xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

ตรวจเบนซ์โบราณ-ธัมมชโยปาราชิก “สมเด็จช่วง”ส่อแห้วสังฆราช

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

รถเบนซ์รุ่นคลาสสิก ที่วัดปากน้ำภาษีเจริญ
ผู้จัดการสุดสัปดาห์ - อาการเหิมลำพองของเครือข่ายวัดพระธรรมกายต้องฝ่อลงไปถนัดตา เมื่อแผนการณ์การเร่งรัดแต่งตั้งพระสังฆราชองค์ใหม่ต้องถูกชะลอเอาไว้และยังไม่อาจจะคาดเดาได้ว่าจะใช้เวลานานอีกเท่าใด ด้วยปัญหาส่วนตัวของสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ (ช่วง วรปุญฺโญ) เจ้าอาวาสวัดปากน้ำภาษีเจริญ ที่เริ่มปรากฏชัดเจนขึ้นเป็นลำดับ

“สมเด็จช่วง”ถูกเสนอชื่อเป็นสมเด็จพระสังฆราชองค์ที่ 20 ตามมติมหาเถรสมาคม โดยใช้หลักเกณฑ์ตามมาตรา 7 พ.ร.บ.คณะสงฆ์ พ.ศ.2505 แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ.2535 ที่บัญญัติให้มหาเถรสมาคมลงมติเสนอชื่อพระราชาคณะชั้นสุพรรณบัฏมีอาวุโสสูงสุดโดยสมณศักดิ์ ต่อนายกรัฐมนตรี เพื่อเสนอขึ้นทูลเกล้าฯ ทรงสถาปนาเป็นพระสังฆราชองค์ใหม่

จะเห็นว่าการเสนอสมเด็จช่วง เป็นไปอย่างเร่งรีบ โดยที่ประชุมมหาเถรสมาคม วาระลับพิเศษโดยไม่มีข่าวแพร่งพรายให้คนภายนอกได้รับรู้ แม้แต่สื่อมวลชน เมื่อวันที่ 5 มกราคม 2559 หลังจากพิธีพระราชทานเพลิงศพสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เพียง 2 สัปดาห์

จนกระทั่ง เมื่อวันที่ 13 มกราคม 2559 นายชยพล พงษ์สีดา รองผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) จึงได้เปิดเผยอย่างเป็นทางการว่า มหาเถรสมาคมได้แจ้งมติการประชุมลับนัดพิเศษเมื่อวันที่ 5 ม.ค.2559 มายัง พศ.เรื่องการเสนอชื่อสมเด็จพระสังฆราชองค์ใหม่แล้ว

จากนั้น พศ.ได้นำเสนอผ่านนายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อเสนอ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี นำขึ้นทูลเกล้าฯ ต่อไป

อย่างไรก็ตาม เมื่อปรากฏเป็นที่ชัดเจนว่า สมเด็จช่วงได้รับการเสนอชื่อเป็นสมเด็จพระสังฆราชองค์ใหม่ กระแสคัดค้านก็ดังขึ้นทันที จากปัญหาส่วนตัวของสมเด็จช่วงที่ยังไม่สามารถพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเองได้

ทั้งจากกรณีการครอบครองรถหรูอันมีที่มาไม่ชัดเจน และกรณีการปกป้อง “ธัมมชโย” แห่งวัดธรรมกาย ที่สมเด็จช่วงเป็นพระอุปัชฌาย์ ทำให้ขาดความชอบธรรมที่จะเป็นประมุขของสงฆ์ไทยทั้งประเทศ

กรณีการครอบครองรถหรูนั้น สมเด็จช่วงมีชื่อเป็นเจ้าของรถเบนซ์รุ่นคลาสสิกหลายคัน โดยเฉพาะรถเบนซ์รุ่นรหัสตัวถัง W186 ทะเบียน ขม 99 เป็นหนึ่งในรถหรู 6,757 คัน ที่ปรากฏในบัญชีดำของกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ)เข้าข่ายสำแดงเท็จเป็นรถจดประกอบเพื่อหลีกเลี่ยงภาษี หลังพบเงื่อนงำว่ามีการทำนิติกรรมอำพราง สำแดงหลักฐานเป็นเท็จ

การตรวจสอบของดีเอสไอในกรณีนี้ คืบหน้าไปพอสมควร โดยเมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2559 ร.ต.อ.สุรวุฒิ รังไสย์ รอง ผบ.สำนักคดีเทคโนโลยีและสารสนเทศ ดีเอสไอ ได้นำกำลังนำหมายค้นของศาลอาญาเข้าตรวจค้นเป้าหมายรวม 5 จุด ซึ่งเกี่ยวข้องกับการสืบสวนการครอบครองรถจดประกอบของสมเด็จช่วง ประกอบด้วย 1) หจก.อ๊อด 89 เอ็นเตอร์ไพรส์ (ประเทศไทย) จำกัด เขตบางแค กทม. 2)บ้านในซอยวัชรพล 2/5 ถนนรามอินทรา แขวงท่าแร้ง เขตบางเขน กทม. 3)หจก.ไทยสวัสดีดีเซล เขตสัมพันธวงศ์ กทม. 4)ร้านเซ้งเชียงฮวด ถนนทรงสวัสดิ์ เขตสัมพันธวงศ์ กทม. และ 5)อู่รถโบราณ บริษัท แอนซีทรานสฟอร์เมอร์ จำกัด ถนนเพชรเกษม อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร โดยเจ้าหน้าที่ได้ยึดเอกสารจากทั้ง 5 จุดมาตรวจสอบ

มีรายงานว่า จากการตรวจสอบเอกสารเบื้องต้น พบพิรุธวันเวลาในการยื่นจ่ายภาษีสรรพสามิตทั้งที่รถยังประกอบไม่เสร็จ ซึ่งอาจมีการทำเอกสารเท็จ อีกทั้งพยานบางรายยังให้การยืนยันว่าถูกปลอมลายมือชื่อในขั้นตอนการยื่นขอจดทะเบียนรถ

วันที่ 3 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ดีเอสไอ ได้เชิญนายวิชาญ รัษฐปานะ เจ้าของอู่ซ่อมรถยนต์โบราณย่านถนนเพชรเกษม เข้าให้ปากคำในฐานะพยานคดีรถยนต์โบราณของสมเด็จช่วง และได้ให้ข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับการซ่อมรรเบนซ์ ทะเบียน ขม 99 ของสมเด็จช่วง ซึ่งได้รับการว่าจ้างจากผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดปากน้ำให้ดำเนินการปรับปรุงสภาพรถในราคาเบ็ดเสร็จกว่า 1 ล้านบาทเศษ ในช่วงปี 2553-2554 แต่นายวิชาญไม่ทราบว่ามีการจดทะเบียนหรือยัง และหลวงพี่ที่วัดปากน้ำผู้นำรถมาให้ไม่ได้บอกว่านำมาจากไหน

หลังจากนี้ ดีเอสไอ จะเชิญผู้ที่เกี่ยวข้องกับรถคันดังกล่าวจากแต่ละจุดมาให้ปากคำเพิ่มเติม และคาดว่าจะแถลงความคืบหน้าในวันที่ 20 กุมภาพันธ์นี้

ส่วนอีกกรณี อาจไม่ใช่คดีความที่เกี่ยวข้องกับสมเด็จช่วงโดยตรง แต่เป็นกรณีของ “ธัมมชโย” แห่งวัดธรรมกาย ผู้ที่สมเด็จช่วงเคยเป็นพระอุปัชฌาย์ให้ และเคยแสดงท่าทีปกป้องอย่างออกหน้าออกตาหลายครั้ง ซึ่งทำให้ความชอบธรรมของสมเด็จช่วงที่จะขึ้นเป็นพระสังฆราชองค์ใหม่ต้องลดน้อยถอยลงไปด้วย

คดีสำคัญของ“ธัมมชโย”ขณะนี้ มีทั้งเรื่องที่เข้าไปเกี่ยวพันกับการยักยอกเงินสหกรณ์เครดิตยูเนียนคลองจั่น โดยนายศุภชัย ศรีศุภอักษร ในฐานะเป็นผู้มีชื่อรับเช็คจากนายศุภชัย ราว 2 พันล้านบาท ทั้งที่ไม่มีมูลหนี้ ซึ่งดีเอสไอกำลังสอบสวนว่าเป็นการฟอกเงินหรือรับของโจรหรือไม่

อีกคดี คือการต้องโทษอาบัติปาราชิกตามพระลิขิตสมเด็จพระสังฆราชองค์ก่อน หลังการถือครองที่ดินและทรัพย์สินเข้าข่ายกระทำผิด ว่า เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับ พ.ร.บ. คณะสงฆ์ พ.ศ. 2505 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2535 ซึ่งดีเอสไอได้ตรวจสอบแล้ว พบว่าอยู่ในความรับผิดชอบของ มหาเถรสมาคมที่จะต้องวินิจฉัยกรณีดังกล่าว

ดีเอสไอได้ส่งหนังสือให้ พศ.ตั้งแต่ต้นเดือนมกราคม 2559 เพื่อให้ พศ.ซึ่งทำหน้าที่เป็นเลขานุการของมหาเถรสมาคม แจ้งไปยังมหาเถรสมาคมให้ประชุมเพื่อลงมติว่าธัมมชโยปาราชิกหรือไม่และหากไม่ดำเนินการ พศ.ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐอาจมีความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ

พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผู้อำนวยการศูนย์บริหารคดีพิเศษ บอกว่า หากมหาเถรสมาคมมีมติอย่างไร จะต้องมีการแจ้งตอบกลับมายังดีเอสไอ และหากมีผู้ไม่เห็นด้วยกับมติของมหาเถรสมาคม ก็สามารถใช้สิทธิในการดำเนินการฟ้องร้องคดีเองได้ หรือมาร้องทุกข์กับเจ้าหน้าที่ให้ดำเนินการเอาผิดกับมหาเถรสมาคมได้ เนื่องจากไม่เห็นด้วยกับมติของมหาเถรสมาคม พร้อมกับเสนอให้รื้อกระบวนการพิจารณากันใหม่

นั่นเท่ากับว่า การจะทำให้ธัมมชโยพ้นจากมลทินโดยหมดจดนั้น เป็นเรื่องยากที่จะทำได้สำเร็จโดยเร็ว ซึ่งก็จะเชื่อมโยงไปถึงความชอบธรรมของสมเด็จช่วงด้วย

เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความคืบหน้าการเสนอสมเด็จช่วง เป็นสมเด็จพระสังฆราชให้นายกรัฐมนตรีว่า ยังรอรายงานจากสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติอยู่ ยังไม่ทราบว่าจะเสร็จเมื่อใด และการที่จะเสนอเรื่องให้นายกฯ ได้นั้นต้องรวบรวมทุกเรื่องที่นายกฯ จำเป็นต้องทราบ ต้องตอบคำถามของนายกฯ ได้ แต่ขณะนี้ตนยังไม่สามารถตอบคำถามต่างๆ ของนายกฯ ได้ จึงไม่สามารถเสนอเรื่องให้นายกฯ ได้ในตอนนี้

นายสุวพันธุ์บอกว่า กระบวนการเรื่องดังกล่าวขึ้นอยู่กับตน เพราะขั้นตอนนี้เป็นความรับผิดชอบของตน หากจะตำหนิต้องตำหนิตนว่าไม่ผลักดันให้มีความคืบหน้า แต่คนที่ทำเรื่องนี้อยู่ต่างรู้ดีว่าเรากำลังทำอะไร มีเรื่องใดที่น่าเป็นห่วงและหวังจะได้เห็นอะไรเกิดขึ้นในสังคม เชื่อว่าทุกฝ่ายเข้าใจดีว่ารัฐบาลคิดเห็นอย่างไร ยืนยันว่าไม่ได้ถ่วงดึงหรืออะไรเลย

อ่านนัยคำพูดของรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ แล้ว การเสนอชื่อสมเด็จช่วงให้นายกฯ นำขึ้นทูลเกล้าฯ นั้น คงจะไม่สามารถทำได้ในช่วงเวลาอันใกล้นี้อย่างแน่นอน ในเมื่อยังมีหลายๆ เรื่อง ที่อาจจะตอบคำถามนายกฯ ไม่ได้

และที่สำคัญคือตอบสังคมไม่ได้

โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคดีความทั้งกรณีการครอบครองรถหรู หรือคดีธัมมชโย ปรากฏความผิดชัดเจน การเสนอชื่อสมเด็จช่วงขึ้นเป็นพระสังฆราชองค์ใหม่ ก็จะมีอันต้องล้มเลิกไปโดยปริยาย

หรือ หากคดียังยืดเยื้อออกไปเรื่อยๆ โดยไม่รู้วันจบ กรณีนี้สมเด็จช่วงจะรอได้หรือไม่ เพราะอายุก็ย่าง 91 ปีแล้ว


กำลังโหลดความคิดเห็น