พล.ต.วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ช่วงวันที่ 15-16 ก.พ.นี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีกำหนดการเดินทางเข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน-สหรัฐฯ สมัยพิเศษ ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ตามคำเชิญของ นายบารัค โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ถือเป็นการส่งสัญญาณทางการเมืองอย่างเป็นรูปธรรมว่า สหรัฐฯ มีความจริงจังในการยกระดับความสัมพันธ์ระหว่างอาเซียน และสหรัฐฯ ในฐานะหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ และยังยืนยันนโยบายปรับสมดุลของประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่ให้ความสำคัญต่อบทบาทของอาเซียน โดยสหรัฐฯ จะมีบทบาทที่สร้างสรรค์ในการสนับสนุนการสร้างประชาคมอาเซียน ความเป็นแกนกลางของอาเซียนในสถาปัตยกรรมภูมิภาค และการรับมือกับประเด็นท้าทายในระดับภูมิภาคและการประชุมฯ จะช่วยส่งเสริมการรับรู้เกี่ยวกับประชาคมอาเซียน ให้เป็นที่รู้จักในสหรัฐฯ ส่งเสริมให้อาเซียนสามารถผลักดันความเป็นหุ้นส่วนด้านเศรษฐกิจและการพัฒนา และขยายความร่วมมือในประเด็นความมั่นคงรูปแบบใหม่ระหว่างอาเซียนและสหรัฐฯ
สำหรับไทยถือเป็นโอกาสดีในการสานต่อประเด็นที่นายกฯ ได้เสนอในการประชุมสุดยอดที่ผ่านมา อาทิ การส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ความร่วมมือด้านวิชาการ เป็นต้น นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ยังมีกำหนดการพบปะกับกลุ่มวิชาชีพคนไทยที่ประกอบวิชาชีพต่างๆ ในสหรัฐฯ และหารือร่วมกับคณะนักธุรกิจ และนักลงทุนสหรัฐฯด้วย
ทั้งนี้ในบริบทของความสัมพันธ์และความร่วมมือระหว่างประเทศไทยในกรอบของอาเซียนกับสหรัฐฯ นั้น พล.อ.ประยุทธ์ ย้ำหลักการต่างประเทศว่าไทยต้องมีเกียรติ และศักดิ์ศรีและต้องเป็นสมาชิกที่มีความรับผิดชอบทั้งต่ออาเซียนและประชาคมโลก ในฐานะสมาชิกอาเซียน ต้องมีบทบาทสร้างสรรค์ภายในอาเซียน ส่งเสริมความร่วมมือระหว่างอาเซียนกับมิตรประเทศ โดยให้อาเซียนเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนความเติบโตอย่างยั่งยืนตามกรอบการพัฒนาของสหประชาชาติ
"ส่วนความสัมพันธ์ทวิภาคีกับสหรัฐฯนั้น เราเข้าใจและตระหนักดีถึงข้อจำกัดที่สหรัฐฯมีต่อสถานการณ์ทางการเมืองในประเทศไทย และขอบคุณในท่าทีและความร่วมมือระหว่างกันที่ยังคงมีมาอย่างต่อเนื่องในหลายมิติ และขอยืนยันว่า รัฐบาลไทยมีเกียรติ ศักดิ์ศรี และมารยาทมากพอที่จะไม่แสวงประโยชน์ใดๆ จากการเข้าร่วมประชุมตามที่มีอดีตนักการเมืองบางคนกล่าวอ้าง โดยใช้บรรทัดฐานทางความคิดของตนเองเป็นตัวกำหนด" พล.ต.วีรชน กล่าว
สำหรับไทยถือเป็นโอกาสดีในการสานต่อประเด็นที่นายกฯ ได้เสนอในการประชุมสุดยอดที่ผ่านมา อาทิ การส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ความร่วมมือด้านวิชาการ เป็นต้น นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ยังมีกำหนดการพบปะกับกลุ่มวิชาชีพคนไทยที่ประกอบวิชาชีพต่างๆ ในสหรัฐฯ และหารือร่วมกับคณะนักธุรกิจ และนักลงทุนสหรัฐฯด้วย
ทั้งนี้ในบริบทของความสัมพันธ์และความร่วมมือระหว่างประเทศไทยในกรอบของอาเซียนกับสหรัฐฯ นั้น พล.อ.ประยุทธ์ ย้ำหลักการต่างประเทศว่าไทยต้องมีเกียรติ และศักดิ์ศรีและต้องเป็นสมาชิกที่มีความรับผิดชอบทั้งต่ออาเซียนและประชาคมโลก ในฐานะสมาชิกอาเซียน ต้องมีบทบาทสร้างสรรค์ภายในอาเซียน ส่งเสริมความร่วมมือระหว่างอาเซียนกับมิตรประเทศ โดยให้อาเซียนเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนความเติบโตอย่างยั่งยืนตามกรอบการพัฒนาของสหประชาชาติ
"ส่วนความสัมพันธ์ทวิภาคีกับสหรัฐฯนั้น เราเข้าใจและตระหนักดีถึงข้อจำกัดที่สหรัฐฯมีต่อสถานการณ์ทางการเมืองในประเทศไทย และขอบคุณในท่าทีและความร่วมมือระหว่างกันที่ยังคงมีมาอย่างต่อเนื่องในหลายมิติ และขอยืนยันว่า รัฐบาลไทยมีเกียรติ ศักดิ์ศรี และมารยาทมากพอที่จะไม่แสวงประโยชน์ใดๆ จากการเข้าร่วมประชุมตามที่มีอดีตนักการเมืองบางคนกล่าวอ้าง โดยใช้บรรทัดฐานทางความคิดของตนเองเป็นตัวกำหนด" พล.ต.วีรชน กล่าว