ตามที่ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯ กทม.ได้ลงนามในคำสั่งแต่งตั้งที่ปรึกษาผู้ว่าฯ กทม. จำนวน 2 ราย ประกอบด้วย นายบรรจง สุขดี และ พล.ต.ท.อำนวย นิ่มมะโน เมื่อวันที่ 26 ม.ค.59 โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ.เป็นต้นไป แต่ปรากฏว่า พล.ต.ท.อำนวย ซึ่งมีตำแหน่งเป็นประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กทม.อยู่ด้วย จึงไม่สามารถดำรงตำแหน่งเป็นที่ปรึกษาผู้ว่าฯ กทม.ได้ เนื่องจากความเหมาะสม
ที่ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร (กทม.) นายวสันต์ มีวงษ์ ที่ปรึกษาผู้ว่าฯกทม. ในฐานะโฆษกส่วนตัวผู้ว่าฯ กทม. ปเดเผยว่า เมื่อวันที่ 27 ม.ค.ที่ผ่านมา พล.ต.ท.อำนวย ได้เข้าพบ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ เพื่อชี้แจงกรณีดังกล่าวแล้ว โดย พล.ต.ท.อำนวย ได้ตรวจสอบคุณสมบัติของตัวเอง พบว่าไม่สามารถดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาผู้ว่าฯกทม.ได้ เนื่องจากขณะนี้ยังอยู่ในตำแหน่งประธาน กกต.กทม. จึงไม่เหมาะสมที่จะมาดำรงตำแหน่งทางการเมือง ซึ่งหลังจากนี้ พล.ต.ท.อำนวยจะทำหนังสือลาออกจากตำแหน่งมาอีกครั้ง ส่วนคำสั่งแต่งตั้งนายบรรจง เป็นที่ปรึกษาผู้ว่าฯ กทม. ยังคงมีผลวันที่ 1 ก.พ.นี้ ซึ่งนายบรรจง จะเข้ามาดูแลงานด้านสิ่งแวดล้อม อย่างไรก็ตาม การจัดระเบียบเมืองซึ่งเป็นนโยบายผู้ว่าฯ กทม. ยังคงเดินหน้าต่อไป ส่วนใครจะมาดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาผู้ว่าฯ กทม.แทน พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ที่ลาออกไปก่อนหน้านั้น อยู่ระหว่างหารือ
“พล.ต.ท.อำนวยได้เข้ามาพบผู้ว่าฯกทม.โดยตรง ผ่านการแนะนำจาก พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง รองผู้ว่าฯกทม. ซึ่ง พล.ต.ท.อำนวย ก็ได้รับปากจะเข้าทำงานในตำแหน่งที่ปรึกษาผู้ว่าฯกทม. แต่เมื่อได้ตรวจสอบคุณสมบัติของตัวเองแล้ว จึงเห็นว่าไม่เหมาะสมหากยังคงเป็นประธาน กกต.กทม. แต่กลับมาทำงานในตำแหน่งทางการเมือง ซึ่งผู้ว่าฯกทม.มาจากการเลือกตั้ง” นายวสันต์ กล่าว
** ตัดขาด กทม.เหตุไม่ยอมรับระบบพรรค
ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ ประกาศไม่ลาออกจากการเป็นรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ว่า ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ยังเป็นสมาชิกพรรคอยู่ แต่สิ่งที่พรรคแถลงไปนั้นเพื่อบอกความจริงกับประชาชน แล้วก็ขอโทษประชาชนว่า จากที่พรรคในช่วงของการหาเสียงการเลือกตั้ง กทม. ก็ไม่สามารถที่จะทำหน้าที่ตรงนี้ในการที่จะช่วยดูแลกำกับให้ข้อคิดเสนอแนะ แก้ปัญหาตามระบบของพรรคได้ ก็ต้องขอโทษประชาชนและบอกให้ประชาชนรับรู้รับทราบ แล้วต่อไปนี้ก็จะได้ถือว่า กทม.ก็ทำงานของ กทม.ไป พรรคก็ทำงานของพรรคไป
“พรรคกำลังจะบอกว่า ขอให้ทำในนามของท่านผู้บริหาร กทม.ไปเถิด แล้วก็เอาใจช่วยด้วยว่าปัญหาต่างๆ ขอให้แก้ ขอให้ปรับปรุงการทำงานแล้ว ก็จะยกความชอบทั้งหมดให้กับผู้บริหาร กทม.” นายอภิสิทธิ์กล่าว
นายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อว่า เวลาไปพบปะกับประชาชนที่ไหนแล้วเขาบอก กทม.ทำไมเรื่องนั้นมันเป็นอย่างนี้ เรื่องนี้เป็นอย่างนี้ ช่วยไปบอกช่วยที ก็คิดว่าถ้าเกิดพรรคอยู่เฉยๆก็ทำได้ แต่มีความรู้สึกว่ามันไม่ค่อยซื่อสัตย์กับประชาชน เขาร้องเรียนมา บอกว่าคุณต้องพูดได้เพราะคุณเป็นหัวหน้าพรรค หรือว่าเขาบอกสมาชิกพรรคคนอื่นมา คุณต้องไปคุยกับ กทม.ได้ เมื่อทาง กทม. ไม่ยอมรับการทำงานตามระบบอย่างนี้ เราก็ต้องพูดความจริงกับประชาชน แล้วตั้งแต่ที่พรรคฯ แสดงจุดยืนมา ตนก็สบายใจขึ้น เมื่อ กทม.ไม่อยากให้พรรคไปยุ่ง ก็ไม่ควรที่จะเอาพรรคเข้าไปเกี่ยวข้องแล้วก็ทำงานไป
** กร้าวไม่จำเป็นต้องคุย “ชายหมู” แล้ว
ผู้สื่อข่าวถามถึงผลสำรวจที่ระบุว่า คะแนนนิยมในตัว ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ ลดลง นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า การสำรวจความนิยมขึ้นหรือลงเป็นเรื่องปกติธรรมดา แต่ในมุมของคนทำงานเขาก็ต้องหาทางในการที่จะแก้ไขปรับปรุงไป ซึ่งก็เข้าใจว่าทางทีมผู้บริหาร กทม.ก็ต้องทำอย่างนั้น
เมื่อถามว่า จะนำไปสู่กรณีการตั้งพรรคใหม่หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตรงนี้จะไปตอบแทนเขาไม่ได้แล้ว บุคลากรที่อยู่ตรงนั้นทั้งหมดเขาจะตัดสินใจทางการเมืองอะไรอย่างไร มันเป็นสิทธิของเขาอยู่แล้ว
เมื่อถามว่า ได้พูดคุยกับ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์บ้างหรือยัง นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่ได้คุยแล้ว ก็คงไม่มีความจำเป็นต้องคุยอะไรแล้ว ที่พรรคได้ออกมาอย่างนี้เพื่อความชัดเจนแล้ว ดังนั้นไม่ควรให้ประชาชนสับสนอีก
“ผมไม่ได้มีอะไรส่วนตัวกับท่าน เพราะฉะนั้นเพื่อไม่ให้เกิดความสับสนต่อไป คณะผู้บริหาร กทม.ก็กรุณาทำงานตามหน้าที่ของท่าน โดยไม่ต้องเอาพรรคเข้าไปเกี่ยวข้อง อย่างวันนี้ก็เห็นท่านผู้ว่าฯออกคำสั่งเกี่ยวกับเรื่องที่ปรึกษาท่าน ก็ไม่เคยมีการมาปรึกษาพรรคฯ เลย เพราะฉะนั้นท่านก็ทำงานของท่านไป มันเป็นอำนาจของท่านอยู่แล้ว" นายอภิสิทธิ์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า การที่ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ประธานมูลนิธิมวลมหาประชาชนฯ และนายอลงกรณ์ พลบุตร รองประธานสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) มองว่า เรื่องนี้ควรจะพลิกวิกฤติให้เร่งทำงานสำหรับทาง ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ และการปฏิรูปตัวเองของพรรคประชาธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ควรจะทำให้ดีที่สุด และพรรคก็จะไม่ไปขัดขวาง พรรคก็ยังทำหน้าที่ทำงานให้กับพี่น้องชาว กทม.ต่อไป แต่ไม่ได้เข้าไปเกี่ยวข้องกับการบริหารของ กทม. ส่วนการปฏิรูปพรรค ไม่ว่าบริหารงาน ภาวะผู้นำ หรือการมีประชาธิปไตยแบบส่วนร่วมนั้นเป็นความตั้งใจอยู่แล้ว แต่การจะขยับได้ก็ต้องให้ประชุมได้ เมื่อประชุมไม่ได้ก็ทำอะไรไม่ได้
** “วัชระ” ตอก “อนุดิษฐ์” ดูถูกคนกรุง
ขณะที่ นายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณี น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ อดีต รมต.ไอซีที ระบุว่าปัญหาของพรรคประชาธิปัตย์กับ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ เป็นการเล่นปาหี่การเมือง ก่อนจะส่งผู้สมัครคนใหม่มาหลอกขอคะแนนจากคน กทม.ว่า ถือว่า น.อ.อนุดิษฐ์ พูดดูถูกคน กทม.เกินไป เพราะทุกคนล้วนมีความรู้ มีการศึกษา ไม่ใช่ใครจะมาหลอกอะไรได้ง่ายๆ อย่าใช้มาตรฐานของพรรคเพื่อไทยที่มี นายทักษิณ ชินวัตร เป็นนายใหญ่ มาใช้กับพรรคอื่น เหมือนกรณีที่เคยหลอกคนเสื้อแดง หรือหลอกขอคะแนนจากชาวนาในกรณีจำนำข้าว เพราะเปรียบเทียบความจริงใจกันไม่ได้ ทั้งนี้พรรคประชาธิปัตย์ พัฒนาการเป็นสถาบันทางการเมือง มีหลักการและอุดมการณ์ชัดเจน ไม่ได้ยึดกับคนๆ เดียว หรือทำเพื่อผลประโยชน์ของคนตระกูลเดียวแบบพรรคเพื่อไทย ฉะนั้น การตรวจสอบการทุจริต กทม.เป็นหน้าที่ จึงไม่ใช่ปาหี่การเมือง และหลักฐานที่เรายื่นให้หน่วยงานต่างๆตรวจสอบนั้น ก็เชื่อมั่นว่ามีคนทุจริตติดคุกแน่ ส่วนจะถึงโทษประหารชีวิตตามกฎหมายใหม่ของ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) หรือไม่ อยู่ในดุลยพินิจของศาล
“พรรคประชาธิปัตย์ ประกาศชัดว่า ต่อต้านการทุจริต จะละเว้นไม่ตรวจสอบ เพราะเป็นพรรคเดียวกัน ข้อกล่าวหาของ น.อ.อนุดิษฐ์ จึงไม่เป็นความจริงแน่ ถามว่าสมัย น.อ.อนุดิษฐ์ เป็น รมว.ไอทีซี ได้รักษาประโยชน์ของชาติมากน้อยแค่ไหน เหตุใดจึงปล่อยปละละเลยให้มีเว็บหมิ่นสถาบันผุดเป็นดอกเห็ด จนประชาชนสงสัยว่า เป็นรัฐมนตรี แต่เล่นปาหี่หลอกลวงประชาชนเหมือน นายทักษิณ ชินวัตร หรือไม่" นายวัชระ กล่าว
ที่ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร (กทม.) นายวสันต์ มีวงษ์ ที่ปรึกษาผู้ว่าฯกทม. ในฐานะโฆษกส่วนตัวผู้ว่าฯ กทม. ปเดเผยว่า เมื่อวันที่ 27 ม.ค.ที่ผ่านมา พล.ต.ท.อำนวย ได้เข้าพบ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ เพื่อชี้แจงกรณีดังกล่าวแล้ว โดย พล.ต.ท.อำนวย ได้ตรวจสอบคุณสมบัติของตัวเอง พบว่าไม่สามารถดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาผู้ว่าฯกทม.ได้ เนื่องจากขณะนี้ยังอยู่ในตำแหน่งประธาน กกต.กทม. จึงไม่เหมาะสมที่จะมาดำรงตำแหน่งทางการเมือง ซึ่งหลังจากนี้ พล.ต.ท.อำนวยจะทำหนังสือลาออกจากตำแหน่งมาอีกครั้ง ส่วนคำสั่งแต่งตั้งนายบรรจง เป็นที่ปรึกษาผู้ว่าฯ กทม. ยังคงมีผลวันที่ 1 ก.พ.นี้ ซึ่งนายบรรจง จะเข้ามาดูแลงานด้านสิ่งแวดล้อม อย่างไรก็ตาม การจัดระเบียบเมืองซึ่งเป็นนโยบายผู้ว่าฯ กทม. ยังคงเดินหน้าต่อไป ส่วนใครจะมาดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาผู้ว่าฯ กทม.แทน พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ที่ลาออกไปก่อนหน้านั้น อยู่ระหว่างหารือ
“พล.ต.ท.อำนวยได้เข้ามาพบผู้ว่าฯกทม.โดยตรง ผ่านการแนะนำจาก พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง รองผู้ว่าฯกทม. ซึ่ง พล.ต.ท.อำนวย ก็ได้รับปากจะเข้าทำงานในตำแหน่งที่ปรึกษาผู้ว่าฯกทม. แต่เมื่อได้ตรวจสอบคุณสมบัติของตัวเองแล้ว จึงเห็นว่าไม่เหมาะสมหากยังคงเป็นประธาน กกต.กทม. แต่กลับมาทำงานในตำแหน่งทางการเมือง ซึ่งผู้ว่าฯกทม.มาจากการเลือกตั้ง” นายวสันต์ กล่าว
** ตัดขาด กทม.เหตุไม่ยอมรับระบบพรรค
ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ ประกาศไม่ลาออกจากการเป็นรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ว่า ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ยังเป็นสมาชิกพรรคอยู่ แต่สิ่งที่พรรคแถลงไปนั้นเพื่อบอกความจริงกับประชาชน แล้วก็ขอโทษประชาชนว่า จากที่พรรคในช่วงของการหาเสียงการเลือกตั้ง กทม. ก็ไม่สามารถที่จะทำหน้าที่ตรงนี้ในการที่จะช่วยดูแลกำกับให้ข้อคิดเสนอแนะ แก้ปัญหาตามระบบของพรรคได้ ก็ต้องขอโทษประชาชนและบอกให้ประชาชนรับรู้รับทราบ แล้วต่อไปนี้ก็จะได้ถือว่า กทม.ก็ทำงานของ กทม.ไป พรรคก็ทำงานของพรรคไป
“พรรคกำลังจะบอกว่า ขอให้ทำในนามของท่านผู้บริหาร กทม.ไปเถิด แล้วก็เอาใจช่วยด้วยว่าปัญหาต่างๆ ขอให้แก้ ขอให้ปรับปรุงการทำงานแล้ว ก็จะยกความชอบทั้งหมดให้กับผู้บริหาร กทม.” นายอภิสิทธิ์กล่าว
นายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อว่า เวลาไปพบปะกับประชาชนที่ไหนแล้วเขาบอก กทม.ทำไมเรื่องนั้นมันเป็นอย่างนี้ เรื่องนี้เป็นอย่างนี้ ช่วยไปบอกช่วยที ก็คิดว่าถ้าเกิดพรรคอยู่เฉยๆก็ทำได้ แต่มีความรู้สึกว่ามันไม่ค่อยซื่อสัตย์กับประชาชน เขาร้องเรียนมา บอกว่าคุณต้องพูดได้เพราะคุณเป็นหัวหน้าพรรค หรือว่าเขาบอกสมาชิกพรรคคนอื่นมา คุณต้องไปคุยกับ กทม.ได้ เมื่อทาง กทม. ไม่ยอมรับการทำงานตามระบบอย่างนี้ เราก็ต้องพูดความจริงกับประชาชน แล้วตั้งแต่ที่พรรคฯ แสดงจุดยืนมา ตนก็สบายใจขึ้น เมื่อ กทม.ไม่อยากให้พรรคไปยุ่ง ก็ไม่ควรที่จะเอาพรรคเข้าไปเกี่ยวข้องแล้วก็ทำงานไป
** กร้าวไม่จำเป็นต้องคุย “ชายหมู” แล้ว
ผู้สื่อข่าวถามถึงผลสำรวจที่ระบุว่า คะแนนนิยมในตัว ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ ลดลง นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า การสำรวจความนิยมขึ้นหรือลงเป็นเรื่องปกติธรรมดา แต่ในมุมของคนทำงานเขาก็ต้องหาทางในการที่จะแก้ไขปรับปรุงไป ซึ่งก็เข้าใจว่าทางทีมผู้บริหาร กทม.ก็ต้องทำอย่างนั้น
เมื่อถามว่า จะนำไปสู่กรณีการตั้งพรรคใหม่หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตรงนี้จะไปตอบแทนเขาไม่ได้แล้ว บุคลากรที่อยู่ตรงนั้นทั้งหมดเขาจะตัดสินใจทางการเมืองอะไรอย่างไร มันเป็นสิทธิของเขาอยู่แล้ว
เมื่อถามว่า ได้พูดคุยกับ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์บ้างหรือยัง นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่ได้คุยแล้ว ก็คงไม่มีความจำเป็นต้องคุยอะไรแล้ว ที่พรรคได้ออกมาอย่างนี้เพื่อความชัดเจนแล้ว ดังนั้นไม่ควรให้ประชาชนสับสนอีก
“ผมไม่ได้มีอะไรส่วนตัวกับท่าน เพราะฉะนั้นเพื่อไม่ให้เกิดความสับสนต่อไป คณะผู้บริหาร กทม.ก็กรุณาทำงานตามหน้าที่ของท่าน โดยไม่ต้องเอาพรรคเข้าไปเกี่ยวข้อง อย่างวันนี้ก็เห็นท่านผู้ว่าฯออกคำสั่งเกี่ยวกับเรื่องที่ปรึกษาท่าน ก็ไม่เคยมีการมาปรึกษาพรรคฯ เลย เพราะฉะนั้นท่านก็ทำงานของท่านไป มันเป็นอำนาจของท่านอยู่แล้ว" นายอภิสิทธิ์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า การที่ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ประธานมูลนิธิมวลมหาประชาชนฯ และนายอลงกรณ์ พลบุตร รองประธานสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) มองว่า เรื่องนี้ควรจะพลิกวิกฤติให้เร่งทำงานสำหรับทาง ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ และการปฏิรูปตัวเองของพรรคประชาธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ควรจะทำให้ดีที่สุด และพรรคก็จะไม่ไปขัดขวาง พรรคก็ยังทำหน้าที่ทำงานให้กับพี่น้องชาว กทม.ต่อไป แต่ไม่ได้เข้าไปเกี่ยวข้องกับการบริหารของ กทม. ส่วนการปฏิรูปพรรค ไม่ว่าบริหารงาน ภาวะผู้นำ หรือการมีประชาธิปไตยแบบส่วนร่วมนั้นเป็นความตั้งใจอยู่แล้ว แต่การจะขยับได้ก็ต้องให้ประชุมได้ เมื่อประชุมไม่ได้ก็ทำอะไรไม่ได้
** “วัชระ” ตอก “อนุดิษฐ์” ดูถูกคนกรุง
ขณะที่ นายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณี น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ อดีต รมต.ไอซีที ระบุว่าปัญหาของพรรคประชาธิปัตย์กับ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ เป็นการเล่นปาหี่การเมือง ก่อนจะส่งผู้สมัครคนใหม่มาหลอกขอคะแนนจากคน กทม.ว่า ถือว่า น.อ.อนุดิษฐ์ พูดดูถูกคน กทม.เกินไป เพราะทุกคนล้วนมีความรู้ มีการศึกษา ไม่ใช่ใครจะมาหลอกอะไรได้ง่ายๆ อย่าใช้มาตรฐานของพรรคเพื่อไทยที่มี นายทักษิณ ชินวัตร เป็นนายใหญ่ มาใช้กับพรรคอื่น เหมือนกรณีที่เคยหลอกคนเสื้อแดง หรือหลอกขอคะแนนจากชาวนาในกรณีจำนำข้าว เพราะเปรียบเทียบความจริงใจกันไม่ได้ ทั้งนี้พรรคประชาธิปัตย์ พัฒนาการเป็นสถาบันทางการเมือง มีหลักการและอุดมการณ์ชัดเจน ไม่ได้ยึดกับคนๆ เดียว หรือทำเพื่อผลประโยชน์ของคนตระกูลเดียวแบบพรรคเพื่อไทย ฉะนั้น การตรวจสอบการทุจริต กทม.เป็นหน้าที่ จึงไม่ใช่ปาหี่การเมือง และหลักฐานที่เรายื่นให้หน่วยงานต่างๆตรวจสอบนั้น ก็เชื่อมั่นว่ามีคนทุจริตติดคุกแน่ ส่วนจะถึงโทษประหารชีวิตตามกฎหมายใหม่ของ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) หรือไม่ อยู่ในดุลยพินิจของศาล
“พรรคประชาธิปัตย์ ประกาศชัดว่า ต่อต้านการทุจริต จะละเว้นไม่ตรวจสอบ เพราะเป็นพรรคเดียวกัน ข้อกล่าวหาของ น.อ.อนุดิษฐ์ จึงไม่เป็นความจริงแน่ ถามว่าสมัย น.อ.อนุดิษฐ์ เป็น รมว.ไอทีซี ได้รักษาประโยชน์ของชาติมากน้อยแค่ไหน เหตุใดจึงปล่อยปละละเลยให้มีเว็บหมิ่นสถาบันผุดเป็นดอกเห็ด จนประชาชนสงสัยว่า เป็นรัฐมนตรี แต่เล่นปาหี่หลอกลวงประชาชนเหมือน นายทักษิณ ชินวัตร หรือไม่" นายวัชระ กล่าว