หัวหน้า ปชป.โยนถาม “เทือก-หม่อมหมู” เองปมตั้งพรรค ดันผู้ว่าฯ นั่ง หน.ปชป. ลั่นไม่หวั่น ย้อนไม่ยุ่งเรื่องพรรคแต่พูดมาหลายเดือนแล้ว ย้ำทำหน้าที่ดีสุดในข้อจำกัดทั้งระดับชาติ ท้องถิ่น ยันไม่แตกแยกกับใครในพรรค แต่ทำหน้าที่สอบ กทม.ตามความรับผิดชอบ ยันกำลังทำให้เป็นพรรคที่ ปชช.พึ่งพิงได้ หวังพลิกวิกฤตเป็นโอกาส กทม.-พรรค ต้องร่วมเคลียร์ข้อครหาสร้างความเชื่อมั่น
วันนี้ (15 ธ.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกระแสว่าข่าวว่านายสุเทพ เทือกสุบรรณ ประธานมูลนิธิมวลมหาประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศ หรือ มปท. ร่วมมือกับ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯ กทม. ตั้งพรรคการเมืองใหม่ว่า ตนไม่ได้อ่านในรายละเอียดของข่าว ที่ผ่านมาตนกับนายสุเทพมีการสื่อสารกันอยู่แม้ว่าจะไม่บ่อยเท่าเหมือนตอนอยู่ที่พรรค ก็ได้ติดตามกันอยู่ว่าทำกิจกรรมอะไรบ้าง เพราะตนก็ให้ความสนใจในงานของมูลนิธิด้วย และไม่เคยได้ยินว่านายสุเทพจะหวนกลับมาการเมืองเพราะได้แสดงจุดยืนชัดเจนว่าจะทำงานมูลนิธิหลายกิจกรรม ตนรู้จักกับนายสุเทพดีว่าทำอะไรต้องทำอย่างจริงจังมาก เจอกันหลายเดือนที่แล้ว นายสุเทพก็ยังบอกว่าจะไม่เข้ามายุ่ง แต่อยากเห็นพรรคมีการปฏิรูป เพราะหลักของ กปปส.เน้นในเรื่องการปฏิรูป แต่ไม่ใช่ฐานะมาเป็นผู้เล่นหรือผู้ทำ ส่วน ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์นั้นตนไม่เคยได้ยินว่าจะมีแนวคิดจะไปพรรคการเมืองใหม่ แต่ของอย่างนี้ต้องอยู่ที่ตัว ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ หรือนายสุเทพที่จะมาอธิบายเอง
“ผมคงไปอธิบายตอบโต้กับแหล่งข่าวไม่ได้ เพราะไม่รู้ว่าน่าเชื่อถือแค่ไหน แต่เป็นเรื่องที่คนอื่นจะต้องอธิบาย เพราะไม่มีอะไรที่จะมาเกี่ยวข้องกับผม ต้องไปสอบถามผู้ถูกพาดพิงว่ามันจริงหรือไม่ ซึ่งนายสุเทพ และ กปปส.ก็ออกมาปฏิเสธแล้วว่าไม่จริง ผมคงไปพูดอะไรมากไม่ได้ ไม่แน่ใจว่ามันจริงไม่จริงอย่างไร มีอะไรรองรับ เป็นเรื่องปกติที่คนในการเมืองก็อาจจะคิดก็ได้ หรืออาจจะมีข่าวคราวแนวความคิดว่าในอนาคตอาจจะเป็นอย่างนั้น เพราะฉะนั้นก็อาจจะต้องเคลื่อนไหวอย่างนี้”
นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า สำหรับตนถือว่าหน้าที่ที่ทำได้ในข้อจำกัดขณะนี้ คือ เตรียมความพร้อมของพรรคในการทำงานให้แก่ประชาชน การเมืองระดับชาติ ส่วนกรณีการเมืองท้องถิ่นเราก็พายามทำให้ดีที่สุด คือบุคคลที่ลงสมัครในนามของพรรค เราต้องมีส่วนรับผิดชอบด้วยการติดตามทำให้การทำงานมันดีขึ้น ซึ่งปัญหาการบริหารใน กทม. หรือเรื่องการทุจริตที่มีการวิพากษ์วิจารณ์กล่าวหาต่างๆ ก็เป็นหน้าที่ตน พรรค และผู้ว่าฯ กทม.ต้องมาสร้างความมั่นใจและมีความรับผิดชอบร่วมกันในฐานะที่พรรคเป็นต้นสังกัดส่งลงเลือกตั้ง แต่วันนี้มันกลายเป็นเรื่องของความแตกแยกภายในพรรค ขอเรียนว่าตนไม่ได้มีความแตกแยกหรือความขัดแย้งเป็นการส่วนตัวกับใคร ตนทำหน้าที่ในสิ่งที่คิดว่าพรรคต้องมีความรับผิดชอบ และเป็นสำนึกของตนในฐานะที่เป็นคนหนึ่งที่ไปเดินหาเสียงในช่วงเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ส่วนถ้าจะมีใครที่มีความคิดทางการเมืองแบบนี้ตนก็ไม่มีสิทธิ์ไปห้าม หากมีใครมีความคิดอยากจะตั้งพรรคมันก็เป็นสิทธิ์ของเขา ตนไม่หวั่นไหวและเชื่อมั่นในการทำงานตามแนวทางของพรรคและเดินหน้าต่อไป
“ขอยืนยันว่าผมไม่สนใจเรื่องข่าวพวกนี้ สนใจอย่างเดียวว่าในฐานะต้นสังกัดต้องทำหน้าที่เท่าที่จะทำได้ในการแสดงออกถึงความรับผิดเกี่ยวกับการทำงานท้องถิ่นภายใต้การบริหารงานของพรรค ตอนที่พรรคเลือก ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ลงสมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.สมัยที่ 2 ท่านสุเทพก็เป็นบุคคลหนึ่งที่สนับสนุน ส่วนจะสนับสนุนให้ขึ้นเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์หรือไม่ ต้องไปถามท่านสุเทพเอง มาถามผมไม่ได้ อย่างที่บอกว่าท่านสุเทพบอกไม่ยุ่งเรื่องของพรรค แต่ก็พูดมานานหลายเดือนแล้ว”
ส่วนกรณีที่นายสุเทพแนะนำให้พรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคที่ประชาชนพึ่งพิงได้นั้น นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า พรรคก็ทำอยู่ คือ 1. ในแง่ประเด็นสาธารณะ ปัญหาของประชาชนต้องใส่ใจติดตาม 2. ปรับปรุงเปลี่ยนแปลงปฏิรูปพรรคการเมือง แต่ต้องสามารถดำเนินกิจกรรมต่างๆ ได้ จึงต้องรอคำตอบจาก คสช.อยู่ เพราะเห็นมีแต่การให้สัมภาษณ์ของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ที่ไม่รู้ว่าเป็นความคิดเห็นส่วนตัวหรือไม่
“อย่างไรก็ตาม ก็เข้าใจสิ่งที่ท่านสุเทพพูดเรื่องทบทวนบทเรียน ผมถึงได้ย้ำว่าสิ่งที่เกิดขึ้นไม่มีใครอยากให้เกิด เพราะทราบดีว่าเวลามีข่าวออกไปคนสามารถตีความได้ว่าเป็นความขัดแย้ง ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อใครทั้งสิ้น แต่เราก็ต้องมีความรับผิดชอบจะเป็นที่พึ่งของคนได้ ต้องมีความรับผิดชอบต่อสิ่งที่ทำด้วย ฉะนั้นเมื่อมีการวิพากษ์วิจารณ์ สิ่งที่อยากจะทำก็คือพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสเหมือนที่ท่านพูด แต่จะทำได้ก็คือกทม.และพรรคต้องมาทำด้วยกัน ในการสร้างความเชื่อมั่นต่อประเด็นต่างๆ ผมหวังจะเห็นกทม และพรรคสามารถทำให้คนมีความมั่นใจในการทำงาน และอะไรที่เป็นประเด็นข้อสงสัยไม่ใช่เฉพาะที่สมาชิกพรรคออกมาพูด แต่รวมถึงหลายเรื่องที่ประชาชนวิจารณ์ ติดตามสะท้อนมาที่พรรค จะทำอย่างไรให้เห็นเราสามารถทำทุกอย่างให้เดินไปเพื่อประโยชน์และตอบคำถามต่างๆของประชาชนได้” นายอภิสิทธิ์กล่าว