xs
xsm
sm
md
lg

"หมอวิชัย"ทำมึน ขอเหตุผลปลด เลือกบอร์ดใหม่ม.ค.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ผู้จัดการรายวัน360-"ประยุทธ์" ลั่นใช้คำสั่ง ม. 44 ฟันข้าราชการส่อทุจริตลอต 3 จำนวน 59 ราย ยังไม่ชี้ถูกหรือผิด ให้รอผลตรวจสอบก่อน ระบุปลดบอร์ด สสส. 7 คน ไม่ทำลายระบบ เพราะองค์กรยังทำงานได้ "หมอวิชัย"ทำมึน ทำไมต้องปลด อ้างเปลี่ยนบอร์ดต้องมีเหตุผลเพียงพอ โยนสังคมพิจารณาเป็นธรรมหรือไม่ "ปิยะสกล"คาดตั้งกรรมการใหม่ได้ภายในม.ค.นี้ เผยบอร์ด สสส. ให้โอกาสทั้ง 7 คน เลือกตำแหน่งเพียงตำแหน่งเดียว แต่ดันมาถูกปลดเสียก่อน

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เปิดเผยถึงการออกคำสั่ง คสช. ครั้งที่ 1/2259 เรื่องประกาศรายชื่อเจ้าหน้าที่ของรัฐที่อยู่ระหว่างการถูกตรวจสอบเพิ่มเติม ครั้งที่ 3 จำนวน 59 รายชื่อ เมื่อวันที่ 5 ม.ค.ที่ผ่านมาว่า รายชื่อที่ออกมานั้น ยังไม่ได้ชี้ว่าเป็นการทุจริต แต่เป็นเรื่องของการแจ้งข้อมูลมา และเพื่อให้เกิดความสะดวกในการสอบสวน เมื่อเสร็จแล้วก็จะมี 2 อย่าง คือ ให้เจ้ากระทรวงหรือผู้บังคับบัญชาตามต้นสังกัดดำเนินการต่อ ซึ่งตอนนี้ เป็นการตรวจสอบก่อน เพราะมีกฎหมายกติกาอยู่แล้ว หากทำผิด ก็จะนำไปสู่กระบวนการอื่นๆ ต่อไป เช่น ความผิดทางอาญา หรืออะไรก็ว่าไป แต่ในบางกรณีถ้าเป็นเรื่องใหญ่ ก็จะเป็นหน้าที่ของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ที่ต้องตรวจสอบต่อไป
เมื่อถามถึงรายชื่อในองค์กรกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) จำนวน 7 คน พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เป็นการตรวจสอบข้อมูลมาเพื่อดำเนินการ แต่ตนก็ยังให้ สสส.ทำงานต่อไป อะไรที่เป็นกิจกรรมที่เกี่ยวพันกับคนจำนวนมาก ก็ทำให้เกิดความชัดเจนขึ้น ไม่ใช่มุ่งหวังจะไปทำลายทุกอย่าง ทุกระบบ มันไม่ใช่

"ผมต้องการให้เกิดความไว้เนื้อเชื่อใจของประชาชนด้วยเท่านั้นเอง ผมไม่ได้ว่าผิด หรือถูก ก็ต้องตรวจสอบกันต่อไป เพียงแต่ว่าถ้ายังอยู่ตรงนั้น มันตรวจสอบไม่ได้ เป็นการดำเนินการเพื่อให้ไม่ขัดขวางการตรวจสอบ และให้โอกาสผู้ที่อยู่ในรายชื่อได้มีการเตรียมตัว เตรียมหลักฐานข้อมูลของเขาเอง อย่าเพิ่งว่าผิดหรือถูก อย่าเพิ่งไปให้ร้ายเขาขนาดนั้น"พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

** "หมอวิชัย" ทำมึน ทำไมต้องปลดบอร์ด

นพ.วิชัย โชควิวัฒน อดีตรองประธานบอร์ด สสส. กล่าวถึงกรณีการออกคำสั่ง คสช. ปลดบอร์ด สสส. จำนวน 7 คนว่า ไม่ทราบว่าเหตุผลคืออะไร แต่ทราบว่า ก่อนหน้านี้มีข่าวมาก่อนว่าจะมีการปลดบอร์ด ซึ่งมีการชี้แจงในเรื่องต่างๆ แล้วว่า มีการแก้ไขในเรื่องต่างๆ ที่ คตร.ต้องการให้มีการแก้ไข และได้พูดคุยถึงอุปสรรคในการทำงานต่างๆ จึงไม่ทราบว่าทำไมต้องมีการปลดบอร์ด ทั้งนี้ การเปลี่ยนบอร์ดจำเป็นต้องมีเหตุผลที่เพียงพอ เพราะบอร์ดมาจากกระบวนการสรรหา มีขั้นตอน กว่าจะมีคนที่เข้าใจการทำงานมาไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ถ้าไม่จำเป็นก็ไม่ควรมีการเปลี่ยนบอร์ด

ส่วนคำสั่งดังกล่าวถือว่ามีความเป็นธรรมหรือไม่นั้น นพ.วิชัย กล่าวว่า เรื่องความเป็นธรรม ก็ต้องให้สังคมเป็นผู้พิจารณาเอง ส่วนตนเป็นผู้ที่ถูกออกคำสั่ง จึงขอไม่ให้ความเห็นในเรื่องนี้

***หารือตั้งกรรมการใหม่ภายในม.ค.นี้

นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รมว.สาธารณสุข (สธ.) ในฐานะรองประธานคณะกรรมการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (บอร์ด สสส.) คนที่ 1 กล่าวว่า คตร. ได้ดำเนินการตรวจสอบ สสส. มาตั้งแต่ก่อนที่ตนจะเข้ารับตำแหน่ง โดยเหตุผลของการปลด ต้องไปสอบถามจาก คตร. เมื่อตนเข้ามาก็มาช่วยแก้ปัญหาตามที่ได้รับมอบหมาย คือ ให้ สธ.ศึกษา ปรับปรุงให้การดำเนินงานของ สสส. ราบรื่นตรงกับ พ.ร.บ.กองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ พ.ศ. 2544 จึงได้แต่งตั้งคณะกรรมการชุดที่มี นพ.เสรี ตู้จินดา ประธานที่ปรึกษา รมว.สาธารณสุข เป็นประธาน และได้ข้อสรุปต้องมีการแก้ไขระเบียบข้อบังคับ สสส. 26 ฉบับ โดยเน้นแก้ไขเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนของคณะกรรมการ และผ่านความเห็นชอบของบอร์ด สสส. เรียบร้อยแล้ว

ส่วนการแต่งตั้งกรรมการ สสส.ใหม่นั้น คงต้องหารือกับ พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย ประธานบอร์ด สสส.ก่อน ซึ่งคงมีการหารือถึงเรื่องนี้ในการประชุมบอร์ด สสส.ครั้งต่อไปที่จะมีขึ้นในเดือนม.ค.นี้

** แฉบอร์ดสสส.มีผลประโยชน์ทับซ้อน

นพ.เจตน์ ศิรธรานนท์ ประธานกรรมาธิการสาธารณสุข (กมธ.สธ.) สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) กล่าวว่า คิดว่าคำสั่งที่เกิดขึ้นเป็นผลต่อเนื่องมาจากการที่ คตร.ได้เข้าตรวจสอบการใช้เงินของ สสส. เชื่อว่า คงพบประเด็นเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน ของกรรมการที่รับทุนผ่านมูลนิธิต่างๆ ต้องมีการแก้ไข ไม่ได้มีความต้องการที่จะล้ม เพราะ สสส. ก็ยังต้องดำรงอยู่ แต่การทำงานจากนี้ ต้องโปร่งใส และต้องมีความเป็นธรรมาภิบาลมากขึ้นในการอนุมัติงบประมาณ ที่จะต้องโปร่งใส ตรวจสอบได้ ไม่มีข้อกังขา เช่น กรณีสวดมนต์ข้ามปี เป็นต้น ซึ่งการทำงานจากนี้ ต้องเป็นไปตามวัตถุประสงค์ของกองทุนที่แท้จริง และมีขอบเขตการทำงานที่แคบลง เพื่อให้การทำงานชัดเจน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อพิจารณารายชื่อคณะกรรมการ สสส. ที่ถูกพ้นออกจากตำแหน่งครั้งนี้ ล้วนเป็นผู้ทรงคุณวุฒิ โดยกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในบอร์ด สสส. มี 9 คน จึงมีเพียง 2 คนเท่านั้น ที่ไม่อยู่ในคำสั่ง คสช. ล็อตนี้ คือ นางทิชา ณ นคร กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจากภาคเอกชน ด้านการศึกษา และนายชำนาญ พิเชษฐพันธ์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจากภาคเอกชนด้านกฎหมาย

โดยปมปัญหาของ สสส. เริ่มมาจาก สตง. และ คตร. ได้ทำรายงานประเมินการใช้จ่ายประจำปี 2557 ของ สสส.ถึง พล.อ.ประยุทธ์ ระบุว่า การบริหารงานของ สสส. ยังไม่บรรลุผลตามวัตถุประสงค์ และมีเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน จนเรื่องอยู่ระหว่างการตรวจสอบ แม้บอร์ด สสส.จะเห็นชอบให้แก้ระเบียบ สสส.เกี่ยวกับผลประโยชน์ทับซ้อน โดยกรรมการที่ควบตำแหน่งมูลนิธิที่อาจซ้ำซ้อนกับบอร์ด สสส.ให้เลือกตำแหน่งเดียวใน 90 วันแล้วก็ตาม สุดท้ายก็มีคำสั่ง คสช.ให้กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิทั้ง 7 คนดังกล่าวพ้นจากตำแหน่ง

** "บิ๊กหนุ่ย"ชี้ อ.จุฬาฯ เกี่ยวพันกับปม อปท.

พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ (ศธ.) กล่าวถึงกรณี นายสุเมธ แย้มนุ่น รักษาการแทนอธิการบดีมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ นายอร่าม ศิริพันธุ์ หัวหน้าภาควิชารัฐประศาสนศาสตร์ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ถูกระงับการปฏิบัติราชการในตำแหน่งเดิมเป็นการชั่วคราวและไปปฏิบัติราชการประจำหน่วยงานตามที่ผู้บังคับบัญชามอบหมาย โดยในส่วนของ ศธ. มีรายชื่อ นายสมคิด มะธิปะโน ครูชำนาญการพิเศษ โรงเรียนแก่งนาจารย์พิทยาคม จังหวัดกาฬสินธุ์ ร่วมอยู่ด้วยว่า ศธ. พร้อมดำเนินการตามคำสั่งหัวหน้า คสช. ส่วนที่มีคำสั่งให้หน่วยงานต้นสังกัดเร่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง หรือสอบสวนเพื่อดำเนินการทางวินัยนั้น ต้นสังกัดของแต่ละราย จะเป็นผู้ดำเนินการแล้วรายงานมาให้ตนทราบ ส่วนที่ว่าใครทำผิดในเรื่องใดนั้น ขณะนี้ตนยังไม่ทราบ แต่จะลงไปดูในรายละเอียดอีกครั้งหนึ่ง แต่เท่าที่ทราบกรณีอาจารย์จุฬาฯ เป็นเรื่องที่เกี่ยวพันกับองค์กรปกครองท้องถิ่น (อปท.) ไม่ใช่เรื่องของการศึกษาโดยตรง
กำลังโหลดความคิดเห็น