รองโฆษกเพื่อไทย ฉะ “ไก่อู” กล่าวหาใส่ร้าย” อ้าง “พิชัย” ทำนายเศรษฐกิจถูกหมดจนถูกยกเป็นกูรู หากรัฐบาลเชื่อจะไม่แย่แบบนี้ ท้า “สมคิด” ออกมาบอกว่าบิดเบือนตรงไหน
นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รักษาการรองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ออกมาชี้แจงเหตุผลที่ไม่อนุญาตให้นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ไปร่วมงานของสภาคองเกรสตามคำเชิญ แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าโฆษกรัฐบาลไม่มีความเข้าใจทางเศรษฐกิจ จึงอยากแนะให้กลับไปอ่านย้อนหลังทุกเรื่องที่นายพิชัยได้ท้วงติงรัฐบาลตั้งแต่แรกจนถึงปัจจุบันว่าเป็นความจริงหรือไม่ เพราะหากรัฐบาลจะได้รับฟังนายพิชัยตั้งแต่แรก เศรษฐกิจก็คงจะไม่ย่ำแย่ขนาดนี้ ทั้งการส่งออกที่ลดฮวบลง การลงทุนต่างประเทศที่หดหายเกือบ 80% และความเชื่อมั่นต่างประเทศตกต่ำถึงขีดสุด ประชาชนเดือดร้อนกันถ้วนหน้า ซึ่งถ้าเป็นผู้มีความรู้ทางเศรษฐกิจจะเข้าใจเรื่องนี้เป็นอย่างดี จะมาใส่ร้ายกันมั่วๆ ไม่ได้ และถ้าหากนายพิชัยให้ข้อมูลแบบใส่ร้ายและไม่เป็นความจริง สื่อหลายสำนักคงไม่ตั้งให้เป็นกูรูเศรษฐกิจ
“ที่โดนเรียกปรับทัศนคติหลายหนก็เพราะทนเห็นประเทศจะย่ำแย่ไม่ได้จึงต้องออกมาเตือน แม้กระทั่งล่าสุดที่ออกมาคาดการณ์เศรษฐกิจปี 2559 ว่าจะยุ่งยากและย่ำแย่ และโฆษกรัฐบาลออกมาตอบโต้ แต่พอเปิดทำงาน เศรษฐกิจโลกก็ตกต่ำจริงโดยเฉพาะเศรษฐกิจจีน และราคาน้ำมันก็ตกต่ำเหลือ 20 กว่าเหรียญตามที่นายพิชัยคาดการณ์ หากรัฐบาลยังมีแนวคิดแบบเดิมไม่รับฟังข้อมูลรอบด้าน จะทำให้ไม่สามารถแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจได้”
นายอนุสรณ์กล่าวว่า อยากให้คนที่รู้เรื่องอย่างนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ออกมาชี้แจงว่าสิ่งที่นายพิชัยพูดมานั้นใส่ร้ายและบิดเบือนหรือไม่ จะได้วัดเครดิตกัน และรัฐบาลต้องถามตัวเองว่าที่ทำอยู่จะฟื้นเศรษฐกิจได้จริงหรือ หรือแค่ทำการตลาดเท่านั้น ทั้งนี้ การที่สภาคองเกรส หรือสภาอียูจะเชิญใคร เขาต้องพิจารณาแล้วว่ามีความรู้ความสามารถ และเป็นตัวแทนของฝั่งประชาธิปไตย ถ้าหากรัฐบาลคิดว่าจะล๊อบบี้ได้ รัฐบาลก็ควรจะล็อบบี้ให้เขาเชิญคนของรัฐบาลไปแทน และความจริงคือคงไม่สามารถพูดอะไรให้ประเทศได้เสียหายได้มากกว่าการประกาศจะปิดประเทศแล้ว ดังนั้นจึงอยากให้โฆษกรัฐบาลเองที่ต้องระมัดระวังการให้ข้อมูลที่อาจเป็นการบิดเบือนแก่ประชาชน เพราะหากประชาชนเชื่อและนำข้อมูลไปตัดสินใจทางเศรษฐกิจอาจจะผิดพลาดถึงกับหมดตัวได้