นายกรัฐมนตรี ตอบรับคำเชิญของประธานาธิบดีสหรัฐฯ ร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน - สหรัฐฯ สมัยพิเศษ 14 - 18 ก.พ. นี้ ย้ำไทยต้องเติบโตด้วยความรับผิดชอบต่อประชาคมโลก ครม. อนุมัติ 15 ล้าน ร่วมมือกับเพื่อนบ้าน ยุติแหล่งผลิตและทำลายเครือข่ายแหล่งการค้ายาเสพติดระหว่างประเทศ
วันนี้ (9 ก.พ.) ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.ต.วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ตอบรับคำเชิญของ นายบารัค โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ร่วมกับผู้นำอาเซียนร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน - สหรัฐฯ สมัยพิเศษ ที่เมืองแรนโชไมเรจ มลรัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา ระหว่างวันที่ 14 - 18 ก.พ. นี้ โดยเป็นการประชุมหลังจากอาเซียนได้รวมตัวกันเป็นประชาคมอาเซียน และเป็นตามคำเชิญของนายโอบามา ซึ่งเป็นครั้งแรกที่มีการจัดการประชุมระหว่างผู้นำอาเซียน - สหรัฐฯ เป็นการเฉพาะในสหรัฐอเมริกาด้วย ถือเป็นการส่งสัญญาณทางการเมืองอย่างเป็นรูปธรรมว่า สหรัฐฯ มีความจริงจังในการยกระดับความสัมพันธ์ระหว่างอาเซียนและสหรัฐฯ ในฐานะหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ และยังยืนยันนโยบายปรับสมดุล (Rebalancing) ของประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่ให้ความสำคัญต่อบทบาทของอาเซียน
รองโฆษกประจำสำนักนายก ฯ กล่าวว่า การประชุม ฯ จะช่วยส่งเสริมการรับรู้เกี่ยวกับประชาคมอาเซียน ให้เป็นที่รู้จักในสหรัฐฯ ส่งเสริมให้อาเซียนสามารถผลักดันความเป็นหุ้นส่วนด้านเศรษฐกิจ และการพัฒนา และขยายความร่วมมือในประเด็นความมั่นคงรูปแบบใหม่ระหว่างอาเซียนและสหรัฐฯ สำหรับไทยแล้ว เป็นโอกาสดีในการสานต่อประเด็นที่นายกรัฐมนตรี ได้เสนอในการประชุมสุดยอดที่ผ่านมา อาทิ การส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลาง และขนาดย่อม ความร่วมมือด้านวิชาการ เป็นต้น นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังมีกำหนดการพบปะกับกลุ่มวิชาชีพคนไทยที่ประกอบวิชาชีพต่าง ๆ ในสหรัฐฯ และหารือร่วมกับคณะนักธุรกิจและนักลงทุนสหรัฐฯ ด้วย สำหรับรูปแบบและกำหนดการประชุมจะเน้นบรรยากาศที่สนิทสนมเป็นกันเองระหว่างผู้นำอาเซียนและประธานาธิบดีสหรัฐฯ ไม่ได้กำหนดระเบียบวาระการประชุมเต็มรูปแบบ เพื่อให้ผู้นำได้ใช้เวทีเสนอข้อคิดเห็นในประเด็นต่าง ๆ อย่างเป็นกันเอง
รองโฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวด้วยว่า พล.อ.ประยุทธ์ ได้ย้ำว่า ไทยต้องเป็นสมาชิกที่มีความรับผิดชอบทั้งต่ออาเซียนและประชาคมโลก ในฐานะสมาชิกอาเซียนต้องมีบทบาทสร้างสรรค์ภายในอาเซียน ส่งเสริมความร่วมมือระหว่างอาเซียนกับมิตรประเทศ โดยให้อาเซียนเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนความเติบโตอย่างยั่งยืน ตามกรอบการพัฒนาของสหประชาชาติ ขอแอกชั่นต่าง ๆ สอดคล้องและเป็นไปตามกับวิสัยทัศน์นี้
พล.ต.วีรชน แถลงอีกว่า ครม. อนุมัติโครงการเสริมสร้าง และยกระดับความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้าน ในการยุติแหล่งผลิตและทำลายเครือข่ายแหล่งการค้ายาเสพติดระหว่างประเทศปี 2559 โดยใช้งบประมาณ 15 ล้านบาท เพื่อให้ความช่วยเหลือกับประเทศเพื่อนบ้าน โดยมองว่าประเทศไทยไม่ใช่แหล่งผลิตยาเสพติด แต่มีที่มาที่ไปจากประเทศเพื่อนบ้าน การแก้ปัญหาเชิงรุกจึงต้องแก้ที่ต้นน้ำ จึงจะเป็นการแก้ที่ถูกวิธี
โดยวัตถุประสงค์ของโครงการ ประกอบด้วย 1. ด้วยการพัฒนาศักยภาพในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ ในการปราบปรามการลักลอบผลิตยาเสพติด การสกัดกั้นยาเสพติด เคมีภัณฑ์ สารตั้งต้น ให้แก่หน่วยงานด้านยาเสพติดของประเทศเพื่อนบ้าน 10 ประเทศ 2. เพื่อสร้างความพร้อมให้กับหน่วยงานของประเทศเพื่อนบ้าน ในการสนับสนุนการทำงานของเจ้าหน้าที่ในประเทศของตน ในการปราบปรามยาเสพติด รวมถึงการปฏิบัติงานด้านข่าวกรอง การสืบสวน สอบสวน 3. เพื่อการพัฒนาศักยภาพของเจ้าหน้าที่ประเทศเพื่อนบ้าน ในเรื่องการตรวจพิสูจน์ยาเสพติด เพื่อช่วยในการสืบค้นให้ถึงต้นตอ
ทั้งนี้ ที่ผ่านมา ตามนโยบายการปราบปรามยาเสพติดของรัฐบาลที่เชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้าน ประเทศไทยได้รับการยกย่องจากสหประชาชาติว่ามีวิธีการ และแนวทางการปราบปรามยาเสพติดที่ดีที่สุด จึงมีการนำไปประยุกต์ใช้กันในหลายประเทศ.
