ทพ.เผด็จ พูลวิทยกิจ“ผมอยากให้ดลฤดีขอขมาอาจารย์และผู้มีพระคุณทุกท่าน” “ต้องมาขอโทษคนไทยทั้งประเทศที่ทำให้เสียชื่อเสียง”

ผู้จัดการสุดสัปดาห์ - “ทำคุณบูชาโทษ โปรดสัตว์ได้บาป” น่าจะเป็นสำนวนที่ขยายความกรณี ทพญ.ดลฤดี จำลองราษฎร์ อดีตอาจารย์คณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล หนีทุนได้เป็นอย่างดี

ขณะที่หล่อนพำนักอย่างสุขสบายในสหรัฐอเมริกา ผู้มีพระคุณทั้ง 4 คนที่ร่วมกันเซ็นสัญญาค้ำประกันส่งเธอไปศึกษายังต่างแดน เพื่อนำความรู้ความสามารถที่ได้มาพัฒนา ประเทศชาติ กลับต้องกล้ำกลืนฝืนทนชดใช้ค่าเสียหายร่วมกันกว่า 8 ล้าน

กลายเป็นรอยแผลกรีดลึกสร้างความเจ็บปวดแสนสาหัสแก่ผู้ปรารถนาดีต้องมาชดใช้กรรมที่ตนไม่ได้ก่อ เจอบทเรียนราคาแพงแบบนี้แล้วต่อไปใครเล่าจะยินยอมพร้อมใจเป็น “ผู้ค้ำประกัน” ในการขอทุนรัฐบาลเพื่อไปศึกษายังต่างประเทศ

ผู้จัดการสุดสัปดาห์ ฉบับนี้ เปิดใจหนึ่งในผู้เสียหาย ทพ.เผด็จ พูลวิทยกิจ ซึ่งปัจจุบันลาออกจากราชการ เป็นทันตแพทย์อยู่คลินิกทันตกรรมแห่งหนึ่ง ในจังหวัดสระบุรี ซึ่งออกมาตีแผ่ประเด็นดังกล่าวอย่างหมดเปลือกด้วยหวังว่าจะเป็นบทเรียนเปลี่ยนแปลงบางอย่างในสังคมไทย หลังชดใช้ค่าเสียหาย “ทุนมหิดล” ที่ต้องแบกรับแทน มากกว่า 2 ล้านบาทให้กับทางมหาวิทยาลัยมหิดล คืนสู่คลังของรัฐต่อไป

ประเด็นที่คุณหมอเปิดเผยได้รับความสนใจในสังคมไทยอย่างมาก ตอนนี้มีคาดหวังอย่างไรบ้าง

จริงๆ แล้วเป็นการระบายอารมณ์อย่างเดียวเลย คือผมบอกว่าผมใช้หนี้กรรมให้เขาแล้ว เพราะว่าอย่างที่ผมเคยบอกหลายๆ รายการ ผมต้องเดินทางไปประชุมที่มหาวิทยาลัยมหิดลบ่อยครั้งมาก ต้องทยอยหาเงินทีละนิดทีละหน่อย ต้องมานั่งคอย มันเครียดนะ คือผมเครียดมากมานานแล้ว คือถึงเวลานัด วันที่ผมไปประชุมรอบสุดท้ายของผมแล้ว ผมขอใช้คำว่าไร้สาระในชีวิตผมเลยนะ มันโหดร้ายกับผมมาก ผมอยากจะทำอะไรที่มีสาระในชีวิตผมอยากจะทำงาน แล้วก็ทำงานที่เป็นประโยชน์กับตัวเองมากกว่าเป็นประโยชน์กับคนอื่นอย่างนี้ ก็เลยโพสต์ลงไปว่าหมดสิ้นเวรกรรมสักทีแล้วนะ ถึงแม้จะเป็นเงินของผม ผมแค่เอาเงินใช้ธนาคารแล้วหาเงินใช้อย่างเดิม และผมอยากจะเตือนเพื่อนที่อยู่ในเฟซบุ๊ก เป็นเพื่อนกับผมเขาก็รู้เรื่องนี้อยู่แล้ว อย่าไปมองในเรื่องของชาติตระกูล อย่าไปมองในเรื่องของการศึกษาว่าถ้าคุณค้ำให้เขา เขาจะไม่ทำอะไรคุณ

ถามว่าคาดหวังอะไรเหรอครับ คือตอนนี้สังคมไทยทำให้ผมเยอะมากเลยนะครับ ผมไม่คิดว่าเรื่องมันจะมาถึงได้มากขนาดนี้ เพราะว่าจริงๆ ที่โพสต์ แค่โพสต์ระบายอารมณ์เฉยๆ แต่ว่าคนเอาไปส่งต่อๆ กัน ผมว่าเป็นเรื่องที่ทุกคนไม่ได้มองว่ามันเป็นความเดือดร้อนของผมคนเดียวนะ แต่ว่าสิ่งที่เขาทำมันไม่ถูกต้อง ตามหลักจริยธรรม ประเทศไทยถือในเรื่องของความกตัญญูรู้คุณมันก็เลยทำให้หลายๆ คนรับไม่ได้กับการเนรคุณกับผู้อื่นโดยเฉพาะคนที่เป็นอาจารย์ ก็เลยทำให้กระแสมันไปไกล ตอนนี้มันไปทั่วโลกแล้ว

ผมไม่ต้องการฟ้อง ผมต้องการให้เกิดการเปลี่ยนแปลงกับผู้ค้ำประกัน อย่างที่ผมบอก ลองไปอ่านในเฟซบุ๊กนะ (www.facebook.com/padetunity) ถ้าเป็นอย่างที่มหิดลแถลงฯ ผู้คำ ประกันกันเตรียมหนีได้เลย และอีกหลายๆ คนที่เตรียมค้ำประกันก็ไม่เซ็นแล้ว นี่แหละจะทำ ให้เกิดปรากฎการณ์ต่อไปใครจะเซ็นครับ สิ่งที่ผมทำผมไม่ได้ทำเพื่อตัวผม ผมจ่ายเงินไปหมดแล้ว ผมอยากเห็นความเปลี่ยนแปลงว่าจะทำอย่างไร

ย้อนกลับไปตอนที่ทราบว่าผู้ค้ำประกันทั้งหมดจะถูกดำเนินคดี ก่อนจะชำระค่าเสียหายกรณี ผิดสัญญาทุนมหิดล เมื่อต้นเดือน ก.พ. 2559

เราก็ต่อสู้กันมาเรื่อยๆ นะ เพียงแต่ว่าอย่างที่บอกเราต่อสู้กันมาจนถึง กรมบัญชีกลาง เป็นคนช่วยเรา ขอผ่อนโดยไม่มีดอกเบี้ย ก็คือช่วยผ่อนต้นไม่มีดอกเบี้ย คือคดีกำลังจะหมดอายุความระหว่างผมกับมหาวิทยาลัยมหิดล มหาวิทยาลัยเร่งผมอยู่ทุกวันถ้าผมไม่ไปจ่ายเงินให้ เขาจะยึดทรัพย์ คุณรู้ไหมว่าการติดต่อผมกับมหาวิทยาลัยคืออะไร? ติดต่อคนค้ำ ประกันที่เหลือให้รีบไปจ่ายตังค์ถ้าไม่จ่ายตังค์ยึดทรัพย์ นั่นคือความกรุณาของมหาวิทยาลัยเหรอครับ? เป็นคุณๆ จะรู้สึกอย่างไร? ถ้าเขาแถลงการณ์แบบนี้ (3 ก.พ. 2559) แต่เขาก็ไม่กล้าแถลงการณ์เรื่องจริงนะ ผมเชื่อว่านักข่าวที่ไปฟังรู้สึกมีคำถามเยอะ มีนักเรียนทุนที่ไปฟังเขายังพูดเลยว่ามันมีอะไรที่มันแปลกหลายเรื่อง ทั้งเรื่องการอนุมัติให้ลาออกหรือการทำคดี ซึ่งดูแล้วทำน้อยไป แล้วรีบพูดเสร็จก็ออกเลย

กำลังบอกว่าทางมหาวิทยาลัยไม่จริงจังและไม่จริงใจในการให้ความช่วยเหลือ

คนเสียหายดำเนินการเองเป็นเรื่องปกติ แต่พูดกันตรงๆ มหาวิทยาลัยเป็นคนออกหนังสือก็ได้ แต่คนเดินเรื่องคือเรา แต่ทีนี่แม้แต่การพิมพ์หนังสือเขายังไม่พิมพ์เลย เขาไม่ออกแอ็กชั่น หรือคุณจ่ายเงินไปก่อน มหาวิทยาลัยมีทางออกให้คุณ หรือว่าอาจจะช่วยคุณในเรื่องของการให้เงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ หรือว่าให้กู้โดยไม่เสียดอกเบี้ย นี่เขาไม่ทำอะไรเลยครับ! แล้วเขาบอกให้ความช่วยเหลือ? อย่างที่เขาให้สัมภาษณ์ผมก็ไม่รู้จะพูดอะไร หลายๆ คนบอกว่าเขาไม่แถลงจะดีเสียกว่า คือเขาโยนเรื่องไปที่ สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) อย่างเดียว หรือกรณีการลาออกของดลฤดี การทำเรื่องลาออกของเขาเป็นการทำเรื่องย้อนหลัง เจ้าตัวทำเรื่องการลาออกผิดระเบียบ การลาออกตามขั้นตอนคือจะต้องเขียนตามลำดับชั้น แต่ตอนนี้มันไม่มีอะไรเลยครับ ในส่วนมหาวิทยาลัยผมอยากให้เขาเอาหลักฐานทั้งในเรื่องของคดี ใบลาออก ในเรื่องของการประชุมสภามหาวิทยาลัยมาแสดงออกเพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบได้ เพื่อให้เกิดความโปร่งใส

มีการพูดคุยในกลุ่มผู้เสียหายว่าอย่างไรบ้าง วงเงินที่ต้องชดใช้ตกรายละ 2 ล้านบาท ไม่ใช่เงินจำนวนน้อยๆ เลย

เขาผิดหวังเขาต้องดำเนินชีวิตกันเองต่อไป ถ้าถามเรื่องความลำบากหมอฟันทุกคนไม่อัตคัด เพียงแต่ว่าเราทุกคนต้องทำงานหนักขึ้นเพื่อที่จะหาเงินมาชำระดอกเบี้ยคดี 2 ล้านกว่า คุณคิดว่าดูว่าต้องผ่อนจ่ายแต่ละเดือนมันก็หลายบาท ลองคิดดูมีใครช่วยไหมครับ มหาวิทยาลัยช่วยไหมครับ แล้วท่านที่เกษียณ ก็ลำบากมากหน่อย (ติดต่อไปทางครอบครัวบ้างไหม) เคยนะครับ แต่เขาก็พูดถึงว่าคนๆ นี้ เหมือนเขาตัดหางปล่อยวัดแล้วเขาไม่สนใจ

ทุกคนที่มีส่วนของการค้ำประกันรู้สึกเสียใจนะครับ ที่เขาทำกับพวกเราขนาดนี้ทั้งที่เรา ปรารถนาดีกับเขา เมื่อคุณเซ็นไปแล้วคุณก็ต้องยอมรับเป็นผู้รับผิดชอบในส่วนของค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น เพราะว่าคุณเซ็นมีผลทางกฎหมาย มันก็ทำอะไรไม่ได้ครับ เพราะว่าเราไปเซ็นให้เขาเอง สมมติคุณไปเซ็นให้เขาเองก็ต้องรับผิดชอบมันก็เป็นเรื่องของเราเอง

จากกระแสในโซเชียลมีเดียมีผู้คนจำนวนมาก หยิบยื่นน้ำใจอยากให้การช่วยเหลือด้วยการเรี่ยไรบริจาคทรัพย์แก่คุณหมอด้วยใช่ไหม

จริงๆ มีหลายคน ก็ยื่นเป็นจำนวนเงินให้ผมเลยนะครับ แต่อย่างที่ผมว่าผมโพสต์ตรงนี้ ผมไม่ต้องการเอาตรงนี้มาหาผลประโยชน์ จริงๆ ผมทราบว่าทุกท่านให้ความกรุณาผม แต่จะเอาเงินมาให้มันไม่ใช่เงินของผม บางคนมาพูดให้ฟัง เขาบอกว่าเขาเป็นแม่ค้า มีรายได้วันละ 200 บาท อยากเอาเงินให้คุณหมอ หรือบางคนถ้ามีการระดมทุนจริงๆ ผมมองว่าผมไม่อยากให้ทุกท่านเดือดร้อน ทุกท่านให้กำลังใจผม ผมก็เข้าใจแล้วครับ ณ วันนี้ผมยังยืนอยู่ได้ ถ้าผมไม่ไหว ผมจะบอกเอง

หลังตกเป็นข่าวใหญ่โต ดูเหมือนทางแพทย์หนีทุนติดต่อคุณหมอมาด้วย

พอเป็นข่าวเขาก็ติดต่อมาแต่ก็อย่างที่บอกยังยืนยันคำเดิม ไม่มีตังค์ คดีกำลังจะหมดอายุความระหว่างผมกับมหาวิทยาลัย อย่างที่บอกไปเขาเร่งผมอยู่ทุกวันถ้าผมไม่ไปจ่ายจะยึดทรัพย์ เรื่องดังขนาดนี้ แต่ดูโพสต์ที่ผมตอบนะครับก็ยืนยันว่า ไม่มีตังค์ ถ้ามีก็จะติดต่อไปให้ คือเขายังแสดงจุดยืนไม่ถูกต้องเลยนะ อย่างที่ผมบอกเขามีเลขที่บัญชีพวกผมอยู่แล้ว ถ้าคุณคิดอยากจะใช้เงิน คุณก็โอนเงินมาเลยสิครับ แล้วส่วนที่เหลือถ้าคุณหาไม่ได้คุณก็บอกเลย เดี๋ยวฉันจะทำสัญญาชดใช้เงินคืนให้ที่สหรัฐอเมริกาเลย มันจะส่งผลทางกฎหมายทันที แต่ถ้าพูดแบบนี้มันก็พูดลอยๆ คุณจะเชื่อไหมครับ? ถ้าเขาจริงใจจริงเลขที่บัญชีมีอยู่แล้ว มันไม่มีปัญหาอยู่แล้ว แต่ตรงไหนที่คุณหาไม่ทันคุณไปทำสัญญาที่นู้นเลย ถ้ามีอะไรจริงๆ เราสามารถที่จะฟ้องร้องกันได้ที่นู้นเลย ผมว่าพูดแบบนี้มันไมได้สร้างความมั่นใจให้ผมเลย

ผมเคยพูดหลายครั้งแล้วนะ หนึ่ง - ผมอยากให้ดลฤดีนำเงินมาชำระผู้ค้ำทั้งหมดรวมถึง ดอกเบี้ยด้วยนะครับ สอง - เขาจะต้องมาทำการขอขมาอาจารย์และผู้มีพระคุณทุกท่านที่เขาเคยล่วงเกิน จะต้องมาขอโทษคนไทยทั้งประเทศ ที่ทำให้ประเทศไทยเสียชื่อเสียง เพราะเขาทำผิดต่อผู้มีพระคุณและทำผิดต่อจริยธรรมอันดีงามของประเทศไทย คนไทยรับไม่ได้ เพราะเขาทำผิดให้คนไทยเสียงชื่อเสียง ถ้าเขาทำได้..ผมว่าหวังว่า คนไทยจะให้อภัยเขา

เหตุการณ์ดังกล่าว แน่นอนส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจผู้ค้ำประกันรายอื่นๆ ค่อนข้างมาก เลย

ใช่ครับ ผมถึงบอกไง ทุกวันนี้ผมไม่ได้ทำเพื่อตัวผมเองนะ ผมเสียสละตัวเองเพื่อมหาวิทยาลัยทำงานเพื่อมหาลัยเพื่อประเทศชาติ ผมเสียเงิน 2 ล้านกว่า และไม่ได้อะไรอยู่แล้ว แต่มันมีโอกาสเปลี่ยนแปลงกฎหมายแก่ผู้ค้ำประกัน ผมไม่ได้ทำเพื่อตัวเองนะครับ เพื่อคนที่ค้ำประกันในอนาคตและประเทศชาติ เพราะว่าถ้าไม่ทำแบบนี้นะอีกหน่อยไม่มีใครกล้าค้ำประกัน คนที่ไปเรียนหนังสือจะทำประโยชน์ต่อประชาชน ตอนที่มหาวิทยาลัยมหิดลแถลงก็บอกว่าเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นได้ทั่วไป มองว่าเป็นเป็นเรื่องธรรมดาแต่ไม่เป็นข่าว เขาไม่ได้สื่อถึงว่าได้ทำอะไรเลย เขามองว่ามันเป็นเรื่องธรรมดา อีกหน่อยใครก็ทำได้

เป็นเงาสะท้อนว่าคนในแวดวงการศึกษาจำนวนไม่น้อยมองว่าเรื่องแพทย์หนีทุน เป็นเรื่องปกติ?

ผมถึงบอก ณ ตอนนี้อยากให้แก้บรรทัดฐานใหม่ คนที่กำลังจะหนีทุนรอเลย เพราะว่ามหาวิทยาลัยพูดมาอย่างนี้ ถ้าผมอยู่สหรัฐฯ ทำอะไรผมไม่ได้เลย เหมือนที่มหาวิทยาลัยพูดไง เรื่องแบบนี้มีเกิดขึ้นทั่วไปแต่ว่าไม่เป็นข่าว มหาวิทยาลัยก็มองเป็นเรื่องปกติ มหาวิทยาลัยทำอะไรไม่ได้ พอออกข่าวไปอย่างนี้คนที่จะเบี้ยว เบี้ยวทันทีเลยนะ เพราะว่าไม่มีกฎหมายทำอะไรเขาได้เลย ฟ้องถึงสหรัฐฯ ถ้าบ้าก็มาสิ

ผมว่าการที่เรายิ่งทำแบบนี้ยิ่งทำให้คนไร้จริยธรรมกันมากขึ้น เพราะว่ามันทำให้เห็นความเฉื่อยชาของกฎหมาย ความเฉื่อยชาของระบบราชการไทยที่ไม่ใส่ใจคนอื่น ที่ไม่ได้ใส่ใจกับคนอื่น ทำอะไรก็ได้ที่ให้ตัวเองได้ประโยชน์ เพราะว่าอย่างไรมีผู้ค้ำประกันรับผิดชอบอยู่แล้ว เป็นอย่างนี้แล้วอีกหน่อยผู้ค้ำประกันจะพึ่งใครละครับ? (ไม่ไล่บี้แพทย์หนี้ทุนจริงๆ จังๆ เพราะมองว่ายังไงผู้ค้ำประกันก็ต้องชดใช้แทน) ใช่ครับ ทุกคนพูดอย่างนี้หมด ในเมื่อไล่ผู้ถือทุนไม่ได้มาไล่กับผู้ค้ำ หลายคนมองว่ามันง่ายเกินไป แล้ว 10 ปีที่ผ่านมา เขาให้เวลามหาวิทยาลัยมหิดลมามากนะครับ แต่มหาวิทยาลัยไม่ทำอะไรเลย แต่ว่าไปทำกับผู้ค้ำ ซึ่ง หลายๆ คนแม้แต่นักข่าวเอง ตั้งคำถามว่าคุณตามเขาคุณตามแต่ไหน มีหลักฐานไหม

ย้อนกลับไปตอนคุณหมอตัดสินใจลงนามค้ำประกัน คิดอะไรอยู่

ตอนนั้นไม่ได้คิดอะไรครับ เพราะว่าอย่างที่เคยให้สัมภาษณ์ไปแล้วว่าผมบอกผมไม่สนิทกับเขาโดยตรง คนที่บอกคือเพื่อนเขา เป็นรุ่นพี่ผมที่สนิท ผมเรียนทันตกรรมประดิษฐ์ เขาเรียนทันตกรรมเด็ก ซึ่งผมไม่สนิทอะไรกับเขาเลย เพียงแต่ว่าคนที่มาชวนผมเนี่ย มาชวนว่า.. ให้ช่วยเซ็นให้หน่อย ให้เขากลับมาทำงานให้มหาวิทยาลัย มาทำงานให้คณะ ทำงานให้ประเทศชาติ ก็เลยทำให้ผมยอมเซ็นค้ำประกัน

ตอนผมไปออกรายการหนึ่งมีนักกฎหมายมาถามแล้วพอรู้เรื่องเขาก็บอกว่า นับถือน้ำใจ ของหมอจริงๆ เลย ทั้งที่ไม่รู้จักกัน ตอนผมไปผมให้ญาติเซ็นค้ำประกันกว่าจะได้ ผม แทบเลือดตากระเด็นเลยนะ แต่อันนี้ไม่ได้รู้จักอะไรกับเขาเลย ผมไม่เคยค้ำประกัน เป็นราย แรก ผมคิดว่าผมทำเพื่อประเทศชาติ ทำเพื่อมหาวิทยาลัย แต่สิ่งที่มหาวิทยาลัยทำกับผมกับอาจารย์ ก็อย่างที่คุณเห็น ทำให้ผู้ค้ำประกันผิดหวัง แต่สิ่งแรกที่ได้กลับมาก็ทำใจแล้วแต่ กรรม เก่า ครับ

กระแสสังคมน่าจะเป็นแรงกระเพื่อมสร้างบรรทัดฐานใหม่แก่ผู้ค้ำประกันทุนการศึกษา

นั่นคือสิ่งที่ผมบอกครับผมอยากให้เกิดการเปลี่ยนแปลง สิ่งที่ผมทำไม่ใช่เพื่อตัวผม ผมชดใช้ในส่วนของผมแล้ว แต่สิ่งที่ผมทำผมอยากให้เกิดบรรทัดฐานให้ผู้ค้ำประกันที่ยังค้ำประกันอยู่หรือที่จะค้ำประกันในอนาคต อย่างที่ผมพูดไปแล้วว่าอย่างที่มหาวิทยาลัยบอกไม่มีสิทธิ์ไปทำอะไรกับเขาเลย มันเป็นการชี้ช่องเป็น เป็น case study ให้เขาเห็นเลย อ๋อ! ถ้าเป็นแบบนี้ให้ไปอยู่เมืองนอกนะ เพราะว่าหน่วยงานไม่ทำอะไรฉัน ไปเล่นผู้ค้ำประกันอย่างเดียว อย่างนี้มันชี้โพรงให้กระรอก ไม่ได้แสดงให้เห็นว่าจะไล่บี้เขาอย่างจริงจัง ไม่แสดงให้เห็นว่าเราจะช่วยอะไรผู้ค้ำประกันได้ไหม อย่างเช่น ช่วยลดดอกเบี้ยลงได้ไหม ให้เขาจ่ายใน ดอกเบี้ย ต่ำได้ไหม ไม่มีดอกเบี้ยได้ไหม ฯลฯ