รองโฆษกพท. โวย คสช.ห้าม "พิชัย" ร่วมงานที่สภาคองเกรสเชิญ ตอกย้ำภาพลักษณ์ละเมิดสิทธิขั้นพื้นฐานการเดินทาง กระทบยกเลิกจีเอสพี ย้อนรัฐทำชาติเสียหายอยู่แล้ว ฉะ 2 มาตราฐานห้ามแต่พท.ไปนอก
วันนี้ (19ม.ค.) นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รักษาการรองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ไม่อนุญาตให้นายพิชัย นริพทะพันธุ์ คณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย เดินทางไปร่วมงาน 64th Annual National Prayer Breakfast ที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ว่า นายพิชัยได้รับเชิญจากคณะกรรมาธิการเจ้าภาพของสภาคองเกรสสหรัฐฯ การที่ คสช.ไม่อนุญาตเท่ากับตอกย้ำถึงภาพลักษณ์การละเมิดสิทธิขั้นพื้นฐานในการเดินทางของประชาชน และยังอาจส่งผลถึงปัญหาที่สหรัฐฯกำลังพิจารณายกเลิกจีเอสพีของไทย ซึ่งหากสหรัฐฯตัดสินใจยกเลิกจีเอสพีจะทำให้การส่งออกของไทยไปสหรัฐฯลดลงไปอีก และส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยอย่างมาก นอกจากนี้สหภาพยุโรป (อียู) อาจจะใช้เรื่องนี้เป็นเงื่อนไขในการพิจารณาหลายเรื่องที่ไทยยังมีปัญหาอยู่
"การที่ห่วงว่าคุณพิชัยจะไปพูดในทางเสียหายกับประเทศคงเป็นไปไม่ได้ เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมาคุณพิชัยให้ข้อมูลเศรษฐกิจที่เป็นความจริงมาโดยตลอด อีกทั้งคงไม่มีใครจะสามารถให้ข้อมูลที่เสียหายกับประเทศได้มากกว่าที่ผ่านมาแล้ว ทั้งเรื่อง การประกาศจะปิดประเทศ การจะทำซิงเกิลเกตเวย์ การเรียกคนเห็นต่างปรับทัศนคติ การจับนักศึกษาบนรถไฟ แม้กระทั่งการจะดำเนินคดีกับฑูตต่างชาติ" นายอนุสรณ์ กล่าว
นายอนุสรณ์ กล่าวด้วยว่า นอกจากนายพิชัยแล้ว ยังมีแกนนำพรรคเพื่อไทยอีกหลายคนที่ไม่ได้รับอนุญาตให้เดินทางไปต่างประเทศ และเป็นที่น่าสังเกตว่ามีแต่บุคคลากรแกนนำของพรรคเพื่อไทยเท่านั้นที่ได้รับการปฏิเสธไม่ให้เดินทางไปต่างประเทศ ซึ่งตอกย้ำสองมาตรฐานในการดำเนินการอย่างชัดเจน
วันนี้ (19ม.ค.) นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รักษาการรองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ไม่อนุญาตให้นายพิชัย นริพทะพันธุ์ คณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย เดินทางไปร่วมงาน 64th Annual National Prayer Breakfast ที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ว่า นายพิชัยได้รับเชิญจากคณะกรรมาธิการเจ้าภาพของสภาคองเกรสสหรัฐฯ การที่ คสช.ไม่อนุญาตเท่ากับตอกย้ำถึงภาพลักษณ์การละเมิดสิทธิขั้นพื้นฐานในการเดินทางของประชาชน และยังอาจส่งผลถึงปัญหาที่สหรัฐฯกำลังพิจารณายกเลิกจีเอสพีของไทย ซึ่งหากสหรัฐฯตัดสินใจยกเลิกจีเอสพีจะทำให้การส่งออกของไทยไปสหรัฐฯลดลงไปอีก และส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยอย่างมาก นอกจากนี้สหภาพยุโรป (อียู) อาจจะใช้เรื่องนี้เป็นเงื่อนไขในการพิจารณาหลายเรื่องที่ไทยยังมีปัญหาอยู่
"การที่ห่วงว่าคุณพิชัยจะไปพูดในทางเสียหายกับประเทศคงเป็นไปไม่ได้ เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมาคุณพิชัยให้ข้อมูลเศรษฐกิจที่เป็นความจริงมาโดยตลอด อีกทั้งคงไม่มีใครจะสามารถให้ข้อมูลที่เสียหายกับประเทศได้มากกว่าที่ผ่านมาแล้ว ทั้งเรื่อง การประกาศจะปิดประเทศ การจะทำซิงเกิลเกตเวย์ การเรียกคนเห็นต่างปรับทัศนคติ การจับนักศึกษาบนรถไฟ แม้กระทั่งการจะดำเนินคดีกับฑูตต่างชาติ" นายอนุสรณ์ กล่าว
นายอนุสรณ์ กล่าวด้วยว่า นอกจากนายพิชัยแล้ว ยังมีแกนนำพรรคเพื่อไทยอีกหลายคนที่ไม่ได้รับอนุญาตให้เดินทางไปต่างประเทศ และเป็นที่น่าสังเกตว่ามีแต่บุคคลากรแกนนำของพรรคเพื่อไทยเท่านั้นที่ได้รับการปฏิเสธไม่ให้เดินทางไปต่างประเทศ ซึ่งตอกย้ำสองมาตรฐานในการดำเนินการอย่างชัดเจน