โกรธคือโง่..โมโหคือบ้า! จะว่าไปคำนี้นี่ก็ใช้ได้ตลาดกาลเลยจริงๆ ยิ่งในช่วงนี้ที่ดูแล้วมีสถานการณ์ที่เห็นว่าคนเราปะทะอารมณ์กันได้ง่ายๆ และพร้อมที่จะเอาตัวเองไปแลกกับความรุนแรงที่จะเกิดขึ้นอย่างไม่คิดหน้าคิดหลังให้ดี วันนี้เราพามาดูฮาวทูระงับความโกรธฉบับเร่งด่วน จาก wikihow.com เพราะเราเชื่อว่าคนทุกคนคงหนีความรู้สึกโกรธกันไม่พ้น แต่มันจะดีกว่าไหมถ้ารู้จักระงับอารมณ์ร้ายๆ ของเราเอาไว้เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์รุนแรงตามมาทีหลัง . .
Take A Break เมื่อรู้ว่ากำลังโกรธ
“เมื่อรู้ว่ากำลังโกรธหรือโมโหร้ายอยู่ให้หยุดทุกสิ่งที่ทำอยู่ตรงหน้าทันที”
การละทิ้งสิ่งที่ทำให้รู้สึกโกรธออกไปชั่วขณะ และหันไปหายใจเข้าลึกๆ เพื่อเรียกสติของคุณกลับมา มันช่วยทำให้ข้างในรู้สึกสงบขึ้นได้ เพราะคุณไม่ได้เอาความรู้สึกไปจดจ่ออยู่กับสิ่งที่คุณโกรธ และให้จำไว้ว่าคุณไม่จำเป็นที่จะต้องทำทุกอย่างในทันทีเมื่อรู้สึกโมโหอยู่
ทางที่ดีคือลองนับ 1-10 ในใจดู หรืออาจจะขอเวลาให้ตัวเองได้สงบสติอารมณ์สักหน่อยค่อยกลับมาคุยกันใหม่ แต่ถ้าอยู่ในสภาพแวดล้อมเช่นที่ทำงาน วิธีที่ดีคือการพาตัวเองไประงับอารมณ์โกรธอีกห้องหนึ่ง หรือหากอยู่ที่บ้าน สถานที่ที่จะช่วยสงบจิตใจของคุณได้ดีคงเป็นห้องนอนหรือไม่ก็ห้องน้ำ แต่ถ้าเบื่อบรรยากาศภายในบ้าน คุณก็แค่พาตัวเองออกไปเดินเล่นที่ไหนสักแห่งกับใครสักคนที่พอจะรับฟังเรื่องที่คุณอยากระบายได้
อยู่กับความโกรธสักพัก
“เรื่องธรรมชาติที่ใครๆ จะรู้สึกโกรธ” เมื่อถูกทำให้โกรธหรือมีสถานการณ์ที่กระทบต่อความรู้สึกที่ทำให้เกิดความโมโห นอกจากวิธีที่ให้ตัวเองได้เบรคอารมณ์แล้ว ยังมีอีกวิธีที่ได้ผลได้เหมือนกันคือปล่อยให้ตัวเองได้อยู่กับความโกรธไปสักหน่อย
เพราะเมื่อคุณอยู่กับความโกรธในระยะเวลาสั้นๆ เจ้าความโมโหร้ายหงุดหงิดฉุนเฉียวจะทำให้คุณยอมรับและเข้าใจในความโกรธของตัวเองได้ คุณจะเข้าใจในอารมณ์ความโกรธของตัวเอง แต่การจะปล่อยให้ตัวเองอยู่กับความโกรธคุณต้องหาคำตอบของสิ่งที่ทำให้คุณโกรธไปด้วย เมื่อสถานการณ์เย็นลงแล้วคุณจะค่อยๆ ดีขึ้นจนไม่รู้สึกอยากกลับไปโกรธอีก
หายใจเข้าลึก..ลึก
คำนี้ใช้ได้จริงๆ เชียว กับคำกล่าวที่ว่า “ใจเย็นๆ หายใจเข้าลึกๆ” เพราะมันจะช่วยให้คุณมีสติ เมื่อไหร่ก็ตามที่รู้สึกว่าตัวเองกำลังโกรธจนใจเต้นรัว ลองหายใจเข้าลึกๆ ทำจิตใจให้สงบ นี่อาจเป็นวิธีที่ช่วยให้คุณมีสติและเกิดสมาธิจนสามารถควบคุมความโกรธของตัวเองได้
นอกจากการนับ 1-10 ในใจแล้ว ลองใช้วิธีการนับ 1-3 ในขณะที่หายใจเข้าและออก เช่น หายใจเข้าให้นับ 1-3 และหายใจออกนับ 1-3 การนับแบบนี้จะทำให้คุณใช้สมาธิจดจ่อไปกับตัวเลขมากกว่าจะไปสนใจสิ่งที่ทำให้คุณรู้สึกโกรธ ซึ่งทุกครั้งที่หายใจเข้าและออกให้สูดอากาศเข้าให้เต็มปอดอย่างช้าๆ
ลองนึกถึงที่ที่ “ชอบ”
หากคุณรู้สึกว่าตัวเองจัดการกับความโกรธตรงหน้าได้ไม่ดีนัก ลองวิธีนี้ดูให้นึกถึงสถานที่ที่ทำให้คุณมีความสุข เช่นการจินตนาการถึงทะเล ภูเขา หรือสถานที่ตากอากาศที่อยากไป บางคนอาจจะจินตนาการถึงห้างสรรพสินค้าที่มีของ Sale รอคุณอยู่ หรือช่วงวันหยุดที่คุณกำลังแพลนไว้ว่าจะทำอะไรที่มีความสุข
การคิดแบบนี้จะช่วยทำให้คุณรู้สึกผ่อนคลายจากอารมณ์ความฉุนเฉียวได้ดี เหมือนเป็นการเบรคความคิดในขณะนั้น จนคุณรู้สึกได้เองว่าความโกรธในตัวคุณเบาบางลงและสงบเงียบขึ้น
พูดกับตัวเองให้ใจร่มๆ
สิ่งหนึ่งที่เป็นตัวชงสำคัญที่ทำให้ความโกรธของคุณทวีความรุนแรงเข้าไปกว่าเดิมคือ “การคิดอะไรลบๆ” หากคุณอยากชนะความโกรธให้ลองเปลี่ยนวิธีคิดจากด้านดาร์กๆ มาสายคลีนดู คิดอะไรบวกๆ คิดอะไรในแง่ดีถึงแม้สถานการณ์จะไม่ค่อยดี แต่เชื่อเถอะว่ามันจะทำให้คุณผ่านเรื่องเลวร้ายนี้ไปได้ง่ายขึ้น
ยกตัวอย่างง่ายๆ คือ ถ้าคุณเจอคนขับรถปาดหน้าขึ้นมา คุณลองเปลี่ยนความคิดจากที่คิดว่า “ไองั่งนั่นเกือบทำเราตาย ยอมได้ไงต้องปาดมันกลับ” ลองเปลี่ยนมุมมองว่ารถคันนั้นอาจจะมีเหตุขัดข้องบางอย่างก็ได้ ซึ่งก็โชคดีของคุณที่ไม่ได้เป็นอะไรมาก และยังไม่ต้องเสียเวลาเอาชนะสิ่งที่ทำให้คุณต้องหงิดหงุด คุณไม่ได้เจอเขาอีกและแน่นอนว่ารถของคุณยังขับไปสู่จุดหมายได้ต่อไป
หาที่รับฟังที่ไว้ใจได้
“บางทีการแบ่งปันเรื่องราวที่คุณเจอมาให้ใครอีกคนที่คุณรู้สึกไว้ใจมันก็ช่วยได้มาก” เพราะพวกเขาเหล่านั้นไม่เพียงแต่จะรับฟัง แต่ยังมีส่วนช่วยให้คุณได้ปลดแอกความรู้สึกลบๆ ในจิตใจออกไปได้ด้วยเหมือนกัน เหมือนกับว่าเป็นการเคลียร์ความรู้สึกหม่นๆ ให้เบาบางไปได้ ที่สำคัญคือควรมีลิมิตให้กับเรื่องที่ทำให้คุณต้องหัวร้อน หัวเสีย คุณไม่ควรใช้เวลาอยู่กับมันนานไปนัก เมื่อถึงเวลาที่ควรบอกลาความโศรกเศร้าหรือเรื่องที่ทำให้รู้สึกไม่สบายใจ คุณก็ต้องลุกขึ้นมาและใช้ชีวิตต่อไปให้ได้
มองให้เป็นเรื่องตลก!?
จริงๆ แล้วหากใครที่ไม่ค่อยซีเรียสกับเรื่องชวนหัวเสียก็คงไม่มีปัญหาในการจัดการความโกรธซะเท่าไหร่ แต่ถ้าใครก็ตามที่รู้สึกโกรธแต่ตอนนี้อารมณ์ความโมโหเบาลงไปบ้างแล้ว ให้ลองคิดอีกมุมของสิ่งที่เจอมา บางทีมันอาจจะเป็นเรื่องตลกร้ายที่มาคิดได้ทีหลังว่าเราก็ไม่น่าจะโมโหอะไรมากมายก็ได้
อย่างถ้าเกิดว่ามีคนรีบเดินมาชนคุณเข้าอย่างจัง คุณอาจจะโมโห ณ ขณะนั้น แต่ถ้ามาคิดอีกมุมให้เป็นเรื่องตลกๆ เขาอาจจะปวดห้องน้ำมากจนกระวนกระวายเดินไม่ระวัง ซึ่งคุณเองก็จะไม่มาติดใจในเหตุการณ์นั้นจนทำให้รู้สึกหงุดหงิดไปตลอดทั้งวัน
Source : http://www.wikihow.com/Control-Anger