ผู้จัดการสุดสัปดาห์ -สงสัยจะฟัดกันให้ตายกันไปข้าง ระหว่าง “พรรคประชาธิปัตย์” กับ “ชายหมู” ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) ที่ยังคงมีกระแสความเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่ทางพรรคได้ออกแถลงการณ์ในนามกรรมการบริหารพรรค ตัดขาดความสัมพันธ์ ไม่ขอรับผิดชอบในผลงานของ กทม.ที่จะเกิดขึ้นอีกต่อไป
ปฐมเหตุของความขัดแย้งเกิดขึ้น เนื่องจากการบริหาร กทม.ของ “หม่อมหมู” ในช่วงหลังเกิดอาการ “กระด้างกระเดื่อง” ไม่สนใจใยดีพรรคต้นสังกัด ท่ามกลางกระแสข่าวเรื่อง “น้ำเลี้ยง” ที่ขาดส่งไปอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ขณะเดียวกันก็มีการเปิดโปงพฤติกรรมที่ส่อไปในทางทุจริตของ กทม.ออกมาเป็นระยะ
ซ้ำร้ายเมื่อหัวหน้าพรรคอย่าง “พี่มาร์ค” อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ พยายามติดต่อเพื่อพูดคุยทำความเข้าใจในเรื่องการทำงานของ กทม.กับ“หม่อมสุขุมพันธุ์” ก็ไม่ได้รับความบ่ายเบี่ยงขอเลื่อนนัดอย่างมีเลศนัย ขนาด “อภิสิทธิ์” บากหน้าไปขอพบถึงบ้านพักที่ “วังสวนผักกาด”ก็ยังโดนเบรกแบบกะทันหัน จนเลี้ยวรถกลับแทบไม่ทัน จากนั้นก็พยายามติดต่อทุกช่องทางแต่ก็ได้ยินแต่เสียง “ไม่มีสัญญาณตอบรับจากหมายเลขที่ท่านเรียก”
ยังไม่รวมกับข่าวลือหนาหูเรื่องที่ “สุขุมพันธุ์” จับมือกับลูกพี่ “กำนันเทือก” สุเทพ เทือสุบรรณ ประธานมูลนิธิมวลมหาประชาชนฯวางแผนยึด “พรรคสีฟ้า” และดันก้นผู้ว่าฯ กทม.ขึ้นเป็นหัวหน้าพรรคแทน “หนุ่มมาร์ค” ตลอดจนข่าวอีกกระแสที่ว่า “เทพเทือก - ชายหมู”เตรียมลงเสาเข็มสร้างพรรคใหม่ด้วยทุนระดับ 3 - 4 พันล้านบาท
ก่อนจะมาถึงแถลงการณ์ “ทิ้งไว้กลางทาง” ที่ระบุว่า “..พรรคจึงขอแสดงความชัดเจนว่าจากนี้ไป เราจะไม่สามารถแสดงความรับผิดชอบร่วมกับบริหารงานของ กทม. และถือว่าการทำงานของ กทม.เป็นเอกเทศ พรรคไม่ขอรับผิดชอบ รวมทั้งไม่ทำกิจกรรมทางการเมืองร่วมกันด้วย..” ในที่สุด
หลังจากแถลงการณ์ของพรรคประชาธิปัตย์ เมื่อวันที่ 21 มกราคมออกมา ก็ยังมี “อาฟเตอร์ช็อค” ตามมาเป็นระลอก
“พี่มาร์ค” เจออิทธิฤทธิ์ “ลูกเทพ - ลูกเทือก”
ไล่ตั้งแต่ “ทีมรองผู้ว่าฯ กทม.” ทั้ง 4 คน “ผุสดี ตามไท - พล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง - จุมพล สำเภาพล - อมร กิจเชวงกุล” ออกมาชักแถวยืนเรียงหน้ากระดาน แถลงข่าวขอยืนเคียงข้าง “ผู้ว่าฯสุขุมพันธุ์” ต่อจนหมดวาระ
ขณะที่ “ชายหมู” ซึ่งติดพันภารกิจอยู่ประเทศโปรตุเกส เพื่อลงนามความตกลงการสถาปนาความสัมพันธ์ฉันมิตรอย่างเป็นทางการ ระหว่างกรุงลิสบอนกับ กทม. ก็กริ๊งกร๊างข้ามแดนสั่งการให้ “วสันต์ มีวงษ์” ที่ปรึกษาผู้ว่าฯกทม. ในฐานะโฆษกประจำตัว ออกมายืนยันว่า จะขอทำหน้าที่ในตำแหน่งผู้ว่าฯ กทม. ช่วงปีสุดท้ายก่อนหมดวาระอย่างดีที่สุด แถมหยอดว่ายังรักประชาธิปัตย์เหมือนเดิม
สรุปว่าแถลงการณ์ที่ออกมาไม่ระคายเคือง “ทีมชายหมู” แม้แต่น้อย
ให้หลังเพียงวันเดียว (ช่วงเช้าวันเสาร์ที่ 23 มกราคม) “หม่อมสุขุมพันธุ์” ก็เดินทางกลับมาถึงมาตุภูมิ แต่เมื่อผู้สื่อข่าวพยายามติดต่อขอความเห็นเกี่ยวกับแถลงการณ์ก็ได้รับการแจ้งจากทีมงานว่า ผู้ว่าฯกทม.อ่อนเพลียหลังจากเดินทางกลับจากต่างประเทศ จึงขอพักผ่อนอยู่ในบ้านพัก โดยไม่มีภารกิจใดๆตลอดวันที่ 23 - 24 มกราคม และจะปฏิบัติงานตามปกติในวันเปิดทำการจันทร์ที่ 25 มกราคม
แต่ก็มีเซอร์ไพรส์เล็กๆ เมื่อช่วงเช้าของวันอาทิตย์ที่ 24 มกราคม “ชายหมู” พร้อมด้วย พล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง รองผู้ว่าฯ กทม. กลับไปปรากฏกายที่ท่าเรือหน้าทอน อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี ในระหว่างการปล่อยตัวขบวนปั่นจักรยาน หนึ่งในกิจกรรมของงาน “สมุย เฟสติวัล2016” ที่มี “เทพเทือก” และลูกหาบ กปปส.เป็นแม่งาน โดยผู้ว่าฯกทม.ได้เดินทักทายประชาชนที่มาร่วมกิจกรรม
ก่อนชักภาพเป็นที่ระลึกคู่กับ “สุเทพ” ส่งสัญญาณบางอย่างไปถึง “ใครบางคน”
ค่ำวันเดียวกัน “ผู้ว่าฯสุขุมพันธุ์” จากเมืองกรุงยังได้รับเกียรติให้เป็นประธานในการชกมวยไทยนัดประวัติศาสตร์ “สมุยเฟสติวัล มหากุศล” ซึ่งตามกำหนดการเดิมวางตัว “ลุงกำนัน” ไว้เป็นประธาน แต่พอ "น้องหมู" โผล่มา ฝ่ายแรกก็เลยหลบฉาก ขอเป็น "ป๋าดัน" ให้เกียรติผู้ว่าฯ กทม. ขึ้นเป็นประธานในพิธี
แถมระหว่างการชกมวยอันแสนดุเดือด "คุณชายหมู" ก็เลือกที่จะนั่งประกบ "พี่เทพ" ทำท่าทางพูดคุยซุบซิบกันตลอดเวลา ที่ตลกร้ายก็ก่อนหน้านั้นเพียงวันเดียว “อภิสิทธิ์” เพิ่งเดินทางมาเป็นประธานเปิดงาน “สมุย เฟสติวัล 2016” และก็มีภาพกอดกันหวานชื่นกับ “สุเทพ” เช่นกัน
แน่นอนว่า “สุขุมพันธุ์” ย่อมรู้กำหนดการนี้ดี จึงเลือกเดินทางมาอีกวันให้หลัง หลีกเลี่ยงการ “เผชิญหน้า” ก้าวย่างของ “ชายหมู” ผู้มาทีหลัง ก็ถูกมองว่าเป็นการ “เกทับ - บลั๊ฟกลับ” ไปยัง “หัวหน้ามาร์ค” ที่เพิ่งประกาศ “คอนเวิร์ส” ทางใครทางมันจนถึงแซวว่าเป็นการโชว์แสนยานุภาพของ “ลูกเทพ” ตัวจริง
มีอย่างที่ไหนที่ทำการพรรคก็อยู่แค่ ถ.พระราม 6 ใกล้ศาลาว่าการ กทม.แค่ปลายนิ้ว กลับไม่เคยย่างกรายไป “เคลียร์ใจ” กันให้เสร็จ โทรไปก็ไม่รับ ไลน์ไปก็ไม่อ่าน หลบหน้าหลบตาเหมือนเล่นหนังอินเดีย แต่พอ “พี่เทพ” ให้ไปร่วมงาน ก็พร้อมที่จะถ่อไปถึงเกาะสมุย
พอกลับจากพักผ่อนที่ทะเลใต้ “ชายหมู” ก็เหมือนได้ “ของดี” มาจากสมุย ออกสื่อครั้งแรกตอบโต้แถลงการณ์ของพรรคว่า ตัวเองยังเป็นรองหัวหน้าพรรคอยู่ ไม่แคร์แถลงการณ์พรรค เหมือนได้ “สัญญาณพิเศษ” มาจากลูกพี่
น่าเป็นห่วงฝ่าย “ทีมมาร์ค” ที่คิดว่าคิวออกแถลงการณ์จะสั่งสอน “สุขุมพันธุ์” ให้ยอมศิโรราบได้ ซึ่งดูท่าแล้วก็ไม่ได้ผล และที่กะจะชิ่งจากภาพเน่าๆของ กทม.ก็ชิ่งไม่ออกง่ายๆ
เจออิทธิฤทธิ์ “ลูกเทพ - ลูกเทือก” เข้าไป “พี่มาร์ค” ก็ไปไม่เป็นเหมือนกัน
ใบสั่ง “ผู้การแต้ม” เปิดแผล “ทีมชายหมู”
นาทีนี้ถือว่า “คนประชาธิปัตย์” ที่มาช่วยงานที่ กทม.ยังเหนียวแน่นไม่แตกแถว ทั้งทีมรองผู้ว่าฯ ทั้ง 4 คนที่ท่าทางจะไม่ไปไหนแน่ ทั้ง“จุมพล - อมร” ในโควตา “ชายหมู” ส่วน 2 คนที่มาจากโควตาพรรค “ผุสดี - อัศวิน” ก็ทำเฉยๆกับมาตรการกดดันของทางพรรค
ก่อนที่ “ผู้การแต้ม” พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ที่ปรึกษาผู้ว่าฯกทม.จะ “ทิ้งทุ่น” ทำหนังสือลาออกจากตำแหน่งเป็นคนแรก ในหนังสือก็ให้เหตุผล “ดูดี” ว่า มีภารกิจติดพันเยอะจนงานล้นมือ เกรงว่าจะช่วยงาน กทม.ได้ไม่เต็มที่
พอเรื่องถึงมือ “ผู้ว่าฯสุขุมพันธุ์” ไม่ถูกมองว่าเป็นเรื่อง “บังเอิญ” และตั้งแง่ว่ามี “เกมป่วน” ของฝ่ายตรงข้าม เพราะรู้กันว่า “ผู้การแต้ม” ถือเป็น “สายตรงมาร์ค” คนหนึ่ง เดิมทีถูกวางตัวให้เป็นรองผู้ว่าฯ แต่ติด “ชนัก” เรื่องสอบสวนใน คณะกรรมการห้องกันและราบรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) จึงได้ตำแหน่ง “กุนซือ” ปลอบใจ
หลังจากเป็นข่าว เจ้าของฉายา “มือปราบหูดำ” ก็ยอมรับว่าสาเหตุที่แท้จริงในการลาออกส่วนหนึ่งมาจากปัญหาภายในพรรค จึงขอชิ่งหนี“หว่างเขาควาย”
ฝั่ง “ชายหมู” มองว่ามีความพยายามจาก “ใครบางคน” ที่ต้องการให้ “ผู้การแต้ม” เป็นคนเปิดแผลสร้างกระแสให้ “ทีมชายหมู” หวั่นไหวสละเรือ กทม.ตามไป ตอนแรกจึงออกลูก “งอแง - อิดออด” เพราะไม่อยากให้มีใครลาออกช่วงนี้ เกรงว่าจะเป็น “หัวเชื้อ” ให้คนอื่นเอาอย่าง
พยายามโยนลูกไปให้ "ลูกพี่เทพ" เกลี้ยกล่อม แต่ "ผู้การแต้ม" รู้ทันบอกปัดไม่ไปพบ "ลุงกำนัน" พอเป็นแบบนี้ "ชายหมู" เลยจัดให้ จากเดิมที่ขอลาออกให้มีผล 1 มี.ค.นี้ เซ็นฉับให้มีผลทันที
ไม่เพียงเท่านั้น วันเดียวกัน ยังลงนามแต่งตั้ง 2 ที่ปรึกษาใหม่ทันควัน คนแรก บรรจง สุขดี อดีต ปลัด กทม. อีกคนฮือฮาพอสมควร"นวยนิ่ม" พล.ต.ท.อำนวย นิ่มมะโน อดีตนายตำรวจคนดัง ที่มีวันนี้กินตำแหน่งในยุค “ทหารเป็นใหญ่” อื้อทั้ง สมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) และประธานคณะกรรมการเลือกตั้ง (กกต.) กทม. ท้ายที่สุด “นวยนิ่ม” ก็วืดไป เพราะการทำหน้าที่ที่ปรึกษา กทม.ควบคู่กับประธาน กกต.กทม.ออกไปในแนว “ผลประโยชน์ทับซ้อน” ตามความเห็น ศุภชัย สมเจริญ ประธาน กกต.ใหญ่ จึงได้แจ้งความจำนงค์ขอสละสิทธิ์ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
แม้ “สุขุมพันธุ์” จะพยายามแก้เกม โดยแสดงความไม่ยี่หระต่อมาตรการของพรรค หรือจะมีใครลาออกไป แต่ต้องถือว่าหมากที่ “ผู้การแต้ม” เปิดแผล “ทีมชายหมู” จะได้ผลไม่มากก็น้อย จนมีกระแสข่าวว่าทั้งรองผู้ว่าฯและที่ปรึกษาจะทยอยลาออกเป็นระยะ บางคนนั่งไม่ติด โร่เดินทางเข้าพรรคเพื่อขอพบ “หัวหน้ามาร์ค” ทั้ง “รองฯอัศวิน” รวมทั้ง วัลลภ สุวรรณดี ประธานที่ปรึกษาผู้ว่าฯ กทม. นอกจากนี้ยังมีข่าวว่า“รองฯผุสดี” เซ็นใบลาออกไว้เรียบร้อยแล้ว แต่อยู่ระหว่างชั่งใจ โดยมีชื่อ สัญญา ชีนิมิตร อดีตปลัดกทม.เตรียมเสียบแทน ก่อนที่ “อาจารย์ผุส” จะออกมาตอบโต้ว่า มโนกันไปเอง เช่นเดียวกับ “รองฯอัศวิน” ที่ยังเสียงแข็งว่าไม่เคยคิดจะลาออก
ขณะที่ “รองฯอมร” สายตรง “ชายหมู” เลือกข้างชัดเจนได้ประกาศลาออกจากสมาชิกพรรคด้วยวาจาเรียบร้อยแล้ว
อย่างไรก็ดีครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีปัญหาเรื่องบุคลากรทางการเมืองของ กทม.ในยุค “ชายหมู” เพราะมีข้อมูลว่า ในช่วงสมัยที่ 2 ของการดำรงตำแหน่งผู้ว่าฯ กทม. มี “ทีมบริหารฝ่ายการเมือง” ลาออกไปแล้วหลายราย ประกอบด้วย อนุสรี ทับสุวรรณ อดีตเลขานุการผู้ว่าฯ กทม. ลาออกโดยอ้างปัญหาสุขภาพ ก้องศักดิ์ ยอดมณี ที่ปรึกษาผู้ว่าฯ กทม. วราพร ตระกูลชีวพานิตต์ ผู้ช่วยเลขานุการผู้ว่าฯ กทม. สัญญา จันทรัตน์ เลขานุการผู้ว่าฯ กทม. และ ตรีดาว อภัยวงศ์ โฆษก กทม. ซึ่งต่างก็ลาออกในช่วงเวลาไล่เรี่ยกัน โดยมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่า คนที่ลาออกส่วนใหญ่ทำงานใกล้ชิดกับ “ผู้ว่าฯหมู” แทบทั้งหมด
เชื่อว่าหลังจากนี้จะมีกระแสกดดันจากทางพรรคออกมาอย่างต่อเนื่อง แต่คงมารูป “ข่าวเสี้ยม - ข่าวลือ - ช่าวแซะ” เป็นส่วนใหญ่ ต้องจับตาดูว่า “ทีมชายหมู” จะเอาอยู่ไหม
จับตาก้าวต่อไปของ “คุณชายสุขุมพันธุ์”
ประเมินจากรูปการณ์ในตอนนี้ ต้องบอกว่า “ชายหมู” ยังถือไพ่เหนือกว่า “ชายมาร์ค” ในแง่การกุมอำนาจบริหาร กทม. ที่ลากไปจนครบวาระต้นปี 2560 ได้ไม่ยาก เพราะทาง “ประชาธิปัตย์” ก็คงไม่มีสิทธิ์มายุ่มย่ามอะไรไปได้มากกว่านี้ ถึง คสช.จะอนุญาตให้ประชุมพรรค เต็มที่ก็ได้แต่ขับ “ชายหมู” ออกจากสมาชิกภาพ ไม่มีสิทธิ์แตะต้องตำแหน่งผู้ว่าฯกทม.
ฝ่าย “หนุ่มมาร์ค” ด้วยซ้ำที่ต้องระวังหลังบ้านให้ดี กระแสการเปลี่ยนตัวหัวหน้าพรรคอาจซาลง เพราะยังไม่ใกล้ช่วงที่จะมีการเลือกตั้ง แต่เชื่อว่า “ผู้อยู่เบื้องหลัง” ยังไม่ลดละ โดยเฉพาะหาก “สุเทพ” เอาจริง ดูท่า “อภิสิทธิ์” คงตกที่นั่งลำบาก แม้จะหันหลังให้พรรคไปแล้ว แต่อดีตเลขาฯพรรคยังคงมี “พาวเวอร์” อยู่ ทั้งบรรดาผู้แทนแดปักษ์ใต้ รวมทั้งแกนนำพรรคบางส่วน
หมากเกมที่เล่นงาน “ชายหมู” ก็แค่การตั้งการ์ดปัดป้องเอาตัวรอดไปในช่วงนี้เท่านั้น
ส่วน “คุณชายสุขุมพันธุ์” ก็ตั้งหน้าตั้งตาตักตวงความสุขในขวบปีสุดท้ายที่ “ศาลาเสาชิงช้า” ให้เต็มเหนี่ยวก่อนที่จะออกมาไล่ล่าคว้าดาวต่อไป ในฐานะนักการเมืองระดับชาติตามเดิม แน่นอนว่าระดับนี้ต้องมีตำแหน่งรองก้นที่สมน้ำสมเนื้อ โดยเฉพาะเก้าอี้หัวหน้าพรรค ทั้งที่พรรคประชาธิปัตย์ หรือที่ไหนก็ได้ที่มี “แบ็คอัพ” ดีๆ ในระดับเดียวกับ “พรรค 3 พันล้าน” ที่ปล่อยข่าวสร้างความฮือฮาออกมา
จะเห็นได้ว่า ตอนนี้ “ชายหมู” ก็เอาขาข้างหนึ่งแตะอยู่ที่ “ค่ายสีฟ้า” ทั้งที่ถูกไล่ตะเพิดก็ยังไม่ไปไหน ขณะเดียวกันก็มีข่าวว่าเตรียมไปเป็นใหญ่ใน “ค่ายสีเขียว”
งานนี้มีการวาง “โรดแมปชายหมู” ไว้แล้ว โดยหลังจาก หมดภารกิจผู้ว่าฯ เมืองหลวง "คุณชายสุขุมพันธุ์" เตรียมใส่สูทผูกไทค์กลับไปปักหลักที่ที่ทำงานเก่า "กระทรวงการต่างประเทศ" ซึ่งเคยสร้างชื่อมาจาก กรณี "ก๊อดอาร์มี่" ในอดีต สมัยเป็น รมชงต่างประเทศในรัฐบาล ชวน หลีกภัยกลับไปคราวนี้ก็ไม่ได้ไปเล่นๆ หวัง
เห็นว่ารอบนี้กลับไปจับจอง "รัฐมนตรีว่าการ" โดยมี "ป๋าดัน" อย่าง “บิ๊กบราเทอร์บูรพาพยัคฆ์” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯฝ่ายความมั่นคง คอยกรุยทางให้
หวังให้ "ชายหมู" มานั่งฟอกตัวในช่วงปลายรัฐบาล คสช. ก่อนเชิดให้ไปนั่ง "หัวหน้าพรรค" ที่ไหนสักแห่ง อาจจะเป็น "พรรคอะไหล่"หรือ "พรรคทหาร" ซึ่งต้องรอดูทิศทางลมอีกที ว่าถึงวันนั้นจะ "พ่อหมู" จะสะอาดเอี่ยมพอเชิดหน้าชูตาได้หรือไม่
แผนลึกลับซับซ้อนอย่างนี้ ไม่ต้องเดา "ลูกพี่เทพ" มีเอี่ยวแน่นอน.