xs
xsm
sm
md
lg

เผยหลักฐานเด็ดคดีเกาะเต่า “บิ๊กตำรวจ"ปิดให้แซ่ดอ้างยึดโทรศัพท์ผู้ตายเจอคลิป 2 ผู้ต้องหาล่วงละเมิดทางเพศ

เผยแพร่:   โดย: มานพ/นพรัตน์


เรื่องดัง - ข่าวเด็ด / เขย่าสีกากี โดย “บิ๊กเกรียน”

เผยหลักฐานเด็ดคดีเกาะเต่า “บิ๊กตำรวจ” ปิดให้แซ่ดอ้างยึดมือถือผู้ตายต้องตะลึงเมื่อเจอคลิปขณะ 2 ผู้ต้องหาพม่าล่วงละเมิดทางเพศ แต่ไม่สามารถนำมาเปิดเผยได้เพราะติดขัดข้อกฎหมายเลยกลายเป็นแค่หลักฐาน “ซุบซิบ”พิสูจน์ความจริงไม่ได้“บิ๊กเกรียน”ให้ข้อสังเกต อีกเหตุของความผิดเพี้ยนไม่พ้น “แย่งซีนกันดัง” ทั้ง “เซียนอ๊อด -บิ๊กแป๊ะ”ขับรถปาดหน้า “บิ๊กเอก”ช่วงชิงเก้าอี้ ผบ.ตร.

...เป็นไปได้ ตำรวจไทย ไม่น่าเชื่อ เสียเลือดเนื้อ บ้างล้มตาย นายไม่สน ทำดีเหรอ ทำให้ตาย นายให้ทน ดีคือผล ส่งให้นาย ไปได้ดี ผลงานดี ดีฉิบหาย นายได้หน้า พลาดขึ้นมา จ้องจะฆ่า น่าฉงน เตือนพี่น้อง ตำรวจไทย เราทุกคน อย่าทุ่มเท เสียจน ตนต้องตาย ทุ่มงานมาก ทำแทบตาย นายได้หน้า พลาดขึ้นมา เอาเราตาย ไม่รู้เห็น เคยบ้างไหม ช่วยปกป้อง ยามลำเค็ญ ที่เคยเห็น ออกไว้ก่อน น่าอ่อนใจ ความดีที่ ทำมา ก่อนหน้านี้ มันไม่มีคุณค่า มาให้เห็น เร่งคำสั่ง ให้ออก บอกรีบเซ็นต์ ไม่เคยเห็น นายไหนช่วย ทีส่วยเอา(55555).....สวัสดีปีลิงครับ “บิ๊กเกรียน”ประเดิมด้วยกลอนสุดขื่นของตำรวจนิรนามที่ส่งมาให้ ประชาชนทั่วไปอ่านแล้วคงสะดุ้งโหยง ถ้าตำรวจไม่ทุ่มเทชาวบ้านจะอยู่ยังไง ฝากผู้บังคับบัญชาระดับบิ๊กๆ ทั้งหลาย ถ้าตำรวจส่วนใหญ่ของประเทศอ่อนล้าหมดกำลังใจคนที่ซวยก็คือประชาชนและสังคมไทย ครับ.....

00000.....คดีฆาตกรรม 2 นักท่องเที่ยวชาวอังกฤษที่เกาะเต่า จ.สุราษฎร์ธานี ทำท่าจะเป็น “เสี้ยน”ทิ่มแทงรัฐบาล “เรือแป๊ะ”ไปอีกนาน ถ้ายังทำเป็น “ตาบอดคลำช้าง”เอาแต่ขู่ฟ่อๆ “จะล่อ”คนปลุกปั่นอันนี้ “บิ๊กเกรียน”เห็นว่าไม่มีประโยชน์ “พม่า”เขาคงไม่เอา “ป่วยการ”เสียเปล่าๆ...หลังคำตัดสินเมื่อ 24 ธ.ค.2558 เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง เฉพาะ “บ้านเรา”สื่อฯทุกสายรู้หน้าที่ ขืนวิพากษ์อะไรมากอาจจะโดนข้อหา “ละเมิด”เป็นกันอย่างนี้มานานแล้วแต่ลึกๆ ทุกคนก็ทราบดีศาลท่านว่าไปตามพยานหลักฐานที่นำเสนอโดยตำรวจ - อัยการ ส่วนจะเกิดความผิดพลาดอย่างไง “วิญญูชน”สามารถพิจารณาได้เพราะหลังพม่าก่อหวอดประท้วงศาลจังหวัดฯได้เผยแพร่คำพิพากษาในเว็บไซด์ป่านนี้นักกฎหมาย นักวิชาการ ทนายความและประชาชนทั่วไปคงได้อ่าน ได้วิเคราะห์กันไปแล้ว..... 00000.....”บิ๊กเกรียน”จะไม่ชวนคุยเรื่องกฎหมายแต่จะ “ย้อนรอย”ให้เห็นตะเข็บบางอย่างตอนในอีกแง่มุมเพราะอะไร ทำไม คดีเกาะเต่ามันจึงชุลมุนวุ่นวายเกิดกระแสต้านจนลุกลามบานปลายถึงขั้นชาวพม่าไม่ยอมรับคำตัดสิน......เหตุการณ์นี้ขอย้อนกลับไปวันที่ 15 ก.ย.2557 พนักงานสอบสวน สภ.เกาะพงัน จ.สราษฎร์ธานี รับแจ้งว่ามีเหตุฆาตกรรม 2 นักท่องเที่ยวบริเวณโขดหินชายหาดทรายรี หมู่ 1 ต.เกาะเต่า จึงไปสอบสวนพบศพ น.ส.ฮันนาห์ วิคตอเรีย กับนายเดวิด วิลเลียม นอนตายอยู่ริมหาด สภาพศพกึ่งเปลือย สภาพศพทั้งคู่มีบาดแผลถูกแทงตามร่างกาย เฉพาะ น.ส.วิคตอเรีย ถูกจอบทุบใบหน้าจนยุบ และในเบื้องต้นมีตำรวจนักสืบคนหนึ่งซึ่งเป็นผู้พบศพให้การว่าได้รับแจ้งจากชาวบ้านเมื่อเดินทางมาถึงที่เกิดเหตุเกรงว่าศพจะถูกน้ำซัดจึงนำเชือกมามัดศพไว้....ประเด็นนี้จึงเป็นชนวนเหตุต่อมาถึงลูกหลานผู้มีอิทธิพลบนเกาะเต่าเพราะตำรวจนักสืบคนนั้นมีความสนิทสนมกับครอบครัวผู้กว้างขวางเป็นอย่างดี....

00000.....สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ณ เวลานั้นเป็นช่วง “คืนความสุข”ผ่านมาเพียง 3 เดือนเศษ เพิ่งจัดกระบวนทัพเสร็จใหม่ๆ มี พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ เป็น รรท.ผบ.ตร. พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธ์ม่วง เป็นรองผบ.ตร.ฝ่ายความมั่นคง พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ เป็นรองผบ.ตร.ฝ่ายปราบปราม พล.ต.ท.จักรทิพย์ ชัยจินดา เป็นผู้ช่วยผบ.ตร. พล.ต.ท.ปัญญา มาเม่น เป็นผบช.ภ.8 พล.ต.ต.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล เป็นรองผบช.ก. คดีเกาะเป็นคดีอุกอาจสะเทือนขวัญ หรืออีกนัยหนึ่งไงก็ต้องเป็นคดีดัง พล.ต.อ.เอก ในฐานะรับผิดชอบด้านปราบปรามรีบบินด่วนลงไปติดตามคดี ขณะเดียวกัน พล.ต.อ.วัชรพล ก็สั่งให้ พล.ต.อ.สมยศ รองผบ.ตร.ซึ่งสังคมทราบกันดีว่ากำลัง “คั่ว” ตำแหน่ง ผบ.ตร.และเป็นตัวเลือกที่สายอำนาจเตรียมสนับสนุนให้นั่งเก้าอี้สำคัญลงไปคุมคดีด้วยการสั่งงาน “ข้ามสาย” จนไปถึง “ข้ามหน้าข้ามตา”เพียงต้องการ “ตีกัน”พล.ต.อ.เอก เจ้าของหน้างานตัวจริงไม่ให้มีบทบาทในคดีนี้....ที่สุด “เอก” ต้องยกธงยอมแพ้กลับมาตั้งหลักที่สำนักงานฯปล่อยให้เป็นหน้าที่ของ “เซียนอ๊อด - บิ๊กแป๊ะ”ว่ากันตามถนัด ซึ่งในส่วนของรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯให้ความสนใจเป็นพิเศษ “ร่วมแจมด้วย” ถึงขนาด นสพ.นำไปพาดหัวข่าวทำนองว่า “บิ๊กตู่-บิ๊กป้อม”สั่งปิดเกาะล่าตัวฆาตกร .....
 
00000.....และหากยังจำกันได้ในส่วนการทำงานของตำรวจใหญ่ซึ่งควรวางตัวเป็นพี่เลี้ยงปล่อยให้เป็นหน้าที่ของ พล.ต.ท.ปัญญา มาเม่น ในฐานะเจ้าของพื้นที่กลับเลือกวิธีเดิมๆคือแย่งงาน หรือเอาคดีดังมาทำเองอย่างหน้าตาเฉย พล.ต.อ.สมยศ เลือกวิธี “เสี่ยสั่งลุย”ขนกองทัพนักข่าวจากกรุงเทพฯ ลงพื้นที่เกาะเต่าเพื่อติดตามอย่างใกล้ชิด มีการประโคมข่าวกันอย่างเอิกเกริก ในการนั้นยังได้หนีบ พล.ต.ท.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้ช่วย ผบ.ตร.และ พล.ต.ต.ศรีวราห์ รังสิพราหณกุล รองผบช.ก.(ในขณะนั้น)ติดตามไปด้วย.....อย่างไรก็ตามการทำงานของตำรวจถูกตรวจสอบแบบคู่ขนาดจากนักสืบโซเชียล อย่างเข้มข้น พล.ต.ท.จักรทิพย์ แสดงบทบาทอย่างเต็มตัวภายใต้การสนับสนุนของ “บิ๊กกุ้ย -เซียนอ๊อด”มีการขนสมัครพรรคพวก นรต.36 แห่ไปสมทบเกือบหมดรุ่นอาทิ พล.ต.ท.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ พล.ต.ท.ชัยวัฒน์ เกตุวรชัย พล.ต.ต.รณศิลป์ ภู่สาระ และ พล.ต.ต.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข เป็นต้นกระทั่งวันที่ 2 ต.ค.2558 หลัง พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธ์ม่วง ได้รับการแต่งตั้งเป็น ผบ.ตร.คนใหม่สืบต่อจาก พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ เพียง 2 วันก็โชว์บุญญาบารมีสามารถจับคนงานพม่า 2 ราย เสมือนเป็นการ “เปิดตัว “ผบ.ตร.คนใหม่ และว่าที่ ผบ.ตร.คนต่อไป” ท่ามกลางความเคลือบแคลงใจของประชาชนและสื่อจำนวนหนึ่งโดยเฉพาะสื่อออนไลน์จนเกิดวาทะกรรม “มโนโซเชียล”เพื่อเป็นการตอบโต้ “ดิสเครดิต”กลับบรรดานักสืบคีย์บอร์ดทั้งหลาย.....

00000.....ประสบการณ์ “บิ๊กเกรียน”นับเป็นวัฒนธรรมของสีกากีมาทุกยุคทุกสมัยคือการ “แย่งเอาหน้า”ตลอดจนถึง “ปล้นผลงาน-ชงผลงาน”เพื่อเปิดโอกาสให้คู่เคนดิเดทดูดีมีภาษีมากกว่าคู่แข่ง คดีเกาะเต่าจึงมีเงื่อมปมซับซ้อน ถึงขั้น “ไม่โปร่งใส” ตำรวจตั้งข้อกล่าวหา 2 แรงงานพม่าขณะที่นักสืบโซเชียลตั้งข้อสังเกตว่าตำรวจจับแพะ แถมพ่วงด้วยการซ้อมทรมาน “จริง - เท็จ”ไม่มีใครยืนยันได้แต่ “ต้นทุน”หมาต๋ามีแค่ไหนตอบได้ว่า “ศูนย์”...ผ่านไปปีเศษ 24 ธ.ค.2558 ศาลเกาะสมุยตัดสินประหารชีวิตเวพิว กับซอลิน ท่ามกลางเสียงคัดค้านของชาวพม่า จุดแรกของการรวมตัวประท้วงแสดงออกความไม่พอใจคือหน้าสถานฑูตไทย ประจำกรุงย่างกุ้ง การข่าวของทางการไทยเกรงเหตุรุนแรงต้องประกาศเตือนนักท่องเที่ยวชาวไทยอย่าแสดงตัวเพราะกลัวไม่ปลอดภัย....การประท้วงลุกลามยังพรหมแดนหน้าด่านต่างๆ แม้จะสงบ เรียบร้อยแต่ดูขึงขัง เอาจริง “สมทบ”ด้วยท่าทีของพล.อ.อาวุโสมิน อ่อง ลาย ผบช.ทหารสูงสุดของพม่าส่งข้อความผ่านเฟชบุ๊คส่วนตัวอวยพรพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เนื่องในโอกาสปีใหม่ พร้อมเรียกร้องให้ทางการไทย “ทบทวนหลักฐาน และคำตัดสิน”แม้ผู้นำพม่าจะสรุปตอนท้ายว่าส่วนตัวเคารพในกระบวนการยุติธรรมไทย แต่ที่เขายังไม่พูด และฝังความคิดไม่เชื่อถือในคำตัดสินอยู่ที่วิธีทำงานของตำรวจไทย “ใช่หรือเปล่า”.....

00000....ตบท้ายแบบสุดซอยกันไปเลย...เป็นสังคม “ซุบซิบ”กันมานานถึง “หลักฐานเด็ด”คดี “เกาะเต่า”ที่พนักงานสอบสวน “กำไต๋”ไว้ “บิ๊กเกรียน”คนอยู่แวดวงข่าวได้ยินได้ฟังเพื่อนพ้อง น้องพี่ระดับ “หัว”หลายสำนักข่าว ทั้งวิทยุ หนังสือพิมพ์ ทีวี.ต่างมีข้อมูลตรงกันจากผู้หลักผู้ใหญ่ในรั้วสีกากี นั่งยัน ยืนยัน 2 แรงงานพม่าคือฆาตกรตัวจริงแน่ เหตุที่เชื่อก็เพราะโทรศัพท์มือถือของคนตายที่ผู้ต้องหาเล่นพิเรนท์ถ่ายคลิปตัวเองขณะทำมิดีมิร้ายเหยื่อ “หลักฐานซุบซิบ” ชิ้นนี้ทำให้ทุกฝ่ายเออออด้วย แม้ไม่สามารถนำมาอ้างอิงต่อสังคมได้ “บิ๊กเกรียน”ได้ยินซ้ำๆหลายรอบ “ส่วนตัว”จะให้เชื่อก็ยากอยู่ เพราะที่สุดแล้วมันก็แค่ “หลักฐานซุบซิบ” เฉยๆ จะดูก็ไม่ได้เพราะติดขัดข้อกฎหมาย และสำคัญ ว่าก็ว่านะ... โจรมันทำระยำขนาดนี้ยังมีแก่ใจ “ถ่ายคลิป”ไว้มัดตัวเองดอกหรือ....เหนื่อยจ้าเหนื่อย

00000.....ไหนๆก็ไหนๆ “บิ๊กเกรียน”ขอนำตัวอย่างคดีดังที่ประจานการทำงานตำรวจไทยจนเป็น “ตำนาน”และคนไทยไม่เคยลืม...คดีแรก น.ส.เชอรี่แอน ดันแคน เหยื่อฆาตกรรมตำรวจไทย “ใจกล้า”จับนายรุ่งเฉลิม กนกชวาลชัย นายพิทักษ์ ค้าขาย นายกระแสร์ พลอยกลุ่มและนายธวัชชัย กิจประยูร 4 แพะยัดข้อหา-ศาลชั้นต้นตัดสินประหารชีวิต พอถึงขั้นอุทธรณ์ศาลยก ขังรอการตัดสินขั้นตอนสุดท้ายคือฎีกานานถึง 6 ปีก่อฎีกายกฟ้อง...ผล....นายรุ่งเฉลิม ตรอมใจตายในคุก ส่วนนายพิทักษ์ กับนายธวัชชัย ติดโรคร้ายขณะถูกจองจำออกมาเสียชีวิตทั้งคู่เหลือแต่นายกระแสร์ แต่ชีวิตไม่ปกติอีกต่อไปเพราะกระดูกสันหลังแตกต้องกลายเป็นคนพิการไปตลอดชีวิต คดีสุดอัปยศวงการตำรวจไทยนี้ถูกสังคมไปตีแผ่อย่างกว้างขวาง หวังเตือนสติผู้มีอำนาจโดยเฉพาะ “ตำรวจไทย”อย่าเห็นชะตากรรมของเพื่อนมนุษย์เป็น “ปุ๋ย”เพื่อสร้างความงอกงาม-ผลงานให้กับคนทำคดี และที่สุดแล้วสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ต้องชดใช้ค่าชีวิตของ 4 แพะจำนวน 38 ล้านบาท นับเป็นความผิดพลาดอันสูงค่า เป็น “ตราบาป”ตรึงสีกากีมาจนถึงทุกวันนี้.....
 
 
00000.....อีกคดีหนึ่งที่สร้างความสะพรึงกลัวให้กับสังคมไทยไม่ยิ่งหย่อนกัน...วันที่ 1 ส.ค.2537 หนังสือพิมพ์พาดหัวข่าว 2 แม่ลูกตระกูลศรีธนะขัณฑ์ที่ถูกอุ้มหายตัวไปอย่าลึกลับ ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตภายในรถเบนซ์ ทะเบียน 8 ฉ 3237 กทม. และกลายเป็นข่าวครึกโครมในเชิงสืบสวนสอบสวนชี้ในทางเดียวกันว่า พล.ต.ท.ชลอ เกิดเทศ (ชื่อยศในขณะนั้น)เป็นผู้บงการอยู่เบื้องหลังแต่ปรากฏว่าบรรดา “บิ๊กตำรวจ”พยายามช่วยกันปกป้องโดย พล.ต.อ.ประทิน สันติประภพ อธิบดีกรมตำรวจ นำผลพิสูจน์ศพจากสถาบันนิติเวชโรงพยาบาลตำรวจ ซึ่งอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ พล.ต.ต.ทัศนะ สุวรรณจูฑะ ผบก.นิติเวชฯมาหักล้างแต่กระแสสังคมไปไกลกว่าแล้ว พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ รมว.มหาดไทย ในสมัยนั้นจึงออกคำสั่งให้ดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา และให้ พล.ต.ต.วรรณรัตน์ คชรักษ์ ผบก.ป.จัดทีมคลี่คลายประกอบด้วย พ.ต.อ.จุมพล มั่นหมาย พ.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ รองผบก.ป.พ.ต.อ.ประมวลศักดิ์ ศรีสมบุญ ผกก. 2 ป.พ.ต.ท.เมธี กุศลสร้าง รองผกก. 1 ป.และ พ.ต.ต.ทวี สอดส่อง สว.ผ.4 กก.2 ป.กระทั่งนำสู่การจับกุม ป๋าลอ”กับสมัครพรรคพวก.....00000.....ว่าไปแล้วคดีสะเทือนขวัญนางดาราวดี กับ ด.ช.เสรี 2 แม่ลูกตระกูลศรีธนะขัณฑ์ ถ้าวิเคราะห์ถึงความผิดพลาดกันอย่างลึกซึ้ง ส่วนหนึ่งน่าจะมาจากความร้อนรนของผู้มีอำนาจ กระทั่งการตัดสินใจของผู้บังคับบัญชา ในการมอบหมายภารกิจให้กับ “ผู้เหมาะสม”เพราะคดีนี้ต้นสายปลายเหตุจริงๆ มาจากคดีฆาตกรรมนักการทูตชาวซาอุฯใน กทม. 2 ครั้ง 2 หนจนเป็นเหตุให้ประเทศซาอุดิอาระเบีย ไม่พอใจประเทศไทยอย่างแรงถึงกับงัดมาตรการต่างๆ ออกมาเล่นงานเราอย่างถึงพริกถึงขิง...คดีนี้ “กรมตำรวจ”ระดม “มือปราบ”ทั่วประเทศมาทำงานอย่างพร้อมหน้าแต่ที่โด่งดังมากที่สุดในตอนนั้นก็คือ พล.ต.ท.ธนู หอมหวน และ พล.ต.ท.ชลอ เกิดเทศ ซึ่งต่างฝ่ายต่างมี “ลูกทีม”อยู่มากมายแต่ที่สุดแล้ว “ผล”ของการทำงานแบบแย่งกันทำ ต้องหักเล่ห์ชิงเหลี่ยมปิดบังข้อมูลซึ่งกันและกันจนนำมาซึ่งความผิดพลาด เช่นคดีสืบเนื่องจากการฆาตกรรมนักการฑูตฯคือการหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยของนายโมฮัมหมัด อัลรูไวลี และมีการดำเนินคดีกับ พล.ต.ท.สมคิด บุญถนอม 1 ในทีมสืบสวนของ พล.ต.ท.ธนู กับพรรคพวกแต่ที่สุดรอดมาได้ .....ขณะเดียวกัน พล.ต.ท.ชลอ เกิดเทศ หรือเจ้าของฉายา “ชีคชลอ”ผู้ตามล่าเพชรซาอุฯ ในเวลาต่อมากลายเป็นฆาตกรอุ้มฆ่า เพราะความโลภในมหาสมบัติวังไฟซาลฯ เขาชดใช้กรรมในคดีต่างๆ ต้องติดคุกยาวนานถึง 14 ปี - ถูกถอดยศ ...กับอดีตอันเจ็บปวดนี้... “บิ๊กเกรียน”ขอถามไปยังตำรวจรุ่นหลัง รุ่นน้อง รุ่นลูก รุ่นหลาน ของบรรดาตำรวจน้อยใหญ่ที่ยกมานี้.....ท่านยังจะเดินตามรอยอัปลักษณ์ที่รุ่นพี่ รุ่นพ่อทำไว้เป็นตัวอย่างอีกหรือ....

00000.....วันนี้คดีเกาะเต่า กำลังกลับมาหลอกหลอน วิธีตั้งรับของทางการไทย “บิ๊กเกรียน”ไม่อาจเสนอหน้า “สอนหนังสือสังฆราช”ได้แต่ขอแนะนำตามประสาคนไทยคนหนึ่งที่เป็นห่วงชาติ บ้านเมือง “หยุด”เสียทีเรื่องโทษปี่โทษกลอง “หยุด”เสียทีข้อกล่าวหาผู้ไม่หวังดีคอยยั่วยุปลุกปั่น...ท่านควรกลับไปมองคนใกล้ตัวประเภท “ดีครับท่าน เหมาะสมครับนาย สบายครับพี่” ดูไอ้พวกนี้ไว้ก่อนเพราะรากเง้าของปัญหาถ้าว่ากันตรงๆก็ไม่พ้น “ทายาท”ที่ท่านตั้งมาคุมสำนักงานตำรวจแห่งชาติ นั่นแหละ คดีเกาะเต่าเกิดขึ้นในยุค พล.ต.อ.วัชรพล ประสานราชกิจ - พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธ์ม่วง -พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา และสมัครพรรคพวก ท่านจะค้นหาความจริงหรือ “ปกป้อง”นั่นคือ “ทางออก”และ “ทางเลือก”....

00000 ....ล่าสุดสถานการณ์พม่าประท้วงไทยน่าเป็นห่วงมากขึ้น ขนาดงานเคาท์ดาวน์ 3 แผ่นดิน “ไทย ลาว เมียนมา”พม่ายังสั่งปิดด่านท่าขี้เหล็ก อ.แม่สาย จ.เชียงราย “ไม่สนุก”แล้วนะครับ แถมด้วยการเคลื่อนไหวของอู วิน หม่อง เอกอัครราชฑูตพม่าประจำไทยในวันที่พบตัวแทนสภาทนายความ ข้อเรียกร้อง 3 ประการดูเหมือนยิ่งเพิ่มความหนักใจแก่รัฐบาลไทยมากขึ้น 3 ข้อคือ 1.พยานบุคคลที่ให้การเบิกความคดีเกาะเต่าเป็นพยานเท็จ 2.พยานบุคคลที่ศาลรับฟังมีหลักฐานปลอม ไม่ถูกต้องกับความเป็นจริง 3.ถ้ามีพยานหลักฐานใหม่แสดงว่าจำเลยมิได้กระทำความผิด.......เหนื่อย(อีกแล้วจ๊ะ).....”บิ๊กเกรียน”เชื่ออย่างนั้น 00000...ทุกคดีที่ศาลตัดสินก็ว่ากันไปตามพยาน-หลักฐานยุติธรรมไทยเป็นระบบ “กล่าวหา”หลังจับกุมตำรวจเป็นฝ่ายรวบรวมพยานหลักฐาน “มัด”โดยมีอัยการ เป็นตัวคานอำนาจ(หลักการเป็นแบบนั้น)....ซึ่งอาจจะเที่ยงธรรม ตรงไปตรงมาหรือใช้วิชามาร อาศัยความเชี่ยวชาญ “ยัด -เสริม -เติม-แต่ง”จนถึงใช้อำนาจแทรกแซงย่อมเป็นได้ทั้ง 2 ทาง...ไม่ต้องเชื่อ “บิ๊กเกรียน”เพราะไม่เคยบอกให้ใครเชื่อ....แต่ลองกลับไปศึกษาคดีเชอรี่แอน ดันแคน หรืออื่นๆที่สามารถนำมาชี้วัดมาตรฐาน “ต้นธาร”ยุติธรรมไทยได้ !!??
 
 

กำลังโหลดความคิดเห็น