นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกระแสว่าข่าวว่า นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ประธานมูลนิธิมวลมหาประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศ (มปท.) ร่วมมือกับ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯกทม. ตั้งพรรคการใหม่ ว่า ที่ผ่านมาตนกับนายสุเทพ มีการสื่อสารกันอยู่ แม้ว่าจะไม่บ่อย แต่ก็ได้ติดตามกันอยู่ว่าทำกิจกรรมอะไรบ้าง และไม่เคยได้ยินว่า นายสุเทพ จะหวนกลับมาการเมือง เพราะได้แสดงจุดยืนชัดเจนว่า จะทำงานมูลนิธิหลายกิจกรรม ซึ่งตนเจอกับนายสุเทพ เมื่อหลายเดือนที่แล้ว ก็ยังบอกว่า จะไม่เข้ามายุ่ง แต่อยากเห็นพรรคมีการปฏิรูป เพราะหลักของ กปปส. เน้นในเรื่องการปฏิรูป แต่ไม่ใช่ฐานะมาเป็นผู้เล่น หรือผู้ทำ ส่วน ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ นั้น ตนไม่เคยได้ยินว่าจะมีแนวคิดจะไปพรรคการเมืองใหม่ แต่ของอย่างนี้ ต้องอยู่ที่ตัว ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ หรือนายสุเทพ ที่จะมาอธิบายเอง
"ผมคงไปอธิบายตอบโต้กับแหล่งข่าวไม่ได้ เพราไม่รู้ว่าน่าเชื่อถือแค่ไหน แต่เป็นเรื่องที่คนอื่นจะต้องอธิบาย เพราะไม่มีอะไรที่จะมาเกี่ยวข้องกับผม ต้องไปสอบถามผู้ถูกพาดพิง ว่ามันจริงหรือไม่ ซึ่งนายสุเทพ และ กปปส. ก็ออกมาปฏิเสธแล้วว่าไม่จริง ผมคงไปพูดอะไรมากไม่ได้ ไม่แน่ใจว่ามันจริงไม่จริงอย่างไร มีอะไรรองรับ เป็นเรื่องปกติ ที่คนในการเมืองอาจจะคิดก็ได้ "
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า สำหรับตนถือว่าหน้าที่ที่ทำได้ในข้อจำกัดขณะนี้คือ เตรียมความพร้อมของพรรคในการทำงานให้กับประชาชน การเมืองระดับชาติ ส่วนการเมืองท้องถิ่น เราก็พายามทำให้ดีที่สุด คือบุคคลที่ลงสมัครในนามของพรรค เราต้องมีส่วนรับผิดชอบด้วยการติดตาม ทำให้การทำงานมันดีขึ้น ซึ่งปัญหาการบริหารใน กทม. หรือเรื่องการทุจริตที่มีการวิพากษ์วิจารณ์กล่าวหาต่างๆ ก็เป็นหน้าที่ตน พรรค และผู้ว่าฯกทม.ต้องมาสร้างความมั่นใจ และมีความรับผิดชอบร่วมกันในฐานะที่พรรคเป็นต้นสังกัดส่งลงเลือกตั้ง แต่วันนี้มันกลายเป็นเรื่องของความแตกแยกภายในพรรค ขอเรียนว่า ตนไม่ได้มีความแตกแยก หรือความขัดแย้งเป็นการส่วนตัวกับใคร ตนทำหน้าที่ในสิ่งที่คิดว่า พรรคต้องมีความรับผิดชอบและเป็นสำนึกของตนในฐานะที่เป็นคนหนึ่งที่ไปเดินหาเสียงในช่วงเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. ส่วนถ้าจะมีใครที่มีความคิดทางการเมืองแบบนี้ ตนก็ไม่มีสิทธิ์ไปห้าม หากมีใครมีความคิดอยากจะตั้งพรรค มันก็เป็นสิทธิ์ของเขา ตนไม่หวั่นไหว และเชื่อมั่นในการทำงานตามแนวทางของพรรคและเดินหน้าต่อไป
"ขอยืนยันว่าผมไม่สนใจเรื่องข่าวพวกนี้ สนใจอย่างเดียวว่า ในฐานะต้นสังกัด ต้องทำหน้าที่เท่าที่จะทำได้ในการแสดงออกถึงความรับผิดเกี่ยวกับการทำงานท้องถิ่นภายใต้การบริหารงานของพรรค ตอนที่พรรคเลือก ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ลงสมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.สมัยที่สอง ท่านสุเทพ ก็เป็นบุคคลหนึ่งที่สนับสนุน ส่วนจะสนับสนุนให้ขึ้นเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์หรือไม่ ต้องไปถามท่านสุเทพเอง มาถามผมไม่ได้" นายอภิสิทธิ์ กล่าว
"ผมคงไปอธิบายตอบโต้กับแหล่งข่าวไม่ได้ เพราไม่รู้ว่าน่าเชื่อถือแค่ไหน แต่เป็นเรื่องที่คนอื่นจะต้องอธิบาย เพราะไม่มีอะไรที่จะมาเกี่ยวข้องกับผม ต้องไปสอบถามผู้ถูกพาดพิง ว่ามันจริงหรือไม่ ซึ่งนายสุเทพ และ กปปส. ก็ออกมาปฏิเสธแล้วว่าไม่จริง ผมคงไปพูดอะไรมากไม่ได้ ไม่แน่ใจว่ามันจริงไม่จริงอย่างไร มีอะไรรองรับ เป็นเรื่องปกติ ที่คนในการเมืองอาจจะคิดก็ได้ "
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า สำหรับตนถือว่าหน้าที่ที่ทำได้ในข้อจำกัดขณะนี้คือ เตรียมความพร้อมของพรรคในการทำงานให้กับประชาชน การเมืองระดับชาติ ส่วนการเมืองท้องถิ่น เราก็พายามทำให้ดีที่สุด คือบุคคลที่ลงสมัครในนามของพรรค เราต้องมีส่วนรับผิดชอบด้วยการติดตาม ทำให้การทำงานมันดีขึ้น ซึ่งปัญหาการบริหารใน กทม. หรือเรื่องการทุจริตที่มีการวิพากษ์วิจารณ์กล่าวหาต่างๆ ก็เป็นหน้าที่ตน พรรค และผู้ว่าฯกทม.ต้องมาสร้างความมั่นใจ และมีความรับผิดชอบร่วมกันในฐานะที่พรรคเป็นต้นสังกัดส่งลงเลือกตั้ง แต่วันนี้มันกลายเป็นเรื่องของความแตกแยกภายในพรรค ขอเรียนว่า ตนไม่ได้มีความแตกแยก หรือความขัดแย้งเป็นการส่วนตัวกับใคร ตนทำหน้าที่ในสิ่งที่คิดว่า พรรคต้องมีความรับผิดชอบและเป็นสำนึกของตนในฐานะที่เป็นคนหนึ่งที่ไปเดินหาเสียงในช่วงเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. ส่วนถ้าจะมีใครที่มีความคิดทางการเมืองแบบนี้ ตนก็ไม่มีสิทธิ์ไปห้าม หากมีใครมีความคิดอยากจะตั้งพรรค มันก็เป็นสิทธิ์ของเขา ตนไม่หวั่นไหว และเชื่อมั่นในการทำงานตามแนวทางของพรรคและเดินหน้าต่อไป
"ขอยืนยันว่าผมไม่สนใจเรื่องข่าวพวกนี้ สนใจอย่างเดียวว่า ในฐานะต้นสังกัด ต้องทำหน้าที่เท่าที่จะทำได้ในการแสดงออกถึงความรับผิดเกี่ยวกับการทำงานท้องถิ่นภายใต้การบริหารงานของพรรค ตอนที่พรรคเลือก ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ลงสมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.สมัยที่สอง ท่านสุเทพ ก็เป็นบุคคลหนึ่งที่สนับสนุน ส่วนจะสนับสนุนให้ขึ้นเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์หรือไม่ ต้องไปถามท่านสุเทพเอง มาถามผมไม่ได้" นายอภิสิทธิ์ กล่าว