xs
xsm
sm
md
lg

ของขวัญที่อยากได้จากนายกฯ

เผยแพร่:   โดย: สุรวิชช์ วีรวรรณ

ปีเก่าผ่านไป ปีใหม่ผ่านมา บทความชิ้นนี้ตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ผู้จัดการรายวัน 360 ํ ฉบับวันที่ 1 มกราคม 2559 ก็เลยขอส่งความสุขสวัสดีมายังทุกท่าน ขอให้ประสบแต่สิ่งที่ดีตลอดปี 2559 มีสุขภาพกายใจที่สมบูรณ์ และสมหวังในทุกสิ่งที่ปรารถนาโดยทั่วหน้ากัน

ปีเก่าผ่านมาแล้วก็ผ่านไป คาดหวังว่าปีใหม่จะมีอะไรที่ดีกว่าเก่า ความจริงปีใหม่เราควรจะเขียนอะไรถึงสิ่งที่ดีๆ อ่านฟังแล้วมีความสุขไม่บั่นทอนจิตใจ เพื่อเอาฤกษ์เอาชัยที่จะก้าวต่อไปในวันข้างหน้า แต่มานึกอีกทีสิ่งที่เราควรจะต้องกล่าวถึงก็คือความจริงที่เรากำลังจะเผชิญ วันนี้ของประเทศเราจะเป็นอย่างไร และจะไปทางไหนต่อไป

สิ่งที่เราปฏิเสธไม่ได้ก็คืออีก 1 ปีต่อจากนี้เรายังต้องอยู่กับรัฐบาล คสช. เรายังคงมีนายกรัฐมนตรีที่ชื่อพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ต่อไป เพราะรัฐบาลนี้ประกาศแล้วว่าจะอยู่ต่อไปอย่างน้อย 1 ปี 6 เดือน คือราวกลางปี 2560 จึงจะคืนประเทศกลับมาสู่การตัดสินใจของประชาชน

นั่นแสดงว่าเรายังต้องอยู่ภายใต้เสียงตัดพ้อต่อว่าบ่นพึมพำของนายกรัฐมนตรีประยุทธ์ไปอีกระยะหนึ่ง

โดยเฉพาะเสียงบ่นของนายกฯ ถึงความสัมพันธ์กับสื่อมวลชน ก่อนสิ้นปีนายกฯ พูดถึงสื่อมวลชนว่าจะสั่งฝ่ายความมั่นคงตรวจสอบสื่อ คอลัมนิสต์ เขียนไม่รับผิดชอบ บอกว่ารู้หมด ใครเขียนอะไร จะเรียกมาคุย

แต่ถามว่าหน้าที่ของสื่อหรือคอลัมนิสต์ที่จะต้องเขียนอะไรให้ถูกใจนายกฯ หรือไม่ สำหรับผมแล้วคิดว่าไม่จำเป็นนะครับ ผมรู้สึกอย่างไรกับสิ่งที่เห็นและเป็นก็คงเขียนไปอย่างนั้น ถ้านายกฯ คิดว่า ไม่ถูกใจและมีอำนาจที่จะเรียกก็เรียกไป กลับมาผมก็คงพูดและเขียนในสิ่งที่เห็นและเป็นไปเหมือนเดิมอีก เพราะการทำหน้าที่สื่อไม่ใช่การเขียนนิยายมันต้องเขียนตามสิ่งที่เห็นและเป็นไปนั่นแหละ ไม่นั้นก็ต้องไปทำอาชีพอื่นไม่ใช่อาชีพสื่อมวลชน

ผมพยายามเข้าใจนะครับว่า สิ่งที่นายกฯ พูดและสะท้อนออกมานั้น มาจากความพยายามและความเหน็ดเหนื่อยของท่านในการทำงานที่จะนำพาประเทศกลับไปสู่เป้าหมายที่ดีกว่าเก่า แม้การเข้ามาสู่การบริหารประเทศของรัฐบาลชุดนี้จะไม่ใช่วิถีที่ถูกต้อง ถูกนักประชาธิปไตยและประเทศตะวันตกประณาม แต่สถานการณ์ก่อนจะเข้ามานั้นก็ไม่เห็นทางเลือกอื่น ประเทศมันเดินไปถึงทางตันจริงๆ ผมจึงจำเป็นต้องยอมรับรัฐบาลชุดนี้ เพื่อให้เข้ามาจัดการกับปัญหาบ้านเมืองก่อนที่จะคืนกลับไปสู่ประชาชน

บางทีผมก็มานั่งคิดนะครับว่า หลังจากนี้ 1 ปี 6 เดือนกลางปี 2560 ถ้ารัฐบาลไม่สืบทอดอำนาจต่อและคืนประเทศมาให้กับประชาชนอย่างที่รับปากเอาไว้เขาจะคืนมาให้กับเราแบบไหน

บอกตรงๆ ว่าตอนที่ยึดอำนาจผมก็ไม่ค่อยไว้วางใจพล.อ.ประยุทธ์นัก เพราะตัวท่านเป็นหนึ่งในตัวละครคลิปถั่งเช่าที่ทักษิณพูดอย่างมั่นใจว่า ไว้ใจไอ้ตู่มาก ตอนยึดอำนาจท่านก็แสดงออกในทำนองว่า ไม่เป็นพวกไหน แต่เป็นกลางทั้งสองฝ่าย ออกมาเพราะประชาชนขัดแย้งและจะฆ่ากัน แต่สถานการณ์ก็ค่อยพัฒนาไปจนผมเริ่มมองเห็นว่า พล.อ.ประยุทธ์ก็รู้ว่า ระบอบทักษิณนั้นเป็นปัญหาของประเทศ การพูดและการแสดงออกหลายครั้งก็สะท้อนว่า พล.อ.ประยุทธ์มองทักษิณเป็นศัตรูของชาติบ้านเมือง

พล.อ.ประยุทธ์พูดหลายครั้งว่า คนทำผิดหนีไปอยู่ต่างประเทศแล้วชอบพูดให้ประเทศเสียหาย

“แล้วสื่อจะไปช่วยประชาสัมพันธ์ให้เขาทำไม ในเมื่อมันมีความผิดไม่ใช่นั่นอีกหน่อยคนทำความผิดไม่ว่าจะเป็นคดีอาญา หรือคดีอื่นๆ ก็คงหนีไปต่างประเทศกันหมดแล้วก็กลับมาด่าประเทศตัวเอง อยากถามว่าแล้วประเทศไทยจะอยู่อย่างไร แล้วคนเหล่านี้จะไม่กลับมาประเทศไทยอีกแล้วหรือ ถ้าไม่กลับก็ไม่ต้องกลับ” พล.อ.ประยุทธ์เคยพูดอย่างนี้ซึ่งแน่นอนว่าต้องหมายถึงทักษิณและลิ่วล้อคนเสื้อแดง

แต่พล.อ.ประยุทธ์ก็พูดเสมอว่า จำเป็นต้องเข้ามา แต่หลังจากนี้ไม่เอาแล้วพอแล้วจะกลับบ้านไปเลี้ยงหลาน ซึ่งถ้าเป็นอย่างที่พูดก็พอจะทำให้เชื่อได้ว่า พล.อ.ประยุทธ์คงไม่มีเป้าหมายที่จะสืบทอดอำนาจต่อ

เมื่อพล.อ.ประยุทธ์จะไม่ไปต่อและมองเห็นว่าระบอบทักษิณเป็นปัญหาของประเทศ ถามว่าปีกว่าที่ผ่านมาภายใต้ระบอบทหารนั้น เรามองเห็นอะไรที่เป็นความหวังของบ้านเมืองหรือยัง บอกตรงๆ นะครับว่ายังมองไม่เห็น คนที่เชียร์พล.อ.ประยุทธ์ก็คงจะไม่เห็นด้วยและอยากจะให้พล.อ.ประยุทธ์อยู่ไปนานๆ แต่ถามว่ามันเป็นอย่างนั้นได้ไหม คำตอบก็คือมันเป็นไปไม่ได้แน่ๆ พล.อ.ประยุทธ์ก็รู้ครับว่าถึงเวลาก็ต้องไป

ดังนั้น ใครที่คิดว่าอยากจะแช่อิ่มประเทศไว้อย่างนี้นั้นเลิกหวังได้เลย วันหนึ่งเราต้องกลับไปเลือกตั้งนั่นแหละ แม้ว่า เราจะคิดว่าประชาธิปไตยไม่ใช่การเลือกตั้งและการเลือกตั้งไม่ใช่ประชาธิปไตยก็ตาม แม้ว่าเราจะฝากความหวังไว้ที่รัฐธรรมนูญว่าจะออกแบบกติกาที่เหมาะสมและสอดคล้องกับสังคมไทย แต่สิ่งที่เราปฏิเสธไม่ได้ก็คือ ความเท่าเทียมกันของหนึ่งคนหนึ่งเสียงที่จะเป็นคนตัดสินชะตากรรมของประเทศหลังจากนี้

คำถามที่สำคัญกว่าก็คือเมื่อพล.อ.ประยุทธ์มองเห็นว่าระบอบทักษิณเป็นอันตรายต่อชาติบ้านเมือง พล.อ.ประยุทธ์ทำให้คนที่ศรัทธาทักษิณมองเห็นถึงอันตรายของระบอบทักษิณหรือยัง ผมเชื่อมั่นว่า วันนี้คนเสื้อแดงจำนวนมากยังคงมองเห็นทักษิณเป็นเทพเจ้าที่พวกเขาบูชาและรอคอยการกลับมา

การเลือกตั้งเมื่อปี 2554 ผู้มีสิทธิเลือกตั้งออกมาใช้สิทธิทั้งสิ้น 75.03% จากจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 46,921,682 คน พรรคที่ได้รับเลือกตั้ง ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อมากที่สุดคือ พรรคเพื่อไทย 15,744,190 คะแนน และรองลงมาคือ พรรคประชาธิปัตย์ 11,433,501 คะแนน

ต้องยอมรับนะครับว่า คนที่สนับสนุนพรรคของทักษิณมีมากกว่าคนที่ไม่เอาทักษิณ พวกเขาเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศ ไม่เช่นนั้นพรรคของทักษิณคงไม่ชนะการเลือกตั้งมาตลอดในระยะ 10 ปีมานี้

ผมหาตัวเลขการเลือกตั้งของปี 2550 ไม่ได้ แต่พอจำได้คร่าวๆ ว่า ในปีนั้นคะแนนบัญชีรายชื่อของพรรคประชาธิปัตย์อยู่ที่ 12.1 ล้านเสียง และพรรคพลังประชาชนในขณะนั้นได้ 12.3 ล้านเสียง ห่างกันแค่ 2 แสนเสียงโดยประมาณ แต่พอการเลือกตั้งปี 2554 พรรคของทักษิณกลับชนะถึง 4 ล้านกว่าเสียง พรรคประชาธิปัตย์คะแนนลดลง แต่พรรคของทักษิณเพิ่มขึ้นกว่า 3 ล้านเสียง

วันนี้คนเสื้อแดงเพียงแต่เก็บเสื้อแดงใส่ไว้ในตู้ เขารู้ว่าพล.อ.ประยุทธ์ไม่ได้อยู่ค้ำฟ้า และรอคอยการกลับมาของระบอบทักษิณ พวกเขาจะชนะอีกเมื่อวันเลือกตั้งมาถึง

ต้องยอมรับความจริงนะครับว่า รัฐบาลนี้ไม่ได้ทำอะไรให้คนเสื้อแดงเห็นถึงความชั่วร้ายของระบอบทักษิณ ความขัดแย้งเพียงแต่ถูกกดทับไว้ใต้ผืนพรมและรอวันจะปะทุกลับมาอีก

นี่เป็นคำถามว่า พล.อ.ประยุทธ์จะทิ้งประเทศให้กลับไปสู่วังวนแห่งความขัดแย้งแบบเก่าอีกใช่ไหม
กำลังโหลดความคิดเห็น