xs
xsm
sm
md
lg

“ประยุทธ์” พูดน้อยกับสื่อ - ฮึ่มกลางประชุม แท็กซี่ไม่รับผู้โดยสาร

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


ที่ประชุมหัวหน้าส่วนราชการ นายกรัฐมนตรียืนยันปี 60 เลือกตั้ง จับตาแท็กซึ่ไม่รับผู้โดยสาร “จักรทิพย์” แจงเตรียมคุยผู้ประกอบการ พร้อมถกเรื่องแฟลตดินแดง สั่งหารือวิศวกรรมสถานออกแบบใหม่ ตอบรับกับการอยู่อาศัยได้ แจงชาวบ้านจัดระเบียบคลองลาดพร้าวเดือนนี้ สั่งกำหนดรายละเอียดการใช้ทุน แก้ปัญหาคดีดลฤดี คาดอนุมัติตำบลละ 5 ล้านหมดเดือนหน้า พบแถลงข่าวกับสื่อสั้น ๆ ก่อนกลับไป

วันนี้ (5 ก.พ.) ที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา รายงานข่าวแจ้งว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ใช้เวลาในการเป็นประธานการประชุมหัวหน้าส่วนราชการ หรือเทียบเท่า นานถึง 4 ชั่วโมง โดยเริ่มจากเวลา 09.30 น. เสร็จสิ้นเมื่อเวลา 13.30 น. ซึ่งเมื่อประชุมและรับประทานอาหารกลางวันเสร็จ พล.อ.ประยุทธ์ ลงมายังบริเวณจุดแถลงข่าว ซึ่งทางกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้จัดเตรียมไว้ เพื่อให้นายกรัฐมนตรีแถลงข่าวกับสื่อมวลชน โดยระหว่างลงบันได นายกรัฐมนตรีได้สูดลมถอนหายใจ 1 ครั้ง ก่อนเดินมายังโพเดียม พร้อมกล่าวเพียงสั้น ๆ ว่า วันนี้เป็นการประชุมหัวหน้าส่วนราชการ ขับเคลื่อนงานที่สั่งการไปแล้ว รวมทั้งพิจารณาแผนงานที่จะทำต่อไปในช่วงเวลา 1 ปี 6 เดือนที่เหลืออยู่ ในการขับเคลื่อนทุกอย่างซึ่งจะมีการชี้แจงจากฝ่ายเลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.)

เมื่อพูดจบ พล.อ.ประยุทธ์ ก็ได้เดินออกจากโพเดียมการแถลงข่าวทันที ด้วยสีหน้าเรียบเฉย โดยกล่าวเพียงสั้น ๆ ว่า “ไปแล้ว” ก่อนจะเดินไปขึ้นรถเพื่อกลับมายังทำเนียบรัฐบาลทันที

ทั้งนี้ หลังจาก พล.อ.ประยุทธ์ แถลงข่าวกับสื่อมวลชนด้วยอารมณ์ฉุนเฉียวในประเด็นของร่างรัฐธรรมนูญจนเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์จำนวนมาก ตั้งแต่เมื่อวันอังคารที่ 2 ก.พ. ที่ผ่านมา จนถึงวันนี้ซึ่งเป็นวันที่สาม นายกรัฐมนตรียังคงไม่ให้สัมภาษณ์อะไรกับสื่อมวลชน ซึ่งผิดกับทุกครั้งหลังการประชุมหัวหน้าส่วนราชการ นายกรัฐมนตรีจะแถลงข่าว หรือให้สัมภาษณ์ในประเด็นต่าง ๆ เป็นระยะเวลานาน แต่วันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ใช้เวลาแถลงเพียง 20 วินาที เท่านั้น ขณะที่ นายวิสูตร ประสิทธิ์ศิริวงศ์ เลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) กล่าวภายหลังการประชุมว่า บรรยากาศในการประชุมวันเดียวกันนี้เป็นไปตามปกติ โดยนายกรัฐมนตรี ประชุมด้วยอารมณ์ปกติไม่มีท่าทีหงุดหงิดแต่อย่างใด

นายวิสูตร ในฐานะเลขานุการการประชุม เปิดเผยภายหลังการประชุม ว่า ในที่ประชุม พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงการประเมินข้าราชการ 60 ตำแหน่ง ว่า เป็นเรื่องที่ไม่มีอะไรทั้งสิ้น แต่เป็นเรื่องที่ทำเพื่อปกป้องข้าราชการ คือ ต้องมีระบบประเมินที่ชัดเจน ซึ่งต้องดูที่ผลงานเพื่อจะนำมาใช้ในการแต่งตั้ง นอกจากนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ยังสั่งการให้ข้าราชการทุกกระทรวงไปชี้แจงในเรื่องของร่างรัฐธรรมนูญ ที่รายละเอียดยังคงไม่นิ่ง แต่จะยังคงเดินไปตามแผนปฏิรูป ซึ่งยืนยันว่าจะมีการเลือกตั้งในปี 2560

ด้าน พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ มีการสอบถามถึงการทำงานของแต่ละกระทรวงว่ามีข้อขัดข้อง และแนวทางแก้ไขปัญหาอย่างไร ซึ่งนายกรัฐมนตรี สนใจในเรื่องปัญหาแท็กซี่ไม่รับผู้โดยสาร โดย พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) รายงานว่า ขณะนี้มีแท็กซี่อยู่จำนวน 130,000 คัน ซึ่งได้กำหนดแนวทางแก้ปัญหาไว้แล้วว่าจะให้ผู้บัญชาการแต่ละหน่วย หรือแต่ละจังหวัดที่มีผู้ประกอบการแท็กซี่มาพูดคุยขอความร่วมมือ โดยจะมีการประเมินผลภายใน 15 วัน และจากนั้นจะเริ่มบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง

ขณะเดียวกัน ที่ประชุมได้หารือถึงกรณีแฟลตดินแดง ซึ่งเป็นปัญหามานานทำให้ผู้ที่คิดว่าจะเสียประโยชน์ออกมาคัดค้าน โดยในประเด็นที่เห็นต่างกัน คือ เรื่องขนาดพื้นที่ที่เรียกร้องให้จัดสรรห้องละ 42 ตารางเมตร แต่เจ้าหน้าที่สามารถจัดสรรได้ตามเกณฑ์มาตรฐาน 33 ตารางเมตร นายกรัฐมนตรี จึงให้มีการหารือร่วมกับวิศวกรรมสถาน หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการออกแบบ ให้มีการออกแบบที่ตอบรับกับการอยู่อาศัยได้ และขอให้เจ้าหน้าที่ทำความเข้าใจ รวมถึงจัดลำดับให้กับผู้ที่ยอมรับหลักเกณฑ์ได้ก่อน โดยแบ่งเป็นเฟส ให้เฟสแรกกับกลุ่มคนที่ไม่มีปัญหา เพื่อให้มีการเริ่มดำเนินการได้

ส่วนปัญหาคลองลาดพร้าว ที่ประชุมมีรายงานว่า ในช่วงกลางเดือน ก.พ. นี้ จะเริ่มดำเนินการได้ในระยะ 6 - 8 กิโลเมตร และย้ายคนออกจากพื้นที่ประมาณ 1,000 ครอบครัว จากจำนวน 1,400 ครอบครัว โดยทาง กทม. และกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ได้มีการจัดชุดเจ้าหน้าที่ในการลงพื้นที่ชี้แจงทำความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่

ขณะที่การปฏิรูปตำรวจ นายกรัฐมนตรี เห็นว่า จะนำแนวทางที่ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เคยกำหนดร่วมกับแนวคิดของสภาปฏิรูปประเทศ (สปท.) ซึ่งที่ผ่านมา ได้มีการเตรียมการแล้วบางส่วน แล้วจะประชุมสรุปผล และรายงานต่อนายกรัฐมนตรี ให้แล้วเสร็จภายในสิ้นเดือน ก.พ. นี้ ส่วนงานการวิจัย นายกรัฐมนตรีให้แนวทางว่าควรจะเน้นการวิจัยพัฒนานวัตกรรมที่เกี่ยวข้องกับการเกษตร และผลผลิตทางการเกษตร เพื่อตอบรับ และสอดคล้องกับภารกิจของรัฐบาลก่อน เช่น เรื่องยางพารา

สำหรับเรื่องของโรคระบาด ซึ่งขณะนี้มี 2 ชนิด คือ โรคเมอร์ส และเชื้อไวรัสซิกา ซึ่งในส่วนของโรคเมอร์สนั้น มีการเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด รวมถึงมีการตรวจกลุ่มเสี่ยงจำนวน 42 คน ซึ่งต้องใช้เวลา โดยขณะนี้ค่อนข้างมั่นใจ หากไม่พบเชื้อดังกล่าวก็จะมีการปล่อยตัวกลับไป ขณะที่ไวรัสซิกา ที่มียุงลายเป็นพาหะ ก็สั่งการให้รณรงค์ทำลายแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลายให้ได้ และสร้างความเข้าใจให้กับประชาชนถึงเชื้อโรคดังกล่าว โดยจะต้องระมัดระวังเป็นพิเศษในกลุ่มของสตรีมีครรภ์ เพราะมีลักษณะเดียวกับโรคหัดเยอรมัน

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงปัญหาการใช้ทุนการศึกษาของแพทย์ ภายหลังจากมีกระแสข่าวว่า หลังจากนี้ จะต้องมีการกำหนดรายละเอียดให้ชัดเจน ว่า จะให้กลับมาใช้ทุนในพื้นที่ใด เพื่อให้ตอบสนองความต้องการของประชาชน และป้องกันนักศึกษาออกจากระบบ เพราะแม้ว่าจะมีการกำหนดระยะเวลาในการทำงานใช้ทุน หรือให้มีการชดใช้เป็นจำนวนเงิน ซึ่งถือว่าไม่คุ้มค่าเพราะไม่สามารถผลิตบุคลากรทางการแพทย์ได้ทัน

อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมยังมีการติดตามโครงการตามมาตรการส่งเสริมความเป็นอยู่ระดับตำบล ตำบลละ 5 ล้านบาท ทางปลัดกระทรวงมหาดไทยรายงานว่า มีการอนุมัติงบประมาณไปแล้ว 2.3 พันล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 6 - 7 แต่คาดว่าในเดือน ก.พ. จะสามารถอนุมัติงบประมาณได้ 1.5 หมื่นล้านบาท และจะให้มีการอนุมัติได้ทั้งหมดภายในเดือน มี.ค. ซึ่งปัญหาความล่าช้าเกิดจากระบบคอมพิวเตอร์ และจำนวนบุคลากร ที่จะต้องระบุข้อมูลในเอกสาร และข้อมูลในระบบคอมพิวเตอร์ เพื่อให้ตรวจสอบได้อย่างชัดเจน สำหรับปัญหาภัยแล้ง นายกรัฐมนตรี ให้ทุกหน่วยงานลงพื้นที่ทำความเข้าใจกับประชาชนมากขึ้น เพราะเชื่อว่าซึ่งหากกินระยะเวลานานจะทำให้วิตกกังวลในความรู้สึกของประชาขนมากขึ้น จึงเน้นการทำความเข้าใจ เพราะไม่อยากบังคับใช้กฎหมายกับเกษตรกรที่รัฐบาลรู้อยู่แล้วว่ามีปัญหาอะไรบ้าง


กำลังโหลดความคิดเห็น