00 เผยหลักฐานเด็ดคดีเกาะเต่า “บิ๊กตำรวจ” ปิดให้แซ่ดอ้างยึดมือถือผู้ตายต้องตะลึงเมื่อเจอคลิป ขณะ 2 ผู้ต้องหาพม่าล่วงละเมิดทางเพศ แต่ไม่สามารถนำมาเปิดเผยได้ เพราะติดขัดข้อกฎหมายเลยกลายเป็นแค่หลักฐาน“ซุบซิบ”พิสูจน์ความจริงไม่ได้“บิ๊กเกรียน”ให้ข้อสังเกต อีกเหตุของความผิดเพี้ยนไม่พ้น"แย่งซีนกันดัง" ทั้ง "เซียนอ๊อด–บิ๊กแป๊ะ" ขับรถปาดหน้า"บิ๊กเอก"ช่วงชิงเก้าอี้ ผบ.ตร.
00 เป็นไปได้ ตำรวจไทย ไม่น่าเชื่อ เสียเลือดเนื้อ บ้างล้มตาย นายไม่สน ทำดีเหรอ ทำให้ตาย นายให้ทน ดีคือผล ส่งให้นาย ไปได้ดี ผลงานดี ดีฉิบหาย นายได้หน้า พลาดขึ้นมา จ้องจะฆ่า น่าฉงน เตือนพี่น้อง ตำรวจไทย เราทุกคน อย่าทุ่มเท เสียจน ตนต้องตาย ทุ่มงานมาก ทำแทบตาย นายได้หน้า พลาดขึ้นมา เอาเราตาย ไม่รู้เห็น เคยบ้างไหม ช่วยปกป้อง ยามลำเค็ญ ที่เคยเห็น ออกไว้ก่อน น่าอ่อนใจ ความดีที่ ทำมา ก่อนหน้านี้ มันไม่มีคุณค่า มาให้เห็น เร่งคำสั่ง ให้ออก บอกรีบเซ็นต์ ไม่เคยเห็น นายไหนช่วย ทีส่วยเอา(55555).....สวัสดีปีลิงครับ “บิ๊กเกรียน” ประเดิมด้วยกลอนสุดขื่นของตำรวจนิรนาม ที่ส่งมาให้ ประชาชนทั่วไปอ่านแล้วคงสะดุ้งโหยง
000... คดีฆาตกรรม 2 นักท่องเที่ยวชาวอังกฤษ ที่เกาะเต่า จ.สุราษฎร์ธานี ทำท่าจะเป็น “เสี้ยน”ทิ่มแทงรัฐบาล“เรือแป๊ะ”ไปอีกนาน ถ้ายังทำเป็น“ตาบอดคลำช้าง”เอาแต่ขู่ฟ่อๆ“จะล่อ”คนปลุกปั่น อันนี้ “บิ๊กเกรียน”เห็นว่าไม่มีประโยชน์“พม่า”เขาคงไม่เอาด้วย ...หลังคำตัดสินเมื่อ 24 ธ.ค.58 เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างมาก เฉพาะ“บ้านเรา”สื่อฯ ทุกสายรู้หน้าที่ ขืนวิพากษ์อะไรมาก อาจจะโดนข้อหา“ละเมิด” แต่ลึกๆทุกคนก็ทราบดี ศาลท่านว่าไปตามพยานหลักฐานที่นำเสนอโดยตำรวจ–อัยการ ส่วนจะเกิดความผิดพลาดอย่างไร “วิญญูชน”สามารถพิจารณาได้ เพราะหลังพม่า ประท้วง ศาลจังหวัดฯได้เผยแพร่คำพิพากษาในเว็บไซต์ ป่านนี้นักกฎหมาย นักวิชาการ ทนายความ และประชาชนทั่วไปคงได้อ่าน ได้วิเคราะห์กันไปแล้ว...
000..."บิ๊กเกรียน" จะไม่ชวนคุยเรื่องกฎหมาย แต่จะ “ย้อนรอย” ให้เห็นตะเข็บบางอย่างตอนในอีกแง่มุมเพราะอะไร ทำไม คดีเกาะเต่า มันจึงเกิดกระแสต้านจนลุกลามบานปลายถึงขั้นชาวพม่าไม่ยอมรับคำตัดสิน...เหตุการณ์นี้ขอย้อนกลับไปวันที่ 15 ก.ย. 57 พนักงานสอบสวน สภ.เกาะพงัน จ.สราษฎร์ธานี รับแจ้งว่ามีเหตุฆาตกรรม 2 นักท่องเที่ยวบริเวณโขดหินชายหาดทรายรี หมู่ 1 ต.เกาะเต่า จึงไปสอบสวนพบศพ น.ส.ฮันนาห์ วิคตอเรีย กับนายเดวิด วิลเลียม นอนตายอยู่ริมหาด สภาพศพกึ่งเปลือย สภาพศพทั้งคู่มีบาดแผลถูกแทงตามร่างกาย เฉพาะ น.ส.วิคตอเรีย ถูกจอบทุบใบหน้าจนยุบ และในเบื้องต้นมีตำรวจนักสืบคนหนึ่ง ซึ่งเป็นผู้พบศพ ให้การว่าได้รับแจ้งจากชาวบ้านเมื่อเดินทางมาถึงที่เกิดเหตุเกรงว่าศพจะถูกน้ำซัด จึงนำเชือกมามัดศพไว้...ประเด็นนี้จึงเป็นชนวนเหตุต่อมาถึงลูกหลานผู้มีอิทธิพลบนเกาะเต่า เพราะตำรวจนักสืบคนนั้น มีความสนิทสนมกับครอบครัวผู้กว้างขวางเป็นอย่างดี...
000...สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ณ เวลานั้นเป็นช่วง“คืนความสุข”ผ่านมาเพียง 3 เดือนเศษ เพิ่งจัดกระบวนทัพเสร็จใหม่ๆ มี พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ เป็น รรท.ผบ.ตร. พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธ์ม่วง เป็นรอง ผบ.ตร. ฝ่ายความมั่นคง พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ เป็น รอง ผบ.ตร.ฝ่ายปราบปราม พล.ต.ท.จักรทิพย์ ชัยจินดา เป็นผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ท.ปัญญา มาเม่น เป็น ผบช.ภ.8 พล.ต.ต.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล เป็นรอง ผบช.ก. คดีเกาะเต่า เป็นคดีอุกอาจสะเทือนขวัญ หรืออีกนัยหนึ่งไงก็ต้องเป็นคดีดัง พล.ต.อ.เอก ในฐานะรับผิดชอบด้านปราบปราม รีบบินด่วนลงไปติดตามคดี ขณะเดียวกัน พล.ต.อ.วัชรพล ก็สั่งให้ พล.ต.อ.สมยศ รอง ผบ.ตร. ซึ่งสังคมทราบกันดีว่ากำลัง “คั่ว”ตำแหน่ง ผบ.ตร. และเป็นตัวเลือกที่สายอำนาจเตรียมสนับสนุนให้นั่งเก้าอี้สำคัญ ลงไปคุมคดีด้วยการสั่งงาน “ข้ามสาย” จนไปถึง“ข้ามหน้าข้ามตา”เพียงต้องการ“ตีกัน”พล.ต.อ.เอก เจ้าของหน้างานตัวจริง ไม่ให้มีบทบาทในคดีนี้.... ที่สุด “เอก”ต้องยกธงยอมแพ้กลับมาตั้งหลักที่สำนักงานฯ ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของ“เซียนอ๊อด–บิ๊กแป๊ะ”ว่ากันตามถนัด
000...และหากยังจำกันได้ ในส่วนการทำงานของตำรวจใหญ่ ซึ่งควรวางตัวเป็นพี่เลี้ยงปล่อยให้เป็นหน้าที่ของ พล.ต.ท.ปัญญา มาเม่น ในฐานะเจ้าของพื้นที่กลับเลือกวิธีเดิมๆ คือ แย่งงาน หรือเอาคดีดังมาทำเองอย่างหน้าตาเฉย พล.ต.อ.สมยศ เลือกวิธี “เสี่ยสั่งลุย”ขนกองทัพนักข่าวจากกรุงเทพฯ ลงพื้นที่เกาะเต่าเพื่อติดตามอย่างใก้ลชิด มีการประโคมข่าวกันอย่างเอิกเกริก ในการนั้นยังได้หนีบ พล.ต.ท.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้ช่วย ผบ.ตร. และ พล.ต.ต.ศรีวราห์ รังสิพราหณกุล รอง ผบช.ก.(ในขณะนั้น) ติดตามไปด้วย... การทำงานของตำรวจถูกตรวจสอบแบบคู่ขนาดจากนักสืบโซเชียล อย่างเข้มข้น พล.ต.ท.จักรทิพย์ แสดงบทบาทเต็มตัว ภายใต้การสนับสนุนของ“บิ๊กกุ้ย –เซียนอ๊อด” มีการขนพวก นรต.36 แห่ไปสมทบเกือบหมดรุ่น กระทั่งวันที่ 2 ต.ค.58 หลัง พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธ์ม่วง ได้รับการแต่งตั้งเป็น ผบ.ตร. คนใหม่ สืบต่อจากพล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ เพียง 2 วัน ก็โชว์บุญญาบารมี สามารถจับคนงานพม่า 2 ราย เสมือนเป็นการ "เปิดตัว" ผบ.ตร.คนใหม่ และว่าที่ ผบ.ตร. คนต่อไป ท่ามกลางความเคลือบแคลงใจของประชาชน และสื่อจำนวนหนึ่ง โดยเฉพาะสื่อออนไลน์จนเกิดวาทะกรรม “มโนโซเชียล”เพื่อเป็นการตอบโต้“ดิสเครดิต”กลับบรรดานักสืบคีย์บอร์ดทั้งหลาย...
000...ประสบการณ์ “บิ๊กเกรียน”นับเป็นวัฒนธรรมของสีกากีมาทุกยุคทุกสมัย คือ การ“แย่งเอาหน้า”ตลอดจนถึง “ปล้นผลงาน-ชงผลงาน” เพื่อเปิดโอกาสให้คู่เคนดิเดต ดูดีมีภาษีมากกว่าคู่แข่ง คดีเกาะเต่าจึงมีเงื่อมปมซับซ้อน ถึงขั้น“ไม่โปร่งใส”ตำรวจตั้งข้อกล่าวหา 2 แรงงานพม่า ขณะที่นักสืบโซเชียลตั้งข้อสังเกตว่าตำรวจจับแพะ แถมพ่วงด้วยการซ้อมทรมาน“จริง–เท็จ”ไม่มีใครยืนยันได้แต่“ต้นทุน”หมาต๋า มีแค่ไหนตอบได้ว่า“ศูนย์”...ผ่านไปปีเศษ 24 ธ.ค.58 ศาลเกาะสมุยตัดสินประหารชีวิต เวพิว กับ ซอลิน ท่ามกลางเสียงคัดค้านของชาวพม่า จุดแรกของการรวมตัวประท้วงแสดงออกความไม่พอใจ คือ หน้าสถานทูตไทย ประจำกรุงย่างกุ้ง ซึ่งต่อมาการประท้วงลุกลามยังพรมแดนหน้าด่านต่างๆ แม้จะสงบ เรียบร้อย แต่ดูขึงขัง เอาจริง “สมทบ” ด้วยท่าทีของ พล.อ.อาวุโสมิน อ่อง ลาย ผบช.ทหารสูงสุดของพม่า ส่งข้อความผ่านเฟชบุ๊กส่วนตัวอวยพร พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เนื่องในโอกาสปีใหม่ พร้อมเรียกร้องให้ทางการไทย“ทบทวนหลักฐาน และคำตัดสิน”ในคดีนี้
000...ตบท้ายแบบสุดซอยกันไปเลย...เป็นสังคม “ซุบซิบ”กันมานานถึง“หลักฐานเด็ด”คดี“เกาะเต่า”ที่พนักงานสอบสวน“กำไต๋”ไว้ “บิ๊กเกรียน”คนอยู่แวดวงข่าวได้ยินได้ฟังเพื่อนพ้อง น้องพี่ระดับ “หัว”หลายสำนักข่าว ทั้งวิทยุ หนังสือพิมพ์ ทีวี. ต่างมีข้อมูลตรงกันจากผู้หลักผู้ใหญ่ในรั้วสีกากี นั่งยัน ยืนยัน 2 แรงงานพม่า คือ ฆาตกรตัวจริงแน่ เหตุที่เชื่อก็เพราะโทรศัพท์มือถือของคนตาย ที่ผู้ต้องหาเล่นพิเรนท์ถ่ายคลิปตัวเองขณะทำมิดีมิร้ายเหยื่อ “หลักฐานซุบซิบ”ชิ้นนี้ทำให้ทุกฝ่ายเออออด้วย แม้ไม่สามารถนำมาอ้างอิงต่อสังคมได้ “บิ๊กเกรียน” ได้ยินซ้ำๆ หลายรอบ “ส่วนตัว”จะให้เชื่อก็ยากอยู่ เพราะที่สุดแล้วมันก็แค่ “หลักฐานซุบซิบ”เฉยๆ จะดูก็ไม่ได้ เพราะติดขัดข้อกฎหมาย และสำคัญ ว่าก็ว่านะ... โจรมันทำระยำขนาดนี้ ยังมีแก่ใจ“ถ่ายคลิป”ไว้มัดตัวเองดอกหรือ....เหนื่อยจ้า เหนื่อย
000... ไหนๆก็ไหนๆ “บิ๊กเกรียน”ขอนำตัวอย่างคดีดังที่ประจานการทำงานตำรวจไทยจนเป็น“ตำนาน”และคนไทยไม่เคยลืม...คดีแรก น.ส.เชอรี่แอน ดันแคน เหยื่อฆาตกรรมตำรวจไทย“ใจกล้า”จับนายรุ่งเฉลิม กนกชวาลชัย นายพิทักษ์ ค้าขาย นายกระแสร์ พลอยกลุ่ม และ นายธวัชชัย กิจประยูร 4 แพะ ยัดข้อหา-ศาลชั้นต้นตัดสินประหารชีวิต พอถึงขั้นอุทธรณ์ ศาลยก ขังรอการตัดสินขั้นตอนสุดท้ายคือฎีกานานถึง 6 ปีก่อฎีกายกฟ้อง...ผล...นายรุ่งเฉลิม ตรอมใจตายในคุก ส่วนนายพิทักษ์ กับนายธวัชชัย ติดโรคร้าย ขณะถูกจองจำออกมาเสียชีวิตทั้งคู่ เหลือแต่นายกระแสร์ แต่ชีวิตไม่ปกติอีกต่อไป เพราะกระดูกสันหลังแตก ต้องกลายเป็นคนพิการไปตลอดชีวิต คดีสุดอัปยศวงการตำรวจไทยนี้ถูกสังคมไปตีแผ่อย่างกว้างขวาง หวังเตือนสติผู้มีอำนาจโดยเฉพาะ “ตำรวจไทย”อย่าเห็นชะตากรรมของเพื่อนมนุษย์เป็น“ปุ๋ย”เพื่อสร้างความงอกงาม-ผลงานให้กับคนทำคดี และที่สุดแล้วสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ต้องชดใช้ค่าชีวิตของ 4 แพะ จำนวน 38 ล้านบาท นับเป็นความผิดพลาดอันสูงค่า เป็น“ตราบาป”ตรึงสีกากีมาจนถึงทุกวันนี้...
000... อีกคดีหนึ่งที่สร้างความสะพรึงกลัวให้กับสังคมไทยไม่ยิ่งหย่อนกัน...วันที่ 1 ส.ค.37 หนังสือพิมพ์พาดหัวข่าว 2 แม่ลูกตระกูลศรีธนะขัณฑ์ ที่ถูกอุ้มหายตัวไปอย่าลึกลับ ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตภายในรถเบนซ์ และกลายเป็นข่าวครึกโครม ในเชิงสืบสวนสอบสวนชี้ในทางเดียวกันว่า พล.ต.ท.ชลอ เกิดเทศ (ชื่อยศในขณะนั้น) เป็นผู้บงการอยู่เบื้องหลังแต่ปรากฏว่า บรรดา “บิ๊กตำรวจ”พยายามช่วยกันปกป้อง โดย พล.ต.อ.ประทิน สันติประภพ อธิบดีกรมตำรวจ นำผลพิสูจน์ศพจากสถาบันนิติเวช รพ.ตำรวจ มาหักล้าง แต่กระแสสังคมไปไกลกว่าแล้ว พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ รมว.มหาดไทย ในสมัยนั้น จึงออกคำสั่งให้ดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา กระทั่งนำสู่การจับกุม "ป๋าลอ" กับสมัครพรรคพวก...
000...ว่าไปแล้วคดีสะเทือนขวัญ นางดาราวดี กับด.ช.เสรี 2 แม่ลูกตระกูลศรีธนะขัณฑ์ ถ้าวิเคราะห์ถึงความผิดพลาดกันอย่างลึกซึ้ง ส่วนหนึ่งน่าจะมาจากความร้อนรนของผู้มีอำนาจ กระทั่งการตัดสินใจของผู้บังคับบัญชา ในการมอบหมายภารกิจให้กับ“ผู้เหมาะสม”เพราะคดีนี้ต้นสายปลายเหตุจริงๆ มาจากคดีฆาตกรรมนักการทูตชาวซาอุฯใน กทม. 2 ครั้ง 2 หนจนเป็นเหตุให้ประเทศซาอุดิอาระเบีย ไม่พอใจประเทศไทยอย่างแรง ถึงกับงัดมาตรการต่างๆ ออกมาเล่นงานเราอย่างถึงพริกถึงขิง... คดีนี้ “กรมตำรวจ”ระดม “มือปราบ”ทั่วประเทศมาทำงานอย่างพร้อมหน้า แต่ที่โด่งดังมากที่สุดในตอนนั้นก็คือ พล.ต.ท.ธนู หอมหวน และ พล.ต.ท.ชลอ เกิดเทศ ซึ่งต่างฝ่ายต่างมี“ลูกทีม”อยู่มากมาย แต่ที่สุดแล้ว“ผล”ของการทำงานแบบแย่งกันทำ ต้องหักเล่ห์ชิงเหลี่ยมปิดบังข้อมูลซึ่งกันและกัน จนนำมาซึ่งความผิดพลาด เช่น คดีสืบเนื่องจากการฆาตกรรมนักการฑูตฯ คือการหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยของ นายโมฮัมหมัด อัลรูไวลี และมีการดำเนินคดีกับ พล.ต.ท.สมคิด บุญถนอม 1 ในทีมสืบสวนของพล.ต.ท.ธนู กับพรรคพวกแต่ที่สุดรอดมาได้ ... ขณะเดียวกัน พล.ต.ท.ชลอ เกิดเทศ หรือเจ้าของฉายา“ชีคชลอ”ผู้ตามล่าเพชรซาอุฯ ในเวลาต่อมากลายเป็นฆาตกรอุ้มฆ่า เพราะความโลภในมหาสมบัติวังไฟซาลฯ เขาชดใช้กรรมในคดีต่างๆ ต้องติดคุกยาวนานถึง 14 ปี–ถูกถอดยศ ...
000...วันนี้คดีเกาะเต่า กำลังกลับมาหลอกหลอน วิธีตั้งรับของทางการไทย“บิ๊กเกรียน”ไม่อาจเสนอหน้า“สอนหนังสือสังฆราช”ได้แต่ขอแนะนำว่า “หยุด”เสียทีเรื่องโทษปี่โทษกลอง “หยุด” เสียทีข้อกล่าวหาผู้ไม่หวังดี คอยยั่วยุปลุก ปั่น...ท่านควรกลับไปมองคนใก้ลตัวประเภท “ดีครับท่าน เหมาะสมครับนาย สบายครับพี่” ดูไอ้พวกนี้ไว้ก่อนเพราะรากเง้าของปัญหาถ้าว่ากันตรงๆก็ไม่พ้น “ทายาท” ที่ท่านตั้งมาคุมสำนักงานตำรวจแห่งชาติ นั่นแหละ คดีเกาะเต่าเกิดขึ้นในยุค พล.ต.อ.วัชรพล ประสานราชกิจ - พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธ์ม่วง –พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา และสมัครพรรคพวก ท่านจะค้นหาความจริงหรือ “ปกป้อง”นั่นคือ “ทางออก”และ“ทางเลือก”...
00 เป็นไปได้ ตำรวจไทย ไม่น่าเชื่อ เสียเลือดเนื้อ บ้างล้มตาย นายไม่สน ทำดีเหรอ ทำให้ตาย นายให้ทน ดีคือผล ส่งให้นาย ไปได้ดี ผลงานดี ดีฉิบหาย นายได้หน้า พลาดขึ้นมา จ้องจะฆ่า น่าฉงน เตือนพี่น้อง ตำรวจไทย เราทุกคน อย่าทุ่มเท เสียจน ตนต้องตาย ทุ่มงานมาก ทำแทบตาย นายได้หน้า พลาดขึ้นมา เอาเราตาย ไม่รู้เห็น เคยบ้างไหม ช่วยปกป้อง ยามลำเค็ญ ที่เคยเห็น ออกไว้ก่อน น่าอ่อนใจ ความดีที่ ทำมา ก่อนหน้านี้ มันไม่มีคุณค่า มาให้เห็น เร่งคำสั่ง ให้ออก บอกรีบเซ็นต์ ไม่เคยเห็น นายไหนช่วย ทีส่วยเอา(55555).....สวัสดีปีลิงครับ “บิ๊กเกรียน” ประเดิมด้วยกลอนสุดขื่นของตำรวจนิรนาม ที่ส่งมาให้ ประชาชนทั่วไปอ่านแล้วคงสะดุ้งโหยง
000... คดีฆาตกรรม 2 นักท่องเที่ยวชาวอังกฤษ ที่เกาะเต่า จ.สุราษฎร์ธานี ทำท่าจะเป็น “เสี้ยน”ทิ่มแทงรัฐบาล“เรือแป๊ะ”ไปอีกนาน ถ้ายังทำเป็น“ตาบอดคลำช้าง”เอาแต่ขู่ฟ่อๆ“จะล่อ”คนปลุกปั่น อันนี้ “บิ๊กเกรียน”เห็นว่าไม่มีประโยชน์“พม่า”เขาคงไม่เอาด้วย ...หลังคำตัดสินเมื่อ 24 ธ.ค.58 เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างมาก เฉพาะ“บ้านเรา”สื่อฯ ทุกสายรู้หน้าที่ ขืนวิพากษ์อะไรมาก อาจจะโดนข้อหา“ละเมิด” แต่ลึกๆทุกคนก็ทราบดี ศาลท่านว่าไปตามพยานหลักฐานที่นำเสนอโดยตำรวจ–อัยการ ส่วนจะเกิดความผิดพลาดอย่างไร “วิญญูชน”สามารถพิจารณาได้ เพราะหลังพม่า ประท้วง ศาลจังหวัดฯได้เผยแพร่คำพิพากษาในเว็บไซต์ ป่านนี้นักกฎหมาย นักวิชาการ ทนายความ และประชาชนทั่วไปคงได้อ่าน ได้วิเคราะห์กันไปแล้ว...
000..."บิ๊กเกรียน" จะไม่ชวนคุยเรื่องกฎหมาย แต่จะ “ย้อนรอย” ให้เห็นตะเข็บบางอย่างตอนในอีกแง่มุมเพราะอะไร ทำไม คดีเกาะเต่า มันจึงเกิดกระแสต้านจนลุกลามบานปลายถึงขั้นชาวพม่าไม่ยอมรับคำตัดสิน...เหตุการณ์นี้ขอย้อนกลับไปวันที่ 15 ก.ย. 57 พนักงานสอบสวน สภ.เกาะพงัน จ.สราษฎร์ธานี รับแจ้งว่ามีเหตุฆาตกรรม 2 นักท่องเที่ยวบริเวณโขดหินชายหาดทรายรี หมู่ 1 ต.เกาะเต่า จึงไปสอบสวนพบศพ น.ส.ฮันนาห์ วิคตอเรีย กับนายเดวิด วิลเลียม นอนตายอยู่ริมหาด สภาพศพกึ่งเปลือย สภาพศพทั้งคู่มีบาดแผลถูกแทงตามร่างกาย เฉพาะ น.ส.วิคตอเรีย ถูกจอบทุบใบหน้าจนยุบ และในเบื้องต้นมีตำรวจนักสืบคนหนึ่ง ซึ่งเป็นผู้พบศพ ให้การว่าได้รับแจ้งจากชาวบ้านเมื่อเดินทางมาถึงที่เกิดเหตุเกรงว่าศพจะถูกน้ำซัด จึงนำเชือกมามัดศพไว้...ประเด็นนี้จึงเป็นชนวนเหตุต่อมาถึงลูกหลานผู้มีอิทธิพลบนเกาะเต่า เพราะตำรวจนักสืบคนนั้น มีความสนิทสนมกับครอบครัวผู้กว้างขวางเป็นอย่างดี...
000...สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ณ เวลานั้นเป็นช่วง“คืนความสุข”ผ่านมาเพียง 3 เดือนเศษ เพิ่งจัดกระบวนทัพเสร็จใหม่ๆ มี พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ เป็น รรท.ผบ.ตร. พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธ์ม่วง เป็นรอง ผบ.ตร. ฝ่ายความมั่นคง พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ เป็น รอง ผบ.ตร.ฝ่ายปราบปราม พล.ต.ท.จักรทิพย์ ชัยจินดา เป็นผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ท.ปัญญา มาเม่น เป็น ผบช.ภ.8 พล.ต.ต.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล เป็นรอง ผบช.ก. คดีเกาะเต่า เป็นคดีอุกอาจสะเทือนขวัญ หรืออีกนัยหนึ่งไงก็ต้องเป็นคดีดัง พล.ต.อ.เอก ในฐานะรับผิดชอบด้านปราบปราม รีบบินด่วนลงไปติดตามคดี ขณะเดียวกัน พล.ต.อ.วัชรพล ก็สั่งให้ พล.ต.อ.สมยศ รอง ผบ.ตร. ซึ่งสังคมทราบกันดีว่ากำลัง “คั่ว”ตำแหน่ง ผบ.ตร. และเป็นตัวเลือกที่สายอำนาจเตรียมสนับสนุนให้นั่งเก้าอี้สำคัญ ลงไปคุมคดีด้วยการสั่งงาน “ข้ามสาย” จนไปถึง“ข้ามหน้าข้ามตา”เพียงต้องการ“ตีกัน”พล.ต.อ.เอก เจ้าของหน้างานตัวจริง ไม่ให้มีบทบาทในคดีนี้.... ที่สุด “เอก”ต้องยกธงยอมแพ้กลับมาตั้งหลักที่สำนักงานฯ ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของ“เซียนอ๊อด–บิ๊กแป๊ะ”ว่ากันตามถนัด
000...และหากยังจำกันได้ ในส่วนการทำงานของตำรวจใหญ่ ซึ่งควรวางตัวเป็นพี่เลี้ยงปล่อยให้เป็นหน้าที่ของ พล.ต.ท.ปัญญา มาเม่น ในฐานะเจ้าของพื้นที่กลับเลือกวิธีเดิมๆ คือ แย่งงาน หรือเอาคดีดังมาทำเองอย่างหน้าตาเฉย พล.ต.อ.สมยศ เลือกวิธี “เสี่ยสั่งลุย”ขนกองทัพนักข่าวจากกรุงเทพฯ ลงพื้นที่เกาะเต่าเพื่อติดตามอย่างใก้ลชิด มีการประโคมข่าวกันอย่างเอิกเกริก ในการนั้นยังได้หนีบ พล.ต.ท.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้ช่วย ผบ.ตร. และ พล.ต.ต.ศรีวราห์ รังสิพราหณกุล รอง ผบช.ก.(ในขณะนั้น) ติดตามไปด้วย... การทำงานของตำรวจถูกตรวจสอบแบบคู่ขนาดจากนักสืบโซเชียล อย่างเข้มข้น พล.ต.ท.จักรทิพย์ แสดงบทบาทเต็มตัว ภายใต้การสนับสนุนของ“บิ๊กกุ้ย –เซียนอ๊อด” มีการขนพวก นรต.36 แห่ไปสมทบเกือบหมดรุ่น กระทั่งวันที่ 2 ต.ค.58 หลัง พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธ์ม่วง ได้รับการแต่งตั้งเป็น ผบ.ตร. คนใหม่ สืบต่อจากพล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ เพียง 2 วัน ก็โชว์บุญญาบารมี สามารถจับคนงานพม่า 2 ราย เสมือนเป็นการ "เปิดตัว" ผบ.ตร.คนใหม่ และว่าที่ ผบ.ตร. คนต่อไป ท่ามกลางความเคลือบแคลงใจของประชาชน และสื่อจำนวนหนึ่ง โดยเฉพาะสื่อออนไลน์จนเกิดวาทะกรรม “มโนโซเชียล”เพื่อเป็นการตอบโต้“ดิสเครดิต”กลับบรรดานักสืบคีย์บอร์ดทั้งหลาย...
000...ประสบการณ์ “บิ๊กเกรียน”นับเป็นวัฒนธรรมของสีกากีมาทุกยุคทุกสมัย คือ การ“แย่งเอาหน้า”ตลอดจนถึง “ปล้นผลงาน-ชงผลงาน” เพื่อเปิดโอกาสให้คู่เคนดิเดต ดูดีมีภาษีมากกว่าคู่แข่ง คดีเกาะเต่าจึงมีเงื่อมปมซับซ้อน ถึงขั้น“ไม่โปร่งใส”ตำรวจตั้งข้อกล่าวหา 2 แรงงานพม่า ขณะที่นักสืบโซเชียลตั้งข้อสังเกตว่าตำรวจจับแพะ แถมพ่วงด้วยการซ้อมทรมาน“จริง–เท็จ”ไม่มีใครยืนยันได้แต่“ต้นทุน”หมาต๋า มีแค่ไหนตอบได้ว่า“ศูนย์”...ผ่านไปปีเศษ 24 ธ.ค.58 ศาลเกาะสมุยตัดสินประหารชีวิต เวพิว กับ ซอลิน ท่ามกลางเสียงคัดค้านของชาวพม่า จุดแรกของการรวมตัวประท้วงแสดงออกความไม่พอใจ คือ หน้าสถานทูตไทย ประจำกรุงย่างกุ้ง ซึ่งต่อมาการประท้วงลุกลามยังพรมแดนหน้าด่านต่างๆ แม้จะสงบ เรียบร้อย แต่ดูขึงขัง เอาจริง “สมทบ” ด้วยท่าทีของ พล.อ.อาวุโสมิน อ่อง ลาย ผบช.ทหารสูงสุดของพม่า ส่งข้อความผ่านเฟชบุ๊กส่วนตัวอวยพร พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เนื่องในโอกาสปีใหม่ พร้อมเรียกร้องให้ทางการไทย“ทบทวนหลักฐาน และคำตัดสิน”ในคดีนี้
000...ตบท้ายแบบสุดซอยกันไปเลย...เป็นสังคม “ซุบซิบ”กันมานานถึง“หลักฐานเด็ด”คดี“เกาะเต่า”ที่พนักงานสอบสวน“กำไต๋”ไว้ “บิ๊กเกรียน”คนอยู่แวดวงข่าวได้ยินได้ฟังเพื่อนพ้อง น้องพี่ระดับ “หัว”หลายสำนักข่าว ทั้งวิทยุ หนังสือพิมพ์ ทีวี. ต่างมีข้อมูลตรงกันจากผู้หลักผู้ใหญ่ในรั้วสีกากี นั่งยัน ยืนยัน 2 แรงงานพม่า คือ ฆาตกรตัวจริงแน่ เหตุที่เชื่อก็เพราะโทรศัพท์มือถือของคนตาย ที่ผู้ต้องหาเล่นพิเรนท์ถ่ายคลิปตัวเองขณะทำมิดีมิร้ายเหยื่อ “หลักฐานซุบซิบ”ชิ้นนี้ทำให้ทุกฝ่ายเออออด้วย แม้ไม่สามารถนำมาอ้างอิงต่อสังคมได้ “บิ๊กเกรียน” ได้ยินซ้ำๆ หลายรอบ “ส่วนตัว”จะให้เชื่อก็ยากอยู่ เพราะที่สุดแล้วมันก็แค่ “หลักฐานซุบซิบ”เฉยๆ จะดูก็ไม่ได้ เพราะติดขัดข้อกฎหมาย และสำคัญ ว่าก็ว่านะ... โจรมันทำระยำขนาดนี้ ยังมีแก่ใจ“ถ่ายคลิป”ไว้มัดตัวเองดอกหรือ....เหนื่อยจ้า เหนื่อย
000... ไหนๆก็ไหนๆ “บิ๊กเกรียน”ขอนำตัวอย่างคดีดังที่ประจานการทำงานตำรวจไทยจนเป็น“ตำนาน”และคนไทยไม่เคยลืม...คดีแรก น.ส.เชอรี่แอน ดันแคน เหยื่อฆาตกรรมตำรวจไทย“ใจกล้า”จับนายรุ่งเฉลิม กนกชวาลชัย นายพิทักษ์ ค้าขาย นายกระแสร์ พลอยกลุ่ม และ นายธวัชชัย กิจประยูร 4 แพะ ยัดข้อหา-ศาลชั้นต้นตัดสินประหารชีวิต พอถึงขั้นอุทธรณ์ ศาลยก ขังรอการตัดสินขั้นตอนสุดท้ายคือฎีกานานถึง 6 ปีก่อฎีกายกฟ้อง...ผล...นายรุ่งเฉลิม ตรอมใจตายในคุก ส่วนนายพิทักษ์ กับนายธวัชชัย ติดโรคร้าย ขณะถูกจองจำออกมาเสียชีวิตทั้งคู่ เหลือแต่นายกระแสร์ แต่ชีวิตไม่ปกติอีกต่อไป เพราะกระดูกสันหลังแตก ต้องกลายเป็นคนพิการไปตลอดชีวิต คดีสุดอัปยศวงการตำรวจไทยนี้ถูกสังคมไปตีแผ่อย่างกว้างขวาง หวังเตือนสติผู้มีอำนาจโดยเฉพาะ “ตำรวจไทย”อย่าเห็นชะตากรรมของเพื่อนมนุษย์เป็น“ปุ๋ย”เพื่อสร้างความงอกงาม-ผลงานให้กับคนทำคดี และที่สุดแล้วสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ต้องชดใช้ค่าชีวิตของ 4 แพะ จำนวน 38 ล้านบาท นับเป็นความผิดพลาดอันสูงค่า เป็น“ตราบาป”ตรึงสีกากีมาจนถึงทุกวันนี้...
000... อีกคดีหนึ่งที่สร้างความสะพรึงกลัวให้กับสังคมไทยไม่ยิ่งหย่อนกัน...วันที่ 1 ส.ค.37 หนังสือพิมพ์พาดหัวข่าว 2 แม่ลูกตระกูลศรีธนะขัณฑ์ ที่ถูกอุ้มหายตัวไปอย่าลึกลับ ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตภายในรถเบนซ์ และกลายเป็นข่าวครึกโครม ในเชิงสืบสวนสอบสวนชี้ในทางเดียวกันว่า พล.ต.ท.ชลอ เกิดเทศ (ชื่อยศในขณะนั้น) เป็นผู้บงการอยู่เบื้องหลังแต่ปรากฏว่า บรรดา “บิ๊กตำรวจ”พยายามช่วยกันปกป้อง โดย พล.ต.อ.ประทิน สันติประภพ อธิบดีกรมตำรวจ นำผลพิสูจน์ศพจากสถาบันนิติเวช รพ.ตำรวจ มาหักล้าง แต่กระแสสังคมไปไกลกว่าแล้ว พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ รมว.มหาดไทย ในสมัยนั้น จึงออกคำสั่งให้ดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา กระทั่งนำสู่การจับกุม "ป๋าลอ" กับสมัครพรรคพวก...
000...ว่าไปแล้วคดีสะเทือนขวัญ นางดาราวดี กับด.ช.เสรี 2 แม่ลูกตระกูลศรีธนะขัณฑ์ ถ้าวิเคราะห์ถึงความผิดพลาดกันอย่างลึกซึ้ง ส่วนหนึ่งน่าจะมาจากความร้อนรนของผู้มีอำนาจ กระทั่งการตัดสินใจของผู้บังคับบัญชา ในการมอบหมายภารกิจให้กับ“ผู้เหมาะสม”เพราะคดีนี้ต้นสายปลายเหตุจริงๆ มาจากคดีฆาตกรรมนักการทูตชาวซาอุฯใน กทม. 2 ครั้ง 2 หนจนเป็นเหตุให้ประเทศซาอุดิอาระเบีย ไม่พอใจประเทศไทยอย่างแรง ถึงกับงัดมาตรการต่างๆ ออกมาเล่นงานเราอย่างถึงพริกถึงขิง... คดีนี้ “กรมตำรวจ”ระดม “มือปราบ”ทั่วประเทศมาทำงานอย่างพร้อมหน้า แต่ที่โด่งดังมากที่สุดในตอนนั้นก็คือ พล.ต.ท.ธนู หอมหวน และ พล.ต.ท.ชลอ เกิดเทศ ซึ่งต่างฝ่ายต่างมี“ลูกทีม”อยู่มากมาย แต่ที่สุดแล้ว“ผล”ของการทำงานแบบแย่งกันทำ ต้องหักเล่ห์ชิงเหลี่ยมปิดบังข้อมูลซึ่งกันและกัน จนนำมาซึ่งความผิดพลาด เช่น คดีสืบเนื่องจากการฆาตกรรมนักการฑูตฯ คือการหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยของ นายโมฮัมหมัด อัลรูไวลี และมีการดำเนินคดีกับ พล.ต.ท.สมคิด บุญถนอม 1 ในทีมสืบสวนของพล.ต.ท.ธนู กับพรรคพวกแต่ที่สุดรอดมาได้ ... ขณะเดียวกัน พล.ต.ท.ชลอ เกิดเทศ หรือเจ้าของฉายา“ชีคชลอ”ผู้ตามล่าเพชรซาอุฯ ในเวลาต่อมากลายเป็นฆาตกรอุ้มฆ่า เพราะความโลภในมหาสมบัติวังไฟซาลฯ เขาชดใช้กรรมในคดีต่างๆ ต้องติดคุกยาวนานถึง 14 ปี–ถูกถอดยศ ...
000...วันนี้คดีเกาะเต่า กำลังกลับมาหลอกหลอน วิธีตั้งรับของทางการไทย“บิ๊กเกรียน”ไม่อาจเสนอหน้า“สอนหนังสือสังฆราช”ได้แต่ขอแนะนำว่า “หยุด”เสียทีเรื่องโทษปี่โทษกลอง “หยุด” เสียทีข้อกล่าวหาผู้ไม่หวังดี คอยยั่วยุปลุก ปั่น...ท่านควรกลับไปมองคนใก้ลตัวประเภท “ดีครับท่าน เหมาะสมครับนาย สบายครับพี่” ดูไอ้พวกนี้ไว้ก่อนเพราะรากเง้าของปัญหาถ้าว่ากันตรงๆก็ไม่พ้น “ทายาท” ที่ท่านตั้งมาคุมสำนักงานตำรวจแห่งชาติ นั่นแหละ คดีเกาะเต่าเกิดขึ้นในยุค พล.ต.อ.วัชรพล ประสานราชกิจ - พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธ์ม่วง –พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา และสมัครพรรคพวก ท่านจะค้นหาความจริงหรือ “ปกป้อง”นั่นคือ “ทางออก”และ“ทางเลือก”...