เมื่อสองสัปดาห์ที่ผ่านมา ผู้คนในสังคมไทยได้ฟังข่าวซึ่งบ่งบอกถึงความล้มเหลวของการจัดการทางด้านการศึกษา และการเผยแผ่คำสอนของพระพุทธศาสนา 2 ข่าวคือ
1. ข่าวการเลี้ยงตุ๊กตาลูกเทพของคนกลุ่มหนึ่ง ซึ่งมีทั้งวัยรุ่นไปจนถึงคนวัยกลางคน และที่น่าเศร้าใจเป็นอย่างยิ่งในจำนวนนี้มีพระภิกษุรวมอยู่ด้วย
ในการเลี้ยงตุ๊กตาลูกเทพ ผู้เลี้ยงจะปฏิบัติต่อตุ๊กตาเยี่ยงลูกของตน ให้อาหาร แต่งตัวพาเที่ยวไปไหนต่อไหนด้วยกัน และเหตุผลในการเลี้ยงเกิดจากความเชื่อว่าจะช่วยให้ตนเองมีสถานะดีขึ้น ทั้งในด้านการเงิน และความรัก รวมไปถึงด้านอื่นๆ ที่ตนเองยังขาดแคลนและต้องการจะได้มา ในทำนองเดียวกับการเลี้ยงลูกกรอก และรักยมในสมัยโบราณจะแตกต่างกันก็เพียงของที่มา และรูปแบบของพิธีกรรมทางไสยศาสตร์เท่านั้น กล่าวคือ รักยมเป็นผลผลิตทางด้านไสยศาสตร์ของผู้มีอาคมแก่กล้า ทำการปลุกเสกตุ๊กตาสองตัวที่ทำจากไม้รัก และไม้มะยมแล้วมอบให้ศิษยานุศิษย์ผู้เชื่อถือศรัทธาไปทำการเลี้ยงดู
ส่วนตุ๊กตาลูกเทพเกิดขึ้นจากคนขายตุ๊กตาร่วมกับผู้อาศัยวิชาไสยศาสตร์ทำมาหากินรับจ้างปลุกเสกลงเลขลงยันต์ แล้วขายให้กับผู้ที่ไม่พอใจกับสถานภาพของตนเอง และต้องการเปลี่ยนแปลงให้ดีขึ้นโดยทางลัด ด้วยการดลบันดาลของวัตถุมงคลในรูปแบบต่างๆ และหนึ่งในจำนวนนี้ก็คือ ตุ๊กตาลูกเทพจึงเกิดเป็นกระแสสังคมให้คนนิยมทำตาม
แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อมีกระแสต่อต้านเกิดขึ้น คนที่เลี้ยงตุ๊กตาลูกเทพส่วนหนึ่งก็หันหลังกลับ และนำตุ๊กตาไปทิ้งที่วัดอันเป็นการบ่งบอกชัดเจนว่า การเลี้ยงตุ๊กตาลูกเทพส่วนหนึ่งเป็นแฟชั่นเมื่อกระแสนิยมขาลงก็ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมไปตามกระแส โดยไม่มีเหตุผลในการเลี้ยงและการเลิกเลี้ยงแต่อย่างใด
2. ข่าวการฆ่าตัวตายของพระพรหมสุธี อดีตเจ้าอาวาสวัดสระเกศ ซึ่งถูกปลดออกจากเจ้าอาวาส และตำแหน่งการปกครองทุกตำแหน่ง อันเนื่องมาจากการเข้าไปพัวพันกับเงินงบประมาณในการพระราชทานเพลิง สมเด็จพระพุฒาจารย์ เจ้าอาวาสวัดสระเกศ ซึ่ง สตง.ได้ตรวจพบว่ามีการใช้จ่ายผิดประเภทเป็นเงินประมาณ 67 ล้านบาท
จากข่าว 2 ข่าวนี้ทำให้ประชาชนชาวไทยซึ่งส่วนใหญ่นับถือพุทธ และได้รับการสอนให้มีความเชื่ออย่างมีเหตุผล โดยใช้ปัญญาประกอบการเชื่อ และไม่เชื่อตามแนวทางซึ่งพระพุทธองค์ได้ตรัสไว้ในกาลามสูตรกังขานิยฐาน 10 ประการดังต่อไปนี้
1. มา อนุสฺสเวน อย่าปลงใจเชื่อด้วยการฟังตามกันมา
2. มา ปรมฺปราย อย่าปลงใจเชื่อด้วยการถือสืบๆ กันมา
3. มา อิติกิราย อย่าปลงใจเชื่อด้วยการเล่าลือ
4. มา ปฏิกสมฺปทาเนน อย่าปลงเชื่อด้วยการอ้างตำราหรือคัมภีร์
5. มา ตกฺกเหตุ อย่าปลงใจเชื่อเพราะตรรก
6. มา นยเหตุ อย่าปลงใจเชื่อเพราะการอนุมาน
7. มา อาการปริวิตกฺเกน อย่าปลงใจเชื่อด้วยการคิดตรองตามเหตุผล
8. มา ทิฏฐินิชฺฌนกฺขนฺติยา อย่าปลงใจเชื่อเพราะเข้าใจได้กับทฤษฎีที่พินิจไว้แล้ว
9. มา ภพฺพรูปตาย อย่าปลงใจเชื่อเพราะมองเห็นรูปลักษณ์น่าจะเป็นไปได้
10. มา สมโณ โน ครูติ อย่าปลงใจเชื่อเพราะนับถือว่าท่านสมณะนี้เป็นครูของเรา
ต่อเมื่อใดรู้เข้าใจด้วยตนว่า ธรรมเหล่านั้นเป็นอกุศล เป็นกุศล มีโทษไม่มีโทษ เป็นต้นแล้ว จึงควรละหรือถือปฏิบัติตามนั้น
หมายเหตุ : สูตรนี้ในพระบาลีเรียกว่า เกสปุตติยสูตร แต่ที่เรียกชื่อว่า กาลามสูตร เพราะทรงแสดงแก่ชนเผ่ากาลามะแห่งวรรณกษัตริย์ที่ชื่อว่า เกสปุตติยสูตร เพราะพวกกาลามะเหล่านั้นเป็นชาวเกสปุตตนิคม
โดยนัยแห่งสูตรนี้ เป็นการวางรากฐานแห่งความเชื่อตามนัยแห่งคำสอนของพระพุทธศาสนา ที่ทรงเน้นศรัทธาอันประกอบด้วยปัญญา และให้หลีกเลี่ยงศรัทธา อันเกิดจากอวิชชาหรือความงมงาย
ดังนั้น ถ้ายึดตามแนวทางนี้ ความเชื่อเรื่องการเลี้ยงตุ๊กตาลูกเทพจึงขัดต่อหลักของพุทธโดยสิ้นเชิง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในข้อ 2-4
อีกประการหนึ่ง ความเชื่อในลักษณะนี้ขัดต่อหลักคำสอนที่มุ่งเน้นให้ชาวพุทธพึ่งตนเอง และปฏิเสธอำนาจแฝงเร้นภายนอก รวมทั้งอำนาจอันเกิดจากคาถาอาคมด้วย
อะไรเป็นเหตุให้คนไทยเชื่อในสิ่งเหลวไหลไร้สาระ ทั้งๆ ที่คำสอนของศาสนาพุทธห้าม ประกอบกับในปัจจุบัน การศึกษาสมัยใหม่ของไทยก็ได้ก้าวหน้าไปมากแล้ว
เกี่ยวกับเรื่องนี้ ผู้เขียนใคร่ขอให้ท่านผู้อ่านย้อนไปดูการศึกษา และพุทธศาสนาในประเทศไทยแล้วจะอนุมานได้ว่า ความเชื่อหรือศรัทธาของผู้เลี้ยงตุ๊กตาลูกเทพ แท้จริงแล้วน่าจะเกิดจากเหตุปัจจัยดังต่อไปนี้
1. การศึกษาของไทยจำและทำข้อสอบได้มากกว่ามุ่งเน้นให้ทำความเข้าใจ และจำสิ่งที่เข้าใจแล้วนำไปลงมือปฏิบัติ จึงเป็นเหตุให้การคิดหาเหตุจึงไม่บังเกิดขึ้นเท่าที่ควรจะเป็น และนี่เองคือปฐมเหตุให้ประชาชนคนไทยถึงแม้จะนับถือพุทธ และได้รับการศึกษาสมัยใหม่ ก็ยังตกเป็นเหยื่อของศรัทธาด้วยปัญญา ดังเช่นการเลี้ยงตุ๊กตาลูกเทพเป็นต้นได้โดยง่าย
2. ถึงแม้ว่า พระพุทธเจ้ามาสู่ดินแดนสุวรรณภูมิแห่งนี้นานนับพันปีแล้ว และแถมคนไทยส่วนใหญ่นับถือพุทธ มีพระสงฆ์คอยศึกษาเล่าเรียนคำสอนของพระพุทธเจ้าแล้วนำออกมาเผยแผ่แก่ชาวพุทธอยู่จำนวนนับแสนรูป แต่คำสอนอันเป็นแก่นแท้ของพุทธก็ไม่ซึมซับจิตใจของปวงชนชาวไทยเท่าที่ควรจะเป็น แม้แต่พระสงฆ์เองซึ่งเป็นทายาทโดยตรงของพระพุทธองค์ ยังถูกความโลภครอบงำ และเป็นเหยื่อแห่งความโลภ สุดท้ายต้องรับกรรมด้วยการฆ่าตัวตายหนีปัญหา เมื่อเป็นเช่นนี้จะให้ชาวบ้านพึ่งใคร เมื่อความทุกข์มาถึง ทั้งหมดนี่คือภาพสะท้อนสังคมไทยในยุคนี้
1. ข่าวการเลี้ยงตุ๊กตาลูกเทพของคนกลุ่มหนึ่ง ซึ่งมีทั้งวัยรุ่นไปจนถึงคนวัยกลางคน และที่น่าเศร้าใจเป็นอย่างยิ่งในจำนวนนี้มีพระภิกษุรวมอยู่ด้วย
ในการเลี้ยงตุ๊กตาลูกเทพ ผู้เลี้ยงจะปฏิบัติต่อตุ๊กตาเยี่ยงลูกของตน ให้อาหาร แต่งตัวพาเที่ยวไปไหนต่อไหนด้วยกัน และเหตุผลในการเลี้ยงเกิดจากความเชื่อว่าจะช่วยให้ตนเองมีสถานะดีขึ้น ทั้งในด้านการเงิน และความรัก รวมไปถึงด้านอื่นๆ ที่ตนเองยังขาดแคลนและต้องการจะได้มา ในทำนองเดียวกับการเลี้ยงลูกกรอก และรักยมในสมัยโบราณจะแตกต่างกันก็เพียงของที่มา และรูปแบบของพิธีกรรมทางไสยศาสตร์เท่านั้น กล่าวคือ รักยมเป็นผลผลิตทางด้านไสยศาสตร์ของผู้มีอาคมแก่กล้า ทำการปลุกเสกตุ๊กตาสองตัวที่ทำจากไม้รัก และไม้มะยมแล้วมอบให้ศิษยานุศิษย์ผู้เชื่อถือศรัทธาไปทำการเลี้ยงดู
ส่วนตุ๊กตาลูกเทพเกิดขึ้นจากคนขายตุ๊กตาร่วมกับผู้อาศัยวิชาไสยศาสตร์ทำมาหากินรับจ้างปลุกเสกลงเลขลงยันต์ แล้วขายให้กับผู้ที่ไม่พอใจกับสถานภาพของตนเอง และต้องการเปลี่ยนแปลงให้ดีขึ้นโดยทางลัด ด้วยการดลบันดาลของวัตถุมงคลในรูปแบบต่างๆ และหนึ่งในจำนวนนี้ก็คือ ตุ๊กตาลูกเทพจึงเกิดเป็นกระแสสังคมให้คนนิยมทำตาม
แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อมีกระแสต่อต้านเกิดขึ้น คนที่เลี้ยงตุ๊กตาลูกเทพส่วนหนึ่งก็หันหลังกลับ และนำตุ๊กตาไปทิ้งที่วัดอันเป็นการบ่งบอกชัดเจนว่า การเลี้ยงตุ๊กตาลูกเทพส่วนหนึ่งเป็นแฟชั่นเมื่อกระแสนิยมขาลงก็ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมไปตามกระแส โดยไม่มีเหตุผลในการเลี้ยงและการเลิกเลี้ยงแต่อย่างใด
2. ข่าวการฆ่าตัวตายของพระพรหมสุธี อดีตเจ้าอาวาสวัดสระเกศ ซึ่งถูกปลดออกจากเจ้าอาวาส และตำแหน่งการปกครองทุกตำแหน่ง อันเนื่องมาจากการเข้าไปพัวพันกับเงินงบประมาณในการพระราชทานเพลิง สมเด็จพระพุฒาจารย์ เจ้าอาวาสวัดสระเกศ ซึ่ง สตง.ได้ตรวจพบว่ามีการใช้จ่ายผิดประเภทเป็นเงินประมาณ 67 ล้านบาท
จากข่าว 2 ข่าวนี้ทำให้ประชาชนชาวไทยซึ่งส่วนใหญ่นับถือพุทธ และได้รับการสอนให้มีความเชื่ออย่างมีเหตุผล โดยใช้ปัญญาประกอบการเชื่อ และไม่เชื่อตามแนวทางซึ่งพระพุทธองค์ได้ตรัสไว้ในกาลามสูตรกังขานิยฐาน 10 ประการดังต่อไปนี้
1. มา อนุสฺสเวน อย่าปลงใจเชื่อด้วยการฟังตามกันมา
2. มา ปรมฺปราย อย่าปลงใจเชื่อด้วยการถือสืบๆ กันมา
3. มา อิติกิราย อย่าปลงใจเชื่อด้วยการเล่าลือ
4. มา ปฏิกสมฺปทาเนน อย่าปลงเชื่อด้วยการอ้างตำราหรือคัมภีร์
5. มา ตกฺกเหตุ อย่าปลงใจเชื่อเพราะตรรก
6. มา นยเหตุ อย่าปลงใจเชื่อเพราะการอนุมาน
7. มา อาการปริวิตกฺเกน อย่าปลงใจเชื่อด้วยการคิดตรองตามเหตุผล
8. มา ทิฏฐินิชฺฌนกฺขนฺติยา อย่าปลงใจเชื่อเพราะเข้าใจได้กับทฤษฎีที่พินิจไว้แล้ว
9. มา ภพฺพรูปตาย อย่าปลงใจเชื่อเพราะมองเห็นรูปลักษณ์น่าจะเป็นไปได้
10. มา สมโณ โน ครูติ อย่าปลงใจเชื่อเพราะนับถือว่าท่านสมณะนี้เป็นครูของเรา
ต่อเมื่อใดรู้เข้าใจด้วยตนว่า ธรรมเหล่านั้นเป็นอกุศล เป็นกุศล มีโทษไม่มีโทษ เป็นต้นแล้ว จึงควรละหรือถือปฏิบัติตามนั้น
หมายเหตุ : สูตรนี้ในพระบาลีเรียกว่า เกสปุตติยสูตร แต่ที่เรียกชื่อว่า กาลามสูตร เพราะทรงแสดงแก่ชนเผ่ากาลามะแห่งวรรณกษัตริย์ที่ชื่อว่า เกสปุตติยสูตร เพราะพวกกาลามะเหล่านั้นเป็นชาวเกสปุตตนิคม
โดยนัยแห่งสูตรนี้ เป็นการวางรากฐานแห่งความเชื่อตามนัยแห่งคำสอนของพระพุทธศาสนา ที่ทรงเน้นศรัทธาอันประกอบด้วยปัญญา และให้หลีกเลี่ยงศรัทธา อันเกิดจากอวิชชาหรือความงมงาย
ดังนั้น ถ้ายึดตามแนวทางนี้ ความเชื่อเรื่องการเลี้ยงตุ๊กตาลูกเทพจึงขัดต่อหลักของพุทธโดยสิ้นเชิง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในข้อ 2-4
อีกประการหนึ่ง ความเชื่อในลักษณะนี้ขัดต่อหลักคำสอนที่มุ่งเน้นให้ชาวพุทธพึ่งตนเอง และปฏิเสธอำนาจแฝงเร้นภายนอก รวมทั้งอำนาจอันเกิดจากคาถาอาคมด้วย
อะไรเป็นเหตุให้คนไทยเชื่อในสิ่งเหลวไหลไร้สาระ ทั้งๆ ที่คำสอนของศาสนาพุทธห้าม ประกอบกับในปัจจุบัน การศึกษาสมัยใหม่ของไทยก็ได้ก้าวหน้าไปมากแล้ว
เกี่ยวกับเรื่องนี้ ผู้เขียนใคร่ขอให้ท่านผู้อ่านย้อนไปดูการศึกษา และพุทธศาสนาในประเทศไทยแล้วจะอนุมานได้ว่า ความเชื่อหรือศรัทธาของผู้เลี้ยงตุ๊กตาลูกเทพ แท้จริงแล้วน่าจะเกิดจากเหตุปัจจัยดังต่อไปนี้
1. การศึกษาของไทยจำและทำข้อสอบได้มากกว่ามุ่งเน้นให้ทำความเข้าใจ และจำสิ่งที่เข้าใจแล้วนำไปลงมือปฏิบัติ จึงเป็นเหตุให้การคิดหาเหตุจึงไม่บังเกิดขึ้นเท่าที่ควรจะเป็น และนี่เองคือปฐมเหตุให้ประชาชนคนไทยถึงแม้จะนับถือพุทธ และได้รับการศึกษาสมัยใหม่ ก็ยังตกเป็นเหยื่อของศรัทธาด้วยปัญญา ดังเช่นการเลี้ยงตุ๊กตาลูกเทพเป็นต้นได้โดยง่าย
2. ถึงแม้ว่า พระพุทธเจ้ามาสู่ดินแดนสุวรรณภูมิแห่งนี้นานนับพันปีแล้ว และแถมคนไทยส่วนใหญ่นับถือพุทธ มีพระสงฆ์คอยศึกษาเล่าเรียนคำสอนของพระพุทธเจ้าแล้วนำออกมาเผยแผ่แก่ชาวพุทธอยู่จำนวนนับแสนรูป แต่คำสอนอันเป็นแก่นแท้ของพุทธก็ไม่ซึมซับจิตใจของปวงชนชาวไทยเท่าที่ควรจะเป็น แม้แต่พระสงฆ์เองซึ่งเป็นทายาทโดยตรงของพระพุทธองค์ ยังถูกความโลภครอบงำ และเป็นเหยื่อแห่งความโลภ สุดท้ายต้องรับกรรมด้วยการฆ่าตัวตายหนีปัญหา เมื่อเป็นเช่นนี้จะให้ชาวบ้านพึ่งใคร เมื่อความทุกข์มาถึง ทั้งหมดนี่คือภาพสะท้อนสังคมไทยในยุคนี้