ปฏิเสธไม่ได้ว่า "อนิจจัง" มีจริง โดยเฉพาะในโลกยุควัตถุนิยมที่ทุกอย่างมาไวไปไว เช่นเดียวกับ "ตุ๊กตาลูกเทพ" เมื่อถึงเวลาที่ความเปลี่ยนแปลงใหม่ๆ เข้ามาแทนที่ของเก่าก็ต้องสูญสลายเป็นธรรมดา ขนาด "ตุ๊กตาบลายธ์แสนสวย" หรือ "ตุ๊กตาเฟอร์บี้แสนน่ารัก" ก็ยังหนีไม่พ้นสัจธรรมข้อนี้ คำถามคือ ถ้าตุ๊กตาลูกเทพตายแล้วจะไปไหน ซึ่งตายในที่นี้หมายถึงหมดประโยชน์ หมดเห่อ หรือหมดกระแสจากการกราบไหว้บูชา
มีจริงหรือ? รับจ้าง "ฆ่าลูกเทพ"
ท่ามกลางกระแสบูชาลูกเทพ ด้านหนึ่งก็มีกระแสต่อต้านตามมาไม่น้อย ทำให้ลูกเทพอาจกลายเป็นตุ๊กตาแห่งความงมงาย ทำลายภาพลักษณ์จนใครบางคนเริ่มลังเลไม่อยากเลี้ยงอีกต่อไป ซึ่งบางคนอาจเลือกที่จะเก็บไว้ในตู้ หรือเลี้ยงไว้ตามเดิม แต่ไม่เอาออกไปไหนมาไหนด้วย ในขณะที่บางคนไม่รู้จะทำอย่างไรเพราะกลัวสิ่งที่จะตามมาหลังนำตุ๊กปลุกเสกไปทิ้ง
ด้วยเหตุนี้ ทำให้ผู้ใช้สื่อโซเชียลฯ ท่านหนึ่งออกมาประกาศรับจ้าง "ฆ่าลูกเทพ" ผ่านเฟซบุ๊ก พร้อมทำลายซากเป็นของแถม โดยอ้างว่าเป็นอีกทางเลือกหนึ่งให้แก่บรรดาพ่อแม่ลูกเทพที่ไม่อยากเลี้ยง แต่ไม่กล้าทิ้งเอง เพราะกลัวผีหลอก และนี่คือข้อความที่สร้างความฮือฮาไปทั่วโลกออนไลน์
"รับจ้างลูกเทพพร้อมทำลายซาก เนื่องจากตอนนี้มีกระแสเสียดสีลูกเทพเป็นจำนวนมาก จึงทำให้ผู้ที่เลี้ยงลูกเทพหลายคนเกิดความอับอาย บางรายถึงกับอยากเลิกเลี้ยงแต่ไม่รู้จะทำยังไง ไม่กล้าเอาไปทิ้งเพราะกลัวผีหลอก เรามีทางออกให้ สนใจ inbox มาได้ ค่าบริการหัวละ 500 บาท"
เกี่ยวกับโพสต์ดังกล่าว หลังจากมีสื่อต่างๆ เอาไปนำเสนอจนเป็นเรื่องราวใหญ่โต และมีคนนำไปแชร์บนเฟซบุ๊กของคนโพสต์ ปรากฎความจริงว่าเป็นแค่การเกาะกระแสขำๆ เท่านั้น
"สื่อก็บ้าไปตามผม 555" เป็นข้อความที่เจ้าของโพสต์ระบุถึงกระแสข่าวรับฆ่าลูกเทพที่กำลังฮือฮาอยู่ในขณะนี้
แม้จะไม่ได้รับจ้างตามที่เป็นข่าว แต่หลายคนก็เข้ามาสนับสนุนไอเดียดังกล่าวกันเป็นจำนวนมาก โดยก่อนหน้านี้เคยโพสต์เกาะกระแสผ่านเฟซบุ๊กในทำนองเดียวกันว่า รับซื้อลูกเทพในราคา 5-10 บาทสำหรับใครที่เกิดความอับอาย และไม่อยากเลี้ยง พร้อมอาสาปลดปล่อยวิญญาญให้ ก่อนจะนำไปบริจาคบ้านเด็กกำพร้าต่อไป
ตายแล้วไปบำบัดผู้ป่วยได้
อีกทางออกในคำถามที่ว่า "ตุ๊กตาลูกเทพ" ตายแล้วไปไหน" นพ.วรตม์ โชติพิทยสุนนท์ จิตแพทย์เด็กและวัยรุ่น กรมสุขภาพจิต แนะนำให้เอาไปใช้ประโยชน์ทางการแพทย์เพื่อช่วยบำบัดผู้ป่วยสมองเสื่อม ซึ่งในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ตุ๊กตาเสมือนมนุษย์ถูกใช้อย่างแพร่หลายมากขึ้นใน Care Home ของประเทศอังกฤษ ซึ่งคล้าย ๆ กับบ้านพักคนชรา
"การบำบัดด้วยตุ๊กตาเสมือนมนุษย์นั้น ตั้งอยู่บนสมมติฐานที่ว่า ตุ๊กตาเสมือนมนุษย์จะช่วยกระตุ้นให้ผู้สูงวัยที่มีอาการสมองเสื่อมมีการสื่อสารมากขึ้นผ่านตุ๊กตาที่มีความซับซ้อนน้อยกว่า แม้งานวิจัยเกี่ยวกับการใช้ตุ๊กตาเสมือนมนุษย์ยังมีอยู่น้อย แต่เสียงตอบรับจาก care home จำนวนมากเป็นไปในเชิงบวก
ยกตัวอย่าง รายงานจาก care home ใน Chesterfield ชี้ว่า การบำบัดด้วยตุ๊กตาเสมือนมนุษย์ช่วยลดการใช้ยาจิตเวชลงจาก 92% เหลือ 28% หรือ care home ใน Devon และ Manchester รายงานว่า ตุ๊กตาช่วยทำให้อารมณ์ของผู้ป่วยและครอบครัวดีขึ้นอย่างมาก นอกจากนี้ งานวิจัยยังพบว่า การบำบัดด้วยตุ๊กตาเสมือนมนุษย์ช่วยทำให้ผู้ป่วยสงบมากขึ้น ลดความกระสับกระส่าย และเพิ่มความสามารถในการสื่อสารให้มากขึ้นอีกด้วย โดยเชื่อว่าประโยชน์เหล่านี้เกิดจากการที่ผู้สูงวัยเหล่านั้นได้ย้อนความทรงจำไปถึงช่วงที่ตนเองยังทำหน้าที่เป็นพ่อแม่อยู่
นอกจากนั้นยังเป็นภาพสะท้อนกลับมาให้รู้สึกถึงคุณค่าและความหมายของชีวิตตน จึงอยากฝากว่า ท่านใดที่ไม่อยากเลี้ยงตุ๊กตาลูกเทพแล้ว อยากให้ลองมองหาคนสูงอายุแถวบ้านที่มีอาการสมองเสื่อม แล้วฝากให้ท่านช่วยดูแลต่อแทน" จิตแพทย์เด็กและวัยรุ่น กรมสุขภาพจิตไขทางออกอนาคตในวันที่ตุ๊กตาลูกเทพหมดประโยชน์ หรือต้องถูกทิ้ง
ปัจจุบัน มีข้อมูลจากการสำรวจสุขภาวะผู้สูงอายุไทยปี 2556 โดยกรมอนามัย พบว่า มีผู้สูงอายุสมองเสื่อมกว่า 4 แสนคน และคาดว่าจะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ตามจำนวนผู้สูงอายุที่เพิ่มขึ้น
เอาไปใช้เพื่อการศึกษาก็ได้นะ
หรืออีกหนึ่งไอเดียในอนาคตหาก "ตุ๊กตาลูกเทพ" ต้องตายไปจริงๆ หรือเบื่อแล้ว ไม่อยากเลี้ยงแล้ว ซึ่งแทนที่จะเผาทิ้งให้เป็นมลพิษของโลก ลองเอาแนวทางของครูสุโขทัยท่านนี้ไปประยุกต์กันดู โดยวิธีการที่ว่านี้ก็คือ ใช้ตุ๊กตาเป็นสื่อจูงใจให้เด็กรักการอ่าน มีจิตใจอ่อนโยน และช่วยสร้างจินตนาการ
ครูวีรินทร์ คล้ายแท้ ครูประจำชั้น ป.1 โรงเรียนวัดคุ้งยาง ต.ไกรนอก อ.กงไกรลาศ จ.สุโขทัย เปิดเผยว่า เป็นหนึ่งในโครงการอ่านหนังสือให้น้องฟังของโรงเรียน ดำเนินการมานาน 4 ปีแล้ว เพื่อฝึกให้เด็กๆ รักการอ่านหนังสือ และพัฒนาจิตใจให้มีความรัก ความอ่อนโยน โดยใช้ตุ๊กตาเป็นสิ่งสมมติว่าเป็นน้องสาว-น้องชายของเด็กนักเรียนเอง จึงต้องคอยดูแล และอ่านหนังสือให้เขาฟังทุกวัน
สำหรับผู้ที่ต้องการจะบริจาคตุ๊กตามือสอง ติดต่อได้ที่ครูวีรินทร์ หรือทางโรงเรียนเพื่อให้เด็กนักเรียนรุ่นต่อไปได้ใช้ประโยชน์
ส่วนกรณีตุ๊กตาลูกเทพนั้น คงต้องลองคุยกับทางคุณครูดูอีกทีว่าสามารถใช้เป็นสื่อจูงใจในแบบเดียวกันกับตุ๊กตาสัตว์น่ารักๆ ได้หรือไม่ เพราะบางตัวลงอักขระเลขยันต์ต่างๆ หากนำไปใช้อาจจะต้องลบออกเพื่อลดความหวาดกลัวของเด็กๆ หรืออาจจะเป็นสื่อการเรียนการสอนให้เด็กคิดเกี่ยวกับความเชื่อก็สามารถทำได้
เรื่องนี้ สรวงมณฑ์ สิทธิสมาน คอลัมนิสต์ "พ่อแม่ลูกปลูกรัก" ในเว็บไซต์ MGR Online เขียนผ่านบทความ "ลูกเทพ..เรื่องที่พ่อแม่ต้องสอนลูกคน" ไว้อย่างน่าสนใจ โดยผู้ใหญ่สามารถหยิบยกเรื่องตุ๊กตาลูกเทพยุคนี้มาเชื่อมโยงกับความเชื่อในแต่ละยุคสมัยเพื่อเล่าให้เด็กๆ ฟังได้ รวมไปถึงเรื่องไสยศาสตร์ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ไม่สามารถอธิบายเหตุผลได้ แต่เป็นความเชื่อของแต่ละบุคคล ซึ่งไม่มีใครตอบได้ว่ามันจริงหรือไม่จริง แต่เมื่อไม่มีใครพิสูจน์ได้ แล้วเด็กคิดอย่างไร ซึ่งเป็นการตั้งคำถามให้เด็กคิดตาม ช่วยให้เด็กได้ฝึกทักษะการคิดผ่านตัวตุ๊กตา
ทั้งหมดนี้ เป็นเพียงการตั้งคำถามในประเด็น "ตุ๊กตาลูกเทพ" ตายแล้วไปไหน พร้อมนำเสนอทางออกเบื้องต้นหากอนาคตเกิดตกกระป๋อง ลงถังขยะ เพราะมีของใหม่เข้ามาแทนของเก่า ขนาด "ตุ๊กตาบลายธ์แสนสวย" หรือ "ตุ๊กตาเฟอร์บี้แสนน่ารัก" หรือแม้แต่ "หินสีนำโชค" ก็ยังหนีไม่พ้นสัจธรรมข้อนี้
สุดท้ายแล้ว แม้การเลี้ยงตุ๊กตาลูกเทพจะไม่ใช่เรื่องผิด หรือมีความผิดปกติทางจิต แต่ความเชื่อว่าสิ่งนั้นมีอำนาจ มีคุณวิเศษ คงไม่สามารถช่วยเหลือได้ทุกเรื่อง ถ้าอยากประสบความสำเร็จในชีวิต มีชื่อเสียง เงินทอง ไม่ใช่ว่าอาศัยเครื่องรางของขลังเป็นตัวช่วยอย่างเดียว แต่ต้องช่วยตนเองด้วยการประกอบสัมมาอาชีพ และยึดถือหลักคำสอนในพุทธศาสนา ไม่ควรนำจิตใจไปลุ่มหลงมัวเมามากจนเกินไป
มาตามติด Facebook Fanpage และ Instagram
"MGR Online Live" และ "@manager_live" กันได้ที่นี่!!
และสามารถส่งข่าวสารมาได้ที่: manageronlinelive@gmail.com
หรือ Fax 0-2629-4754