจแล้วกัน
00 ศึกสงฆ์-ปมร้อนนี้ คนหนักใจที่สุดคงเป็น“เดอะโก้”สุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รมต.สำนักนายกรัฐมนตรี กำกับดูแล สำนักพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ที่ตอนนี้อุ้ม “เผือกร้อน”ถือมติ มส.ที่แต่งตั้ง สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ (ช่วง) เป็นสมเด็จพระสังฆราชองค์ใหม่ อยู่ในมือ ถึงกับอ้ำอึ้ง พูดไม่ออก เปรยๆว่าไม่ค่อยอยากพูดเรื่องนี้ พูดทีไรยาวทู้กที ....ยาวในที่นี้ คือโดนด่ายาวน่ะ
00 สัญญาณเศรษฐกิจไร้วี่แววจะผงกหัว เข้าปีใหม่ไม่ทันไร คณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือ “สภาพัฒน์”ปรับลดประมาณการเติบโตทางเศรษฐกิจหรือ“จีดีพี”ของปี 2559 จาก 3.5% เหลือแค่ 3.3% เป็นจังหวะเดียวกับที่ก่อนหน้านี้ไม่นาน “เฮียกวง”สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ เศรษฐกิจ บอกรัฐบาลนี้ไม่มีหน้าที่ปั๊มจีดีพี รอรัฐบาลหน้ามาปั๊มเอาละกัน เหมือนสารภาพว่า“ประชารัฐ”ที่โฆษณาโครมๆ ก็เอาไม่อยู่ มาทรงนี้ชาวบ้าน-รากหญ้าคงได้แต่ทน“บักโกรก”กันต่อไป
00 ขณะที่ทาง "วิรไท สันติประภพ" ผู้ว่าแบงก์ชาติ ก็วิเคราะห์ “ปัจจัยเสี่ยง”ของเศรษฐกิจไทยไว้ 3 ประเด็นใหญ่ๆ นอกเหนือรายได้เกษตรกรที่ตกต่ำอย่างหนัก ทั้ง 1. ความผันผวนในตลาดทุน และการชะลอตัวของเศรษฐกิจประเทศมหาอำนาจ 2. การดำเนินนโยบายการเงินของประเทศมหาอำนาจที่ไม่เป็นทิศทางเดียวกัน และ 3. การชะลอตัวของราคาน้ำมันและสินค้าโภคภัณฑ์ที่ต่ำลงมาก จนส่งผลกับการลงทุน ความเห็นของ “วิรไท” ตรงกันเป๊ะๆ ราวกับลอกกันมากับที่“เสี่ยแดง”พิชัย นริพทะพันธุ์ กูรูเศรษฐกิจฝั่งเพื่อไทย ส่งสัญญาณเตือนและคาดการณ์ไว้ตั้งแต่วันปีใหม่ 2559
00 ตอน“เสี่ยแดง”แสดงทัศนะ ฝ่ายรัฐบาล คสช.ออกมารุมถล่มว่า“บิดเบือน”ทีนี้ระดับ “ผู้ว่าแบงค์ชาติ”พูดทำนองเดียวกัน ไม่รู้จะโดนข้อหาเดียวกันไหม ยุคปฏิรูปไม่ควรมี “สองมาตรฐาน” ห่วงว่า “วิรไท” จะโดนชวนไป “ปรับทัศนคติ” หรือห้ามไปต่างประเทศ เดี๋ยวจะไปพูดให้ประเทศเสียหาย ทางที่ดีรัฐบาลควรนำข้อเสนอแนะ-คำเตือนจาก “ผู้เห็นต่าง” ไปใช้ให้เกิดประโยชน์มากกว่า...พอไม่เปิดใจกว้างรับฟัง ก็เหมือนขับรถลุยทางลูกรัง จนเครื่องพัง เหมือนเศรษฐกิจไทยตอนนี้
00“บิ๊กป้อม”บอกที่ต้องมารับหนังสือด้วยตัวเอง เพราะต้องการ“หย่าศึก”ไม่ให้เกิดความวุ่นวาย โดยไม่ดูว่าพฤติกรรมของกลุ่ม ศสพ. ถูกต้องเหมาะสมหรือไม่ ที่อ้างว่าจะรวมตัวสวดมนต์กัน มันจริงไหม ?? ครั้นจะอ้างเป็น“กิจของสงฆ์”โยนเป็นเรื่องที่ มหาเถรสมาคม (มส.) ต้องดูแลก็คง“ปัดสวะ”กันเกินไป ในฐานะ“รองนายกฯความมั่นคง”น่าจะต้องมีแอคชั่นอะไรบ้าง ทีกับ“ม็อบชาวบ้าน”แทบจะไล่ส่ง...ถ้าเดือดร้อนมากนัก ก็นิมนต์“พระคุณเจ้า”โน่น ศูนย์รับเรื่องร้องทุกข์ ทำเนียบฯ ในเวลาราชการ
00โดยเฉพาะพฤติกรรม“ม็อบพระ”ไม่ให้เกียรติเจ้ากน้าที่ ไม่เกรงกลัวกฎหมาย ไม่ต่างจาก“ม็อบการเมือง”เอาผิดตามกฎหมายใหม่แกะกล่องอย่าง“พ.ร.บ.ชุมนุมในที่สาธารณะ”ได้สบายๆ จะอ้างเรื่อง“เซนซิทีฟ”ใช้วิธีเจรจา อันนี้ดูจะ“อะลุ้มอะล่วย”เกินไปหรือเปล่า เพราะ “ชายในผ้าเหลือง”บางคนเคยขู่ “จีวร พระทั่วประเทศเหลืองอร่ามกลางกรุง”มาพักใหญ่แล้ว ก็ยังปล่อยลอยหน้าลอยตาเข้ามาในทำเนียบฯ ถามต่อไปอีกว่า แล้ว“พี่ใหญ่บูรพาพยัคฆ์”ไม่เห็นใจ “น้องๆทหาร”ที่ถูกหมิ่นเกียรติศักดิ์ศรี-ยั่วยุต่างๆ นานา หรือ...ระวัง“น้องๆทหาร”จะถามเอาว่า “ทหาร (การเมือง) มีไว้ทำไม ??”อีก
00 แม้จะบอกว่าการรับข้อเรียกร้องไม่ได้“ผูกมัด”ต้องรอให้ “บิ๊กตู่”กลับมาก่อน แต่อย่าลืมว่า“คำพูดเป็นนายเรา”ข้อเรียกร้อง “ม็อบพระ”มี 5 ข้อ “บิ๊กป้อม”บอกพอรับได้ 4 ข้อ ยกเว้นข้อ 5 ที่เรียกร้องขอให้บรรจุ“พระพุทธศาสนา”เป็นศาสนาประจำชาติในรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นเรื่องของ คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) แล้ว “ข้อ 4”ที่จับใจความได้ว่า ไม่ข่มขู่คุกคามคณะสงฆ์ด้วยการใช้“กฎหมาย” ตรงนี้ต้องขีดเส้นใต้เน้นๆ แต่“รองนายกฯความมั่นคง”บอก“พอรับได้”...แปลกจริงๆ
00 ตีความทื่อๆ ตรงๆ “ม็อบพระ”ขอทำตัว“อยู่เหนือกฎหมาย”อันนี้ไม่ได้คิดคนเดียว ก็ขนาด“บิ๊กต๊อก”พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม ถึงกับออกการมึนกับข้อเรียกร้องที่ว่า เพราะถึงจะห่มเหลือง-นุ่งขาว ก็เป็น“คนไทย”ที่ต้องอยู่ภายใต้กฎหมาย-ไร้ข้อต่อรอง...นี่ๆ “คนจริง”ต้องแบบนี้
00 อะๆ จะแถไถยังไง ว่าไม่ได้ทำอะไรผิดกฎหมาย แต่“ธรรมวินัย”กฎหมายพระก็ยังมี เหมือนที่ "ไพบูลย์ นิติตะวัน" แกนนำผู้คัดค้านการแต่งตั้งสมเด็จพระสังฆราชองค์ใหม่ พลิกตำรามัด“ม็อบพระ”ทำฝ่าฝืนธรรมวินัยเป็นหางว่าว ทั้งอาการไม่สำรวม การแสดงออกที่ถูกติฉิน การเรียกร้องในเรื่องที่ขัดต่อกฎหมายโลก... จะบอกว่าไม่ผิดอีก ก็เอาที่“พระคุณเจ้า”สบายใจแล้วกัน
00 ศึกสงฆ์-ปมร้อนนี้ คนหนักใจที่สุดคงเป็น“เดอะโก้”สุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รมต.สำนักนายกรัฐมนตรี กำกับดูแล สำนักพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ที่ตอนนี้อุ้ม “เผือกร้อน”ถือมติ มส.ที่แต่งตั้ง สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ (ช่วง) เป็นสมเด็จพระสังฆราชองค์ใหม่ อยู่ในมือ ถึงกับอ้ำอึ้ง พูดไม่ออก เปรยๆว่าไม่ค่อยอยากพูดเรื่องนี้ พูดทีไรยาวทู้กที ....ยาวในที่นี้ คือโดนด่ายาวน่ะ
00 สัญญาณเศรษฐกิจไร้วี่แววจะผงกหัว เข้าปีใหม่ไม่ทันไร คณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือ “สภาพัฒน์”ปรับลดประมาณการเติบโตทางเศรษฐกิจหรือ“จีดีพี”ของปี 2559 จาก 3.5% เหลือแค่ 3.3% เป็นจังหวะเดียวกับที่ก่อนหน้านี้ไม่นาน “เฮียกวง”สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ เศรษฐกิจ บอกรัฐบาลนี้ไม่มีหน้าที่ปั๊มจีดีพี รอรัฐบาลหน้ามาปั๊มเอาละกัน เหมือนสารภาพว่า“ประชารัฐ”ที่โฆษณาโครมๆ ก็เอาไม่อยู่ มาทรงนี้ชาวบ้าน-รากหญ้าคงได้แต่ทน“บักโกรก”กันต่อไป
00 ขณะที่ทาง "วิรไท สันติประภพ" ผู้ว่าแบงก์ชาติ ก็วิเคราะห์ “ปัจจัยเสี่ยง”ของเศรษฐกิจไทยไว้ 3 ประเด็นใหญ่ๆ นอกเหนือรายได้เกษตรกรที่ตกต่ำอย่างหนัก ทั้ง 1. ความผันผวนในตลาดทุน และการชะลอตัวของเศรษฐกิจประเทศมหาอำนาจ 2. การดำเนินนโยบายการเงินของประเทศมหาอำนาจที่ไม่เป็นทิศทางเดียวกัน และ 3. การชะลอตัวของราคาน้ำมันและสินค้าโภคภัณฑ์ที่ต่ำลงมาก จนส่งผลกับการลงทุน ความเห็นของ “วิรไท” ตรงกันเป๊ะๆ ราวกับลอกกันมากับที่“เสี่ยแดง”พิชัย นริพทะพันธุ์ กูรูเศรษฐกิจฝั่งเพื่อไทย ส่งสัญญาณเตือนและคาดการณ์ไว้ตั้งแต่วันปีใหม่ 2559
00 ตอน“เสี่ยแดง”แสดงทัศนะ ฝ่ายรัฐบาล คสช.ออกมารุมถล่มว่า“บิดเบือน”ทีนี้ระดับ “ผู้ว่าแบงค์ชาติ”พูดทำนองเดียวกัน ไม่รู้จะโดนข้อหาเดียวกันไหม ยุคปฏิรูปไม่ควรมี “สองมาตรฐาน” ห่วงว่า “วิรไท” จะโดนชวนไป “ปรับทัศนคติ” หรือห้ามไปต่างประเทศ เดี๋ยวจะไปพูดให้ประเทศเสียหาย ทางที่ดีรัฐบาลควรนำข้อเสนอแนะ-คำเตือนจาก “ผู้เห็นต่าง” ไปใช้ให้เกิดประโยชน์มากกว่า...พอไม่เปิดใจกว้างรับฟัง ก็เหมือนขับรถลุยทางลูกรัง จนเครื่องพัง เหมือนเศรษฐกิจไทยตอนนี้