xs
xsm
sm
md
lg

66 ไฟแรงเฟร่อ “ป้าปิ๋วร้อยโล” โจงกระเบนสไตล์!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


 
“ว่ายน้ำ 1.5 กิโลเมตร, ปั่นจักรยาน 40 กิโลเมตร, วิ่งอีก 10 กิโลเมตร” ใครเล่าจะเชื่อว่าการแข่งขันไตรกีฬาสุดหฤโหดนี้จะเกิดขึ้นกับผู้เข้าแข่งขันในวัย 66 ปี “ป้าปิ๋ว-ปราณี ถีติปริวัตร” นักกีฬาผู้พกพาความมั่นใจเกินร้อย มาพร้อมกับโจงกระเบนสไตล์ ด้วยประสบการณ์การเล่นไตรกีฬามากว่า 25 ปี เธอพร้อมบอกเล่าความน่าทึ่งต่อจากนี้ไปและจะทำให้รู้เลยว่า 66 ปียังแจ๋วขนาดไหน!

กว่าจะมาเป็นป้าปิ๋วที่หลายคนจดจำในเอกลักษณ์และความโดดเด่นในเรื่องสไตล์การแต่งตัว รวมถึงความสามารถที่แข็งแกร่งเกินกว่าคนทั่วไปในวัย 66 ปีจะทำได้ ใครจะรู้ล่ะว่าจุดเริ่มต้นที่ทำให้เธอเข้าสู่วงการไตรกีฬาอย่างถอนตัวไม่ขึ้น เริ่มต้นมาจากสถานการณ์เล็กๆ ที่เกิดขึ้นระหว่างการซ้อนจักรยาน จนเกิดเป็นความเปลี่ยนแปลงและรางวัลชีวิตที่ยิ่งใหญ่ถึงทุกวันนี้

“มันเริ่มมาจากตอนนั่งซ้อนจักรยานลูกไป แล้วผ่านที่ก่อสร้าง เขาก็แซวว่าโตแล้วยังซ้อนเด็ก ป้ารู้สึกอาย มันจึงเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้อยากปั่นจักรยานตอนอายุ 40 พอได้มาปั่นจักรยานมันรู้สึกสนุก ช่วยในเรื่องการทรงตัวได้ดี ไปไหนมาไหนคล่องตัวไม่ต้องคอยพึ่งใคร”

คำสบประมาทเล็กๆ แกมตลก กลายเป็นจุดเริ่มต้นให้เธอเริ่มทำความรู้จักเพื่อนสองล้อนับแต่วันนั้น ก่อนพาร่างกายในวัย 44 ปีเข้าสู่โลกของไตรกีฬา และได้ค้นพบจังหวะการเต้นที่เปี่ยมด้วยความสุขอย่างที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อน “เริ่มแข่งไตรกีฬาตอนอายุ 44 ค่ะ หลังจากลงทุนซื้อจักรยานดีๆ มาสักคัน ไปลองแข่งกัน ที่ป้าสนใจไตรกีฬาเพราะชอบกีฬาว่ายน้ำ ส่วนการวิ่งเลยคิดว่าน่าจะไปได้ด้วย”

ก่อนที่เธอจะพาเข้าสู่ภาพประสบการณ์และความประทับใจในการแข่งไตรกีฬา เธอเปรยให้ฟังด้วยน้ำเสียงสดใสว่า ด้วยความที่คลุกคลีวงการไตรกีฬาเป็นเวลานานกว่า 25 ปี สิ่งที่ได้รับจากการเข้ามาตรงนี้มีคุณค่ามหาศาล แน่นอนว่านอกเหนือไปกว่ามิตรภาพที่เชื่อว่าเหล่าคนเล่นกีฬาคงเข้าใจกันดี เรื่องราวของเธอยังคงสร้างแรงบันดาลใจให้กับใครอีกหลายคนได้ด้วยเช่นกัน

“มันให้อะไรมากมายเลย หนึ่ง ให้กำลังใจตัวเองว่าเราสามารถที่จะทำอะไรที่อยากทำได้ แล้วก็เป็นแรงบันดาลใจให้คนที่อายุน้อยๆ หรือว่ารุ่นราวคราวเดียวกัน ถ้าเขาเห็น เขาก็อยากมาเล่นกีฬาแบบนี้บ้าง ต้องบอกก่อนว่าไตรกีฬาเล่นแล้วสดชื่นที่สุด เพราะมีน้ำเป็นตัวเตรียมกล้ามเนื้อ”

 
“ถ้าเรายิ้มไป เขายิ้มมา นี่ก็สำเร็จแล้ว” อีกหนึ่งความภูมิใจเล็กๆ ที่ป้าปิ๋วเล่าให้ฟังเกี่ยวกับมิตรภาพทุกครั้งที่ได้เข้าแข่งขัน เธอทักทาย หยอกล้อเป็นกันเองกับคนรอบตัว จนทำให้รอยยิ้มเกิดขึ้นบนใบหน้าของคนไม่รู้จัก นี่จึงเป็นเรื่องราวดีๆ ที่เธอกำลังจะบอกต่อจากนี้ และยังเป็นความประทับใจที่นึกถึงเมื่อไหร่ยังคงยิ้มได้เสมอ

“ประสบการณ์การปั่นจักรยานที่ประทับใจที่สุดคือ ล่าสุดไปแข่งไตรกีฬาที่ชายหาดแม่พิมพ์ จังหวัดระยอง มีผู้เข้าแข่งขันน้อยและป้าก็ทำให้ดีที่สุด ป้าอยู่ที่สุดท้ายไม่รู้จะทำยังไงก็เลยเล่นกับชาวบ้าน นักท่องเที่ยว สนุกสนาน ป้าก็ทักทายนักท่องเที่ยวจนเขาตามมาขอถ่ายรูปตอนวิ่ง มันประทับใจ เหมือนกับการได้มิตรภาพและได้ช่วยดูแลการท่องเที่ยววิธีหนึ่งด้วย”

ขึ้นชื่อว่า 'ไตรกีฬา' แน่นอนว่าต้องใช้พละกำลังมากพอสมควร เพราะต้องแข่งขันกีฬาถึง 3 ประเภทใน 1 วัน ทั้งปั่นจักรยาน ว่ายน้ำ และวิ่ง มองเผินๆ คงไม่น่าตื่นเต้นเท่าไหร่นัก หากไม่ได้เป็นกีฬาอันโปรดปรานของนักแข่งวัย 66 ปี และยิ่งสร้างความตกใจขึ้นไปอีกระดับ หลังจากได้ฟังเธอเล่าถึงประสบการณ์สุดโหดต่อจากนี้

“เริ่มแรกว่ายน้ำ 1.5 กิโลเมตร แต่วันนั้นพายุเข้า มีฝนตก คลื่นแรง ว่ายรอบแรกนี่ถอดใจ อายุปูนนี้ 750 เมตรไหวก็ดีแล้ว ขึ้นมาบอกเด็กๆ ว่าป้าตัดตัวดีกว่า ขอออกจากการแข่งขัน เขาบอกว่าอีกนิดหนึ่งป้ามันจะสงบแล้วนะ ป้าเลยลงไปว่ายต่อ พอลมสงบเรามีความมั่นใจขึ้นเลยว่ายได้ดีขึ้น ต่อมาปั่นจักรยานทำเวลาได้ดีค่ะ 40 กิโลเมตร แล้วมาวิ่งอีก 10 กิโลเมตร”

หลายคนอาจมองว่าการจะผ่านแต่ละด่านสุดหินไปได้คงเหมาะสำหรับวัยหนุ่มสาวที่ยังมีไฟ ทว่า ไฟในใจยังลุกโชนเป็นพลังให้เธอออกไปทำตามฝันอยู่เสมอ ทีมงานจึงอดสงสัยไม่ได้ว่าด้วยอายุที่แตะเลขหกจะมีอุปสรรคใดๆ เกิดขึ้นบ้างหรือไม่

“ไม่เป็นเลยค่ะ ที่จริงป้าคิดว่าการที่เราดูแลสุขภาพให้ดี มันเป็นมรดกล้ำค่าสำหรับลูกหลานเลยนะ เพราะว่าเขาไม่ต้องดูแลเรามาก เผลอๆ เราอาจช่วยดูแลเขาต่อไปนานๆ ได้อีกด้วย ข้อดีอีกอันคือ ผู้สูงวัยส่วนใหญ่ชอบอยู่ติดบ้าน หรือไม่ลูกหลานชอบให้ผู้สูงวัยอยู่บ้าน อย่าไปไหนนะแม่ อย่าไปไหนนะยาย ทำให้อยู่ในคอมฟอร์ตโซนที่มันทำลายศักยภาพ ผู้สูงวัยเลยไม่ค่อยกล้าออกไปไหน”
ภาพ Refill Marathon
 
สิ่งหนึ่งที่ดูจะเป็นเอกลักษณ์สะดุดตาและดึงดูดความสนใจแก่ผู้พบเห็นเป็นจำนวนมาก คงหนีไม่พ้นคาเรกเตอร์ชุดโจงกระเบนสไตล์ที่บ่งบอกความเป็นตัวตนของเธอได้อย่างชัดเจน ทำเอาใครหลายคนขอเซลฟี่ด้วยไม่ขาดสาย ถือเป็นการสร้างรอยยิ้มและสีสันให้กับการแข่งขันไตรกีฬาทุกครั้งไป

“ตอนแรกๆ ที่ใส่มีคนไหว้เยอะนะ เพราะเหมือนตัวตลก ขนาดไปเรียนแพทย์แผนไทยที่ราชภัฏจอมบึง อาจารย์ที่สอนแพทย์แผนไทยยังบอก เธอจะมารำวงกันหรือไง (หัวเราะ) เลยเฉยๆ ไม่ได้ตอบท่าน แต่ก็ยังใส่ต่อไป เพราะมันสบายดี ปั่นจักรยานเสร็จก็ลงเข้าเรียนได้ เจอวัดก็เข้าวัด เยี่ยมสถานที่ราชการก็เข้าได้เลย เพราะมันเรียบร้อย ยิ่งใช้จักรยานเวลาเดินทางต้องพกพาสัมภาระให้น้อยที่สุด ทุกวันนี้ใส่โจงกระเบนเป็นวิถีชีวิตประจำวันไปเลย”

ส่วนเหตุผลที่เธอเลือกใส่ชุดโจงกระเบนนั้น เธออธิบายว่าด้วยความที่แข่งขันไตรกีฬาทั้งว่ายน้ำ ปั่นจักรยาน และวิ่ง การเลือกชุดให้เหมาะกับสรีระร่างกายและสร้างความมั่นใจจึงเป็นสิ่งสำคัญ แม้ก่อนนี้เธอเองจะเคยใส่ชุดกีฬาเหมือนคนทั่วไปก็ตาม แต่นั่นก็ยังไม่ตอบโจทย์ความเป็นป้าปิ๋ว

“ลองมาหลายชุดแล้วค่ะ ทั้งแบบของตะวันตกแพงๆ แต่ใส่แล้วมันไม่สบายตัวเพราะเป็นใยสังเคราะห์ ให้ใส่เนื้อฝ้ายแท้ๆ มันก็หนักไป ป้าเลยมาเจอผ้าถุงคิดในใจสบายดีนะ เวลาเปียกน้ำ ปั่นๆ ไปก็แห้ง ดูแลง่าย ซักง่าย มันเลยกลายเป็นสไตล์ของป้าไปเลย ที่สำคัญมันไม่แพงด้วย”

ถือว่าเธอนั้นคือผู้ที่สร้างแรงบันดาลใจให้กับใครหลายคนให้หันมารักสุขภาพ และทำตามความฝันโดยไม่มีตัวเลขอายุมาเป็นข้อแม้ แน่นอนว่าการมีสุขภาพร่างกายที่ดีไม่เพียงแต่หมั่นออกกำลังกายอยู่เสมอเท่านั้น การคิดดี ทำดี จากภายในตามหลักพระพุทธศาสนานั้นคือสิ่งที่เธอเรียกว่าความสุขที่แท้จริง

“สนใจธรรมะมานานแล้ว แต่มาได้ปฏิบัติ มาได้เข้าใจช่วงหลังๆ ช่วงที่ไปอยู่กับธรรมชาติ นึกง่ายๆ ธรรมะก็แค่ธรรมชาติและตัวเรา แต่ก่อนเราชอบพูดถึงแต่คนอื่น นิสัยแย่ กร่าง อาลาวาดกับลูก นึกสงสารลูกเหมือนกันและได้ขอโทษลูกไปแล้วว่า ที่แม่ทำไม่ดีเมื่อก่อนนี้แม่ขอโทษด้วย เราอภัยให้กัน
 
แต่ก่อนลูกๆ จะไม่ค่อยสนิทกับแม่ ด้วยหน้าที่เราต้องยิ้มให้กับคนอื่น แต่ทำไมกับลูกเราถึงแสดงกิริยาไม่ดี มองย้อนไปดูตัวช่วงนี้ดีขึ้นเยอะ เราปรับตัวเราจากการได้เรียนรู้ธรรมะ หลักคำสอนที่ได้ถือใช้กับชีวิตตัวเองคือ สติปัฏฐาน 4 ป้าได้แรงบันดาลใจจากตรงนี้เยอะมาก”

ด้วยวัยที่บอกเล่าเรื่องราวประสบการณ์ชีวิตของเธอ ทำให้เธอผ่านร้อนผ่านหนาวหลากหลายฤดูกาลแห่งชีวิต ทว่า ขณะนี้คงไม่มีสิ่งใดที่เธอจะโหยหาหรือต้องการมีไว้ครอบครองอีกแล้ว เพราะชีวิตได้ลงเอยที่คำว่า ‘พอเพียง’ อย่างสมบูรณ์แล้วนั้นเอง “พอถึงจุดนี้มันไม่มีอะไรอยากแล้วล่ะ เอาแค่อยู่สบาย อยากของป้าปิ๋วคืออยากศาสนาให้รอบๆ ตัวเรา ความอยากมันลดลง แต่ถ้าอันไหนดีก็พร้อมที่จะทำ”
ภาพ Spin Sonic
เรื่องโดย : พิมพรรณ มีชัยศรี
ภาพประกอบเฟซบุค https://www.facebook.com/pranee.pariwat


กำลังโหลดความคิดเห็น