1. กล่าวนำ : กรณี Su-24 ของรัสเซียถูกยิงตก
ในช่วงเช้าของวันที่ 24 พ.ย. 58 รัฐบาลตุรกีได้แจ้งข่าวว่า เครื่องบิน F-16s ของตุรกี (ในภาพที่ 1) ได้ยิงเครื่องบินลำหนึ่งตกบริเวณพรมแดนตุรกีกับซีเรีย ปรากฏภายหลังว่าเครื่องบินดังกล่าวคือ เครื่องบิน Su-24 (ในภาพที่ 2) ของรัสเซียซึ่งกำลังไปปฏิบัติการโจมตีเป้าหมายต่างๆ ในซีเรีย
ภาพที่ 1 เครื่องบิน F-16s ของตุรกี1
1จากhttp://www.defenseindustrydaily.com/turkey-orders-30-f16c-block-50s-et-al-for-29b-02671/
ภาพที่ 2 เครื่องบิน Su-242
2http://sputniknews.com/middleeast/20151124/1030658647/russia-syria-su24-air-to-aor-missile.html
ต่อมาได้มีรายงานข่าวว่า เครื่องบิน Su-24 ของรัสเซียได้ถูกเครื่องบิน F-16s ของกองทัพอากาศตุรกียิงตก (ในภาพที่ 3) มีนักบินรัสเซีย 2 นาย ได้กระโดดร่มออกจากเครื่องบินที่ถูกยิง (ดูภาพที่ 4) และคาดว่าเครื่องบินจะตกลงในบริเวณที่เรียกว่า เทือกเขา Jabal Turkmen ซึ่งอยู่ใกล้ชายแดนตุรกี ในพื้นที่บริเวณจังหวัด Latakia (ที่มีพื้นที่อยู่ติดชายฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียนของซีเรียดูในภาพที่ 5)
ภาพที่ 3 เครื่องบิน Su-24 ของรัสเซียถูกยิง3
3ภาพจาก http://www.bbc.com/news/world-middle-east-34912581 ขอขอบคุณมา ณ ที่นี้ด้วย
ภาพที่ 4 นักบินรัสเซียกระโดดร่มออกจากเครื่องบินที่ถูกยิง4
4ภาพที่4 มาจาก http://www.mirror.co.uk/news/world-news/russian-rescue-helicopter-shot-down-6891003 ขอขอบคุณมา ณ ที่นี้ด้วย - ผู้เขียน
สำหรับนักบินรัสเซีย 2 นาย ที่ได้กระโดดร่มออกจากเครื่องบินได้ถูกกลุ่มกบฏที่ต่อต้านรัฐบาลซีเรียระดมยิงจนเสียชีวิตกลางอากาศไป 1 นายอีก 1 นายได้รับการช่วยเหลือเป็นผลสำเร็จ สำหรับทีมช่วยเหลือนักบินซึ่งมีเฮลิคอปเตอร์ 2 ลำ (ดูภาพที่ 6) พร้อมทหารได้บินมายังบริเวณพื้นที่ที่นักบินทั้งสองกระโดดร่มลง แต่ได้ถูกกองกำลังกลุ่มกบฏต่อต้านรัฐบาลซีเรียระดมยิงจนทำให้เฮลิคอปเตอร์ถูกทำลายไป 1 ลำ และทหารรัสเซียที่มาช่วยเหลือนักบินได้เสียชีวิตไป 1 ราย
ภาพที่ 5 เทือกเขา Jabal Turkmen ในบริเวณจังหวัด (เขตปกครอง) Latakia5
5ภาพมาจาก http://syrianperspective.com/2014/06/updated-map-of-military-situation-at-lattakia-and-idlib.html ขอขอบคุณมา ณ ที่นี้ด้วย และดัดแปลงโดย วีระศักดิ์ นาทะสิริ
คำอธิบายภาพที่ 5 : ซ้ายมือของแผนที่ สีน้ำเงิน คือ ทะเลเมดิเตอร์เรเนียน, วงกลมสีแดง คือ จังหวัด Latakia, เส้นสีแดง คือ แนวเทือกเขา Jabal Turkmen, เส้นสีขาว คือ พรมแดนระหว่างซีเรียกับตุรกีและเส้นสี่เหลี่ยมสีม่วงคือ บริเวณที่คาดว่าเครื่องบิน Su-24 ของรัสเซียได้ตกลงซึ่งอยู่ในเขตแดนของซีเรีย
ข้อมูลเพิ่มเติม : Latakia เป็นหนึ่งใน 14 จังหวัด (เขตการปกครอง) ของซีเรีย อยู่ทางทิศตะวันตกของซีเรีย มีพื้นที่ชายแดนติดต่อกับตุรกีเนื้อที่ประมาณ 2,297 กม2- 2,437 กม2 มีประชากรประมาณ 991,000 คน (2010 est.) และมากกว่า 50% นับถือนิกายสุหนี่ (เฉพาะในเมืองหลวง Latakia จะมีผู้นับถือนิกายสุหนี่มากกว่า 70%) โดยมีผู้นับถือศาสนาอิสลามนิกาย Alawite เป็นชนกลุ่มน้อย (นิกายนี้แยกมาจากนิกายชีอะห์โดยได้รับการจัดตั้งขึ้นในซีเรียในศตวรรษที่ 9 - สรุปจาก https://en.wikipedia.org/wiki/Alawites)
ภาพที่ 6 เฮลิคอปเตอร์ของรัสเซียกำลังบินไปช่วยนักบิน6
6ภาพจากhttps://uprootedpalestinians.wordpress.com/2015/11/27/thats-how-russian-syrian-special-force-rescued-su-24-pilot/ขอขอบคุณมา ณ ที่นี้ด้วย
2. สถานการณ์การยิงเครื่องบิน Su-24 ของรัสเซียโดยสรุป
2.1 ข้อมูลเบื้องต้น
เป็นเวลาเกือบ 5 ปีแล้วหลังจากที่หน่วยงานความมั่นคงของรัฐบาลซีเรียได้ทำการยิงและจับกุมผู้ประท้วงที่เรียกร้องประชาธิปไตยทางใต้ของเมือง Derra ในเดือนมีนาคม 2011 ซึ่งผลปรากฏว่า ได้มีผู้เสียชีวิตหลายราย เหตุการณ์นี้ได้ลุกลามกลายเป็นการประท้วงและก่อความไม่สงบไปทั่วประเทศ และได้เรียกร้องให้ประธานาธิบดี Bashar al-Assad ลาออกจากตำแหน่ง (คาดว่า กลุ่มผู้ประท้วงและก่อความไม่สงบคงได้รับการสนับสนุนจากบางประเทศในตะวันออกกลาง บางประเทศในยุโรป และอาจรวมทั้งสหรัฐอเมริกาด้วย เพราะมีการวางแผน มีการเตรียมการ และได้รับการสนับสนุนอาวุธต่างๆ - ผู้เขียน)
ต่อมาประชาชนในพื้นที่ต่างๆ ของประเทศได้มีการรวมกลุ่มกันเพื่อต่อต้านรัฐบาลซีเรีย และได้มีการจัดหาอาวุธเพื่อต่อสู้กับรัฐบาล โดยมีเป้าหมายเพื่อต้องการล้มล้างรัฐบาล al-Assad ให้ได้ ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นได้พัฒนาและกลายเป็นการสู้รบกันอย่างนองเลือด (Bloody Armed Conflict) ระหว่างชาวซีเรีย 2 กลุ่มใหญ่และกลุ่มอิสลามผสมอีก 1 กลุ่ม คือ ฝ่ายรัฐบาลซีเรียกับฝ่ายต่อต้านรัฐบาลซีเรีย และกลุ่ม ISIS จนทำให้มีผู้เสียชีวิตไม่ต่ำกว่า 250,000 คน และชาวซีเรียจำนวนมากกว่า 11 ล้านคนต้องอพยพออกจากบ้านที่อาศัยและบางส่วนได้เดินทางออกนอกประเทศ เพื่อหลบหนีการสู้รบในซีเรียและมุ่งไปหาแหล่งที่อยู่ที่ปลอดภัยในประเทศอื่นๆ ทั้งในยุโรป และในภูมิภาคต่างๆ
ฝ่ายรัฐบาลซีเรียมีประธานาธิบดี Bashar al-Assad เป็นผู้นำ (ได้สืบทอดความเป็นผู้นำมาจากบิดาคือ อดีตประธานาธิบดี Hafez al- Assad ซึ่งได้ปกครองซีเรียมานานกว่า 30 ปี) นอกจากนี้ยังเป็นผู้นำพรรค Bath และดำรงตำแหน่งเป็นผู้บัญชาการกองทัพของซีเรียอีกด้วย ประธานาธิบดี al- Assad จะได้รับการสนับสนุนหลักจากประชาชนซีเรียบางกลุ่ม กองทัพซีเรีย รัฐบาลอิหร่าน และรัฐบาลรัสเซีย
ประเทศที่ให้การสนับสนุนทางทหารแก่รัฐบาลซีเรียที่สำคัญก็คือ อิหร่าน และรัสเซีย โดยเฉพาะรัสเซียซึ่งเป็นพันธมิตรเก่าแก่ที่ให้ความช่วยเหลือต่างๆ แก่ซีเรียมาตั้งแต่สมัยอดีตประธานาธิบดี Hafez al-Assad (บิดาของประธานาธิบดี Bashar al- Assad) จนถึงปัจจุบันสำหรับกรณีการสู้รบกับกลุ่มต่อต้านรัฐบาลซีเรียนั้น รัสเซียได้ส่งกำลังทางอากาศจำนวนหนึ่ง (ดูภาพที่ 7) มาช่วยกองกำลังภาคพื้นดินของซีเรีย เพื่อปฏิบัติการโจมตีทางอากาศต่อกองกำลังของ ISIS และอาจรวมทั้งกลุ่มที่ต่อต้านรัฐบาล al- Assad ด้วย
ภาพที่ 7 จำนวนเครื่องบินรบของรัสเซียและของชาติต่างๆ ในตะวันออกกลาง (ข้อมูลจากCNN) 7
7มาจาก http://edition.cnn.com/2015/11/28/middleeast/syria-turkey-russia-warplane-shot-down/index.html
สำหรับฝ่ายต่อต้านรัฐบาลซีเรียหรือกลุ่มกบฏมีหลายกลุ่ม โดยกลุ่มที่สำคัญได้แก่ (1) กลุ่มประชาชนส่วนใหญ่ที่นับถือศาสนาอิสลามนิกายสุหนี่ (ส่วนฝ่ายประธานาธิบดี Bashar al-Assad จะเป็นกลุ่มที่นับถืออิสลามนิกายชีอะห์ อาลาวียะท์ ซึ่งแยกมาจากนิกายชีอะห์ Shiite) กลุ่มนี้จะได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐอเมริกา ประเทศต่างๆ ในยุโรป และตุรกี เป็นต้น ผู้เขียนคาดว่า คงจะมี ซาอุดีอาระเบีย อยู่ในกลุ่มประเทศที่ให้การสนับสนุนนี้ด้วย, (2) กลุ่มชาวซีเรียเชื้อสายเติร์ก ซึ่งจะมีกองกำลังอยู่บริเวณชายแดนซีเรียกับตุรกี และเทือกเขา Jabal Turkmen คาดว่ากลุ่มนี้จะได้รับการสนับสนุนทุกด้านในทางลับจากรัฐบาลตุรกี เนื่องจากมีชาติพันธุ์เดียวกันและอาจมีผลประโยชน์ร่วมกัน, และ (3) กลุ่ม IS (Islam State) หรือ ISIS (Islamic State of Iraq and Syria) ซึ่งเป็นกลุ่มอิสลามผสมติดอาวุธ (ผู้ที่นับถืออิสลามมาจากหลายภูมิภาค) ที่มีกำลังที่เข้มแข็งที่สุด โดยมีเป้าหมายที่จะจัดตั้งรัฐอิสลามครอบคลุมบริเวณพื้นที่ของประเทศอิรักและซีเรีย ผู้เขียนคาดว่า กลุ่มก่อการร้ายกลุ่มนี้คงได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มคนอิสลามที่อยู่ในยุโรป ในเอเชีย ในอเมริกา ในตุรกี ในตะวันออกกลาง และมีรายได้หลักจากการลักลอบขายน้ำมัน
2.2 เหตุการณ์ในวันที่ 24 พ.ย. 2015
ภาพที่ 8 แผนที่แสดงเส้นทางการบินของ Su-24 ของรัสเซียและจุดที่ถูก F-16s ของตุรกียิง8
8ดัดแปลงภาพจาก http://arstechnica.com/information-technology/2015/11/turkish-f-16-shoots-down-russian-jet-for-disputed-airspace-violation/ ขอขอบคุณมา ณ ที่นี้ด้วยและดัดแปลงโดย วีระศักดิ์ นาทะสิริ
คำอธิบายภาพที่ 8 : เส้นประสีม่วง คือ เส้นแบ่งเขตแดนระหว่างซีเรียกับตุรกี พื้นที่เหนือเส้นประสีม่วง เป็นพื้นที่ประเทศตุรกี และพื้นที่ใต้เส้นประสีม่วง เป็นพื้นที่ประเทศซีเรีย, เส้นสีแดง คือ เส้นทางการบินของ Su-24 ที่รัสเซียอ้างว่า Su-24 ไม่ได้บินล้ำเข้าไปในดินแดนของตุรกี, เส้นสีน้ำเงิน คือ เส้นทางการบินของ F-16s ของตุรกี (อาจล้ำแนวเขตแดนเข้ามาในพื้นที่ของซีเรีย), วงกลมแดงขอบดำ คือ จุดที่คาดว่า Su-24 ถูกยิงด้วยขีปนาวุธจากเครื่องบิน F-16s ของตุรกี, รูปดาวแดงขอบดำ คือ จุดที่คาดว่า Su-24 ตกลงสู่พื้นซึ่งอยู่ในดินแดนของซีเรียและอยู่ห่างจากชายแดนประมาณ 4 กิโลเมตร และสำหรับเส้นประสีดำ ก็คือ เส้นทางการบินของ Su-24 ที่ตุรกีอ้างว่า เครื่องบินรัสเซียบินผ่านเข้ามาในดินแดนของตุรกี ซึ่งมีลักษณะเป็นจงอยเข้าไปในดินแดนของซีเรียมีความกว้างประมาณ 4 กิโลเมตร
(1) การนำเสนอข่าวของฝ่ายตุรกี : ได้มีรายงานข่าวของทางการตุรกีระบุว่า ตุรกีได้ยิงจรวดใส่เครื่องบินที่รุกล้ำเข้ามาในดินแดนตุรกีตก 1 ลำ และได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติมว่า ตุรกีได้ส่งคำเตือนไปยังนักบินของเครื่องบินทั้งสองลำที่บินล้ำเข้ามาในตุรกี (ซึ่งตุรกีได้อ้างว่า ไม่ทราบสัญชาติของนักบินและเครื่องบินดังกล่าว) เป็นจำนวนถึง 10 ครั้งก่อนที่จะทำการยิงเครื่องบินดังกล่าว ในขณะที่กำลังบินไปตามแนวชายแดนซีเรียกับตุรกี โดยเครื่องบินทั้งสองลำได้บินล้ำเข้ามาในดินแดนของตุรกีประมาณ 2.19 กม.และ 1.85 กม.ตามลำดับ (แนวเส้นประสีดำในภาพที่ 8 : ตัดผ่านพื้นที่ของตุรกีบริเวณที่เป็นจงอย) เป็นเวลาประมาณ 17 วินาที ในเวลา 09:24:05 (07:24:05 GMT) ของวันที่ 24 พ.ย. 2015 ทางการตุรกียังได้ระบุอีกว่า ได้แจ้งเตือนให้นักบินทั้งสองลำเปลี่ยนเส้นทางการบินแล้วแต่ปรากฏว่า นักบินทั้งสองลำไม่ได้เปลี่ยนเส้นทางการบิน แต่ในเวลาต่อมาเครื่องบินรัสเซีย 1 ลำได้บินพ้นออกไปจากดินแดนของตุรกี ส่วนเครื่องบินอีก 1 ลำยังอยู่ในดินแดนของตุรกี ดังนั้นเครื่องบิน F-16s ของตุรกีจึงได้ยิงจรวดใส่เครื่องบินลำดังกล่าว จนเป็นเหตุให้นักบินทั้งสองนายต้องกระโดดร่มหนีออกจากเครื่องบิน และในขณะที่นักบินรัสเซียทั้งสองนายกำลังลอยอยู่กลางอากาศ (ดูภาพที่ 4) ก็ได้ถูกกลุ่มกบฏต่อต้านรัฐบาลซีเรียที่อยู่บนพื้นดินระดมยิงจนทำให้นักบินเสียชีวิตไป 1 นาย ส่วนนักบินอีก 1 นายได้รับความช่วยเหลือจากทีมช่วยเหลือของทหารรัสเซียในเวลาต่อมา แต่ทีมช่วยเหลือได้ถูกกลุ่มกบฏต่อต้านรัฐบาลซีเรียระดมยิงจนต้องสูญเสียเฮลิคอปเตอร์ไป 1 ลำ พร้อมกับทหารรัสเซียอีก1 นาย
(2) การนำเสนอข่าวของฝ่ายรัสเซีย : รัฐบาลรัสเซียโดยประธานาธิบดีปูติน ได้ออกมายอมรับว่า เครื่องบิน Su-24 ของรัสเซียถูกยิงตกบริเวณชายแดนซีเรียกับตุรกี และได้ให้ข้อมูลโต้แย้งฝ่ายตุรกีว่า นักบินรัสเซียกำลังบินอยู่ในน่านฟ้าของซีเรียตามเส้นทางการบินสีแดง (ดูภาพที่ 8) ในความสูงที่ 6,000 เมตร หรือ 19,685 ฟุต โดยไม่ได้รุกล้ำเข้าไปในดินแดนของตุรกีแต่อย่างใด และนักบินของรัสเซียก็ไม่เคยได้รับการแจ้งเตือนใดๆจากทางการตุรกีว่า เครื่องบินทั้งสองลำของรัสเซียได้บินรุกล้ำเข้าไปในน่านฟ้าของตุรกี
นอกจากนี้ก่อนการปฏิบัติการทางอากาศทุกครั้ง รัสเซียจะแจ้งและให้ข้อมูลเส้นทางการบินแก่กองกำลังของสหรัฐอเมริกาได้รับทราบก่อนปฏิบัติการทุกครั้งเพื่อป้องกันการเข้าใจผิด ดังนั้น จึงเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ที่ตุรกีและพันธมิตรอื่นๆ ของสหรัฐอเมริกาจะไม่ทราบว่า เครื่องบินทั้งสองลำดังกล่าวเป็นของรัสเซีย เพราะสหรัฐอเมริกาซึ่งเป็นผู้นำในการใช้กำลังทางอากาศโจมตีทิ้งระเบิดกลุ่ม ISIS ย่อมจะต้องเผยแพร่ข้อมูลดังกล่าวไปให้กองกำลังของชาติต่างๆ ที่ร่วมปฏิบัติการในซีเรียได้รับทราบด้วยทุกครั้ง และนี่คงเป็นเหตุผลที่ทำให้ประธานาธิบดีปูตินรู้สึกว่า เหมือนถูกหลอก จนออกมากล่าวว่า รัสเซียถูกแทงข้างหลัง Stab in the back. ซึ่งหมายความว่ารัสเซียถูกทั้งตุรกีและสหรัฐอเมริกาหลอกลวงนั่นเอง
3. ข้อสังเกตเกี่ยวกับยุทธการแทงข้างหลังรัสเซีย Russian was stabbed in the back.
ผู้เขียนขอนำเสนอความคิดเห็นต่อกรณีที่ F-16s ของตุรกียิงเครื่องบิน Su-24 ของรัสเซีย ดังนี้
3.1 ประการแรก ผู้เขียนคาดว่า แผนการบินหรือเส้นทางการบินของฝูงบินรัสเซียมีลักษณะเป็นวงกลมรี และหน่วยบินของรัสเซียคงได้ปฏิบัติเช่นนี้จนเป็นกิจวัตรหรือเป็นประจำในภาพที่ 8 จะพบว่าเครื่องบิน Su-24 ของรัสเซียจะบินออกจาก Latakia ไปปฏิบัติภารกิจทางทหาร แล้วบินอ้อมกลับมาตามแนวชายแดนซีเรียกับตุรกี ซึ่งในวันเกิดเหตุคือ วันที่ 24 พ.ย.เครื่องบินรัสเซียได้บินเข้ามาใกล้ชายแดนซีเรีย-ตุรกีประมาณ 1 กม. (ดูภาพที่ 8) จากนั้นก็คงจะบินผ่านเทือกเขา Jabal Turkmen ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีการสู้รบระหว่างฝ่ายรัฐบาลซีเรียกับกลุ่มกบฏชาวซีเรียเชื้อสายเติร์ก และหลังจากนั้นจึงบินวกกลับมายังฐานทัพที่ Latakia การปฏิบัติจนเป็นกิจวัตรดังกล่าวได้ทำให้ฝ่ายตรงข้ามทราบว่า เครื่องบินของรัสเซียจะใช้เวลาในการบินในการปฏิบัติภารกิจนานเท่าไร และจะบินผ่านที่ใดบ้าง ทำให้สามารถนำข้อมูลดังกล่าวมาประเมินสถานการณ์ และวางแผนเพื่อเข้าโจมตีเครื่องบินรัสเซียได้อย่างไม่ผิดพลาดนั่นเอง
3.2 ประการที่ 2 ในภาพที่ 8 จะพบว่า เครื่องบิน F-16s ของตุรกีได้บินตรงมายังชายแดนใกล้กับเส้นทางการบินของ Su-24 ในช่วงเวลาเดียวกันกับเครื่องบินของรัสเซียซึ่งคงจะต้องใช้เวลานานกว่าจะมาถึงจุดที่เครื่องบินรัสเซียผ่านบริเวณใกล้ชายแดน เนื่องจากที่ตั้งของฐานทัพอากาศตุรกีอยู่ห่างไกลจากบริเวณชายแดน ดังนั้น จึงเป็นไปได้ว่า F-16s ของตุรกีคงจะออกจากฐานทัพมาก่อน และบินรอคอยอยู่ในที่ใดที่หนึ่งก่อน เมื่อทราบว่า เครื่องบินรัสเซียกำลังบินใกล้เข้ามา จึงได้บินมายังจุดที่อยู่ใกล้ Su-24 ของรัสเซียเพื่อให้อยู่ในระยะหวังผลของการยิงขีปนาวุธอากาศสู่อากาศของเครื่องบิน F-16s จากนั้นจึงได้ยิงขีปนาวุธเข้าใส่เครื่องบินของรัสเซียในขณะกำลังบินไปตามแนวชายแดนซีเรียกับตุรกีในความสูงที่ 6,000 เมตร หรือ 19,685 ฟุตในช่วงเวลาหลังจาก 09:24:05 (07:24:05 GMT) ของวันที่ 24 พ.ย. 2015
3.3 ประการที่ 3 จากภาพที่ได้ปรากฏในสื่อสิ่งพิมพ์และวิดีโอได้บ่งชี้ว่า ได้มีการวางแผนโดยตระเตรียมช่างภาพและอุปกรณ์การถ่ายภาพไว้ล่วงหน้า ก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์ยิงเครื่องบิน เพื่อบันทึกภาพในขณะที่เครื่องบินของรัสเซียถูกยิง และกำลังจะตกสู่พื้นดิน (ในภาพที่ 9) และยังได้บันทึกภาพการระดมยิงนักบินรัสเซียในขณะที่กำลังลอยอยู่กลางอากาศจนเสียชีวิตกลางอากาศอีกด้วย (ในภาพที่ 4)
ภาพที่ 9 ภาพถ่ายจากวิดีโอที่มีการบันทึกโดยช่างภาพที่มีการเตรียมการไว้ล่วงหน้า9
9ภาพจาก http://www.theguardian.com/world/live/2015/nov/24/russian-jet-downed-by-turkish-planes-near-syrian-border-live-updates ขอขอบคุณมา ณ ที่นี้ด้วย
3.4 ประการที่ 4 ทันทีที่การปฏิบัติการยิง Su-24 ได้เสร็จสิ้นลงในเวลาต่อมาของวันเดียวกัน (วันอังคารที่ 24 พ.ย. 2015) รัฐบาลตุรกีได้มอบหมายให้นายHalit Cevik10 ทูตประจำสหประชาชาติของตุรกีส่งหนังสือชี้แจงไปยังสมาชิกสภาความมั่นคงของสหประชาชาติ UN โดยชี้แจงว่า ตุรกีได้ยิงเครื่องบินไม่ทราบสัญชาติ 1 ลำที่ได้รุกล้ำน่านฟ้าของตุรกีเพื่อปกป้องอธิปไตยเหนือน่านฟ้า ซึ่งตุรกีได้อ้างว่า เครื่องบินดังกล่าวได้รุกล้ำเข้ามาในดินแดนของตุรกีเป็นระยะทางมากกว่า 1 ไมล์ และเป็นเวลานาน 17 วินาที
นอกจากที่มีหนังสือแจ้งสมาชิกสภาความมั่นคงแล้ว ตุรกียังได้ติดต่อไปยังผู้นำประเทศมหาอำนาจต่างๆ เพื่อแสวงหาการสนับสนุนการปฏิบัติการดังกล่าวอีกด้วย ตัวอย่างเช่น ได้มีการพูดทางโทรศัพท์ระหว่างผู้นำตุรกีกับผู้นำสหรัฐอเมริกา ซึ่งในเวลาต่อมาประธานาธิบดี Obama ได้ออกมากล่าวย้ำว่าสหรัฐอเมริกาและนาโต้สนับสนุนสิทธิการป้องกันอธิปไตยของตุรกี “U.S. and NATO support for Turkey's right to defend its sovereignty,”……….
10(สรุปจากข้อความบางตอนใน http://www.reuters.com/article/2015/11/24/us-mideast-crisis-syria-un-idUSKBN0TD25H20151124#gwtvqkXXsA0BRVAF.97. )
4. บทสรุป : ความคิดเห็นของผู้เขียน
หลังจากได้ตรวจสอบข้อมูลและการรายงานข่าวของทั้งฝ่ายตุรกีและฝ่ายรัสเซียในข้อ 1 - ข้อ 3 แล้ว ผู้เขียนได้มีข้อสงสัยหลายประการ ตัวอย่างเช่น
4.1 นอกเหนือจากการเป็นคนชาติพันธุ์เดียวกันกับกลุ่มกบฏต่อต้านรัฐบาลซีเรียชาวเติร์กแล้ว ตุรกีอาจจะมีผลประโยชน์อื่นๆ อีกในบริเวณชายแดนที่ติดต่อกับเทือกเขา Jabal Turkmen ของซีเรีย เพราะตุรกีได้ให้การสนับสนุนทั้งด้านอาวุธ การฝึก และด้านต่างๆ แก่กลุ่มกบฏชาวเติร์ก ดังนั้น ผู้เขียนจึงสงสัยว่าผลประโยชน์ที่มีความสำคัญต่อตุรกีก็คือ อิทธิพลเหนือบริเวณชายแดนเพื่อความมั่นคงและการลักลอบขนส่งน้ำมันราคาถูกที่คาดว่าจะมาจากกลุ่ม ISIS คงจะมีความสำคัญมากกว่าผลประโยชน์อื่นๆ
4.2 แม้ว่าเครื่องบินรัสเซียทั้ง 2 ลำ อาจบินผ่านเข้าไปในดินแดนที่เป็นรูปจงอยของตุรกี (เส้นประสีดำ ในภาพที่ 8) แต่ก็เป็นเพียง 5 - 17 วินาทีเท่านั้น การที่ F-16s ของตุรกีไม่ใช้วิธีการบินประกบเครื่องบินรัสเซีย แต่เลือกที่จะยิงขีปนาวุธเข้าใส่เครื่องบินรัสเซียซึ่งเป็นการกระทำที่รุนแรงแต่ก็ยังกระทำเพราะอะไร หรือเพราะต้องการทดสอบขีดความสามารถของขีปนาวุธอากาศสู่อากาศกับเหยื่อจริงๆ (Su-24) หรือเพราะกลัวว่า เครื่องบินรัสเซียอาจเข้าไปใกล้บริเวณชายแดน และอาจตรวจพบการลักลอบขนส่งน้ำมันของกลุ่ม ISIS จากซีเรียเข้าไปในตุรกี จึงจำเป็นต้องยิงเครื่องบินของรัสเซียซึ่งอาจรู้เห็นการกระทำนี้
อย่างไรก็ตาม ผู้เขียนขอสรุปว่า การปฏิบัติการยิงเครื่องบิน Su-24 ของกองทัพรัสเซียไม่ได้เป็นการกระทำที่เป็นไปตามสัญชาตญาณการป้องกันตัวหรือเป็นไปเพื่อป้องกันภัยจากศัตรู แต่เป็นการกระทำที่มีการวางแผน เปรียบเสมือนนายพรานซุ่มดักคอยเหยื่อ (หรืออาจเปรียบได้กับการแอบซุ่มของตำรวจจราจรที่คอยดักจับรถเลี้ยวซ้ายในขณะที่ไฟสัญญาณจราจรยังเป็นสีแดงอยู่) และมีการเตรียมการไว้ล่วงหน้าเป็นอย่างดีแต่ก็ยังไม่แนบเนียนเพราะได้ทิ้งร่องรอยต่างๆ ไว้ให้สืบค้นต่อไปว่า ใคร คือ ผู้บงการ และอะไร คือเหตุผลสำคัญที่ตุรกีกล้ากระทำโดยไม่กลัวว่ารัสเซียจะตอบโต้
ท้ายบทความ : สนทนากับผู้อ่าน
(1) ได้มีผู้ให้ความเห็นว่า กรณีการยิงเครื่องบิน Su-24 ของรัสเซียเป็นเรื่องไกลตัว ไม่เกี่ยวกับไทย ผู้เขียนไม่ควรไปเสียเวลาเขียนเรื่องนี้
แม้กรณีนี้จะไม่ได้เกี่ยวข้องโดยตรงกับไทยก็จริง แต่ถ้าคนรัสเซียจะหันมาสั่งผักผลไม้ และอาหารต่างๆ จากไทยเพิ่มมากขึ้น ไม่เพียงเท่านั้น ถ้านักท่องเที่ยวชาวรัสเซีย 3 ล้านคนไม่ไปเที่ยวตุรกี แต่กลับมาเที่ยวไทยแล้ว อะไรจะเกิดขึ้น ขอให้ผู้อ่านทุกท่านลองนึกคิดดูว่า เศรษฐกิจของไทยจะเจริญเติบโตเพิ่มมากขึ้นเพียงใด ฉะนั้นผู้เขียนจึงต้องขออภัยที่ต้องฝืนความรู้สึกของผู้อ่านบางท่านโดยการเขียนบทความนี้
(2) ได้มีผู้อ่านถามมาว่า เมื่อไรผู้เขียนจะจัดพิมพ์เป็นเล่มเสียที และถ้าพิมพ์เป็นรูปเล่มเมื่อใดก็ขอให้มีหน้าที่เป็นสีมากๆ หน่อย เพราะมีรูปและมีตารางต่างๆ มากมาย
ผู้เขียนกำลังรวบรวมเรื่องที่เขียนเป็นหมวดๆ อยู่ และถ้ามีการจัดพิมพ์เป็นรูปเล่มเมื่อใดก็จะพยายามให้เป็นไปตามคำแนะนำของท่านครับ
ขอบคุณสื่อและผู้อ่าน
ขอขอบคุณสื่อมวลชนทุกแขนงทุกสำนักสำหรับภาพที่ผู้เขียนนำมาประกอบในบทความนี้ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ผู้อ่านทุกท่านคงได้รับความสำราญในการอ่านบทความนี้ดังเช่นที่เคยเป็นมา
ขอบคุณครับ
วีระศักดิ์ นาทะสิริ
ในช่วงเช้าของวันที่ 24 พ.ย. 58 รัฐบาลตุรกีได้แจ้งข่าวว่า เครื่องบิน F-16s ของตุรกี (ในภาพที่ 1) ได้ยิงเครื่องบินลำหนึ่งตกบริเวณพรมแดนตุรกีกับซีเรีย ปรากฏภายหลังว่าเครื่องบินดังกล่าวคือ เครื่องบิน Su-24 (ในภาพที่ 2) ของรัสเซียซึ่งกำลังไปปฏิบัติการโจมตีเป้าหมายต่างๆ ในซีเรีย
ภาพที่ 1 เครื่องบิน F-16s ของตุรกี1
1จากhttp://www.defenseindustrydaily.com/turkey-orders-30-f16c-block-50s-et-al-for-29b-02671/
ภาพที่ 2 เครื่องบิน Su-242
2http://sputniknews.com/middleeast/20151124/1030658647/russia-syria-su24-air-to-aor-missile.html
ต่อมาได้มีรายงานข่าวว่า เครื่องบิน Su-24 ของรัสเซียได้ถูกเครื่องบิน F-16s ของกองทัพอากาศตุรกียิงตก (ในภาพที่ 3) มีนักบินรัสเซีย 2 นาย ได้กระโดดร่มออกจากเครื่องบินที่ถูกยิง (ดูภาพที่ 4) และคาดว่าเครื่องบินจะตกลงในบริเวณที่เรียกว่า เทือกเขา Jabal Turkmen ซึ่งอยู่ใกล้ชายแดนตุรกี ในพื้นที่บริเวณจังหวัด Latakia (ที่มีพื้นที่อยู่ติดชายฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียนของซีเรียดูในภาพที่ 5)
ภาพที่ 3 เครื่องบิน Su-24 ของรัสเซียถูกยิง3
3ภาพจาก http://www.bbc.com/news/world-middle-east-34912581 ขอขอบคุณมา ณ ที่นี้ด้วย
ภาพที่ 4 นักบินรัสเซียกระโดดร่มออกจากเครื่องบินที่ถูกยิง4
4ภาพที่4 มาจาก http://www.mirror.co.uk/news/world-news/russian-rescue-helicopter-shot-down-6891003 ขอขอบคุณมา ณ ที่นี้ด้วย - ผู้เขียน
สำหรับนักบินรัสเซีย 2 นาย ที่ได้กระโดดร่มออกจากเครื่องบินได้ถูกกลุ่มกบฏที่ต่อต้านรัฐบาลซีเรียระดมยิงจนเสียชีวิตกลางอากาศไป 1 นายอีก 1 นายได้รับการช่วยเหลือเป็นผลสำเร็จ สำหรับทีมช่วยเหลือนักบินซึ่งมีเฮลิคอปเตอร์ 2 ลำ (ดูภาพที่ 6) พร้อมทหารได้บินมายังบริเวณพื้นที่ที่นักบินทั้งสองกระโดดร่มลง แต่ได้ถูกกองกำลังกลุ่มกบฏต่อต้านรัฐบาลซีเรียระดมยิงจนทำให้เฮลิคอปเตอร์ถูกทำลายไป 1 ลำ และทหารรัสเซียที่มาช่วยเหลือนักบินได้เสียชีวิตไป 1 ราย
ภาพที่ 5 เทือกเขา Jabal Turkmen ในบริเวณจังหวัด (เขตปกครอง) Latakia5
5ภาพมาจาก http://syrianperspective.com/2014/06/updated-map-of-military-situation-at-lattakia-and-idlib.html ขอขอบคุณมา ณ ที่นี้ด้วย และดัดแปลงโดย วีระศักดิ์ นาทะสิริ
คำอธิบายภาพที่ 5 : ซ้ายมือของแผนที่ สีน้ำเงิน คือ ทะเลเมดิเตอร์เรเนียน, วงกลมสีแดง คือ จังหวัด Latakia, เส้นสีแดง คือ แนวเทือกเขา Jabal Turkmen, เส้นสีขาว คือ พรมแดนระหว่างซีเรียกับตุรกีและเส้นสี่เหลี่ยมสีม่วงคือ บริเวณที่คาดว่าเครื่องบิน Su-24 ของรัสเซียได้ตกลงซึ่งอยู่ในเขตแดนของซีเรีย
ข้อมูลเพิ่มเติม : Latakia เป็นหนึ่งใน 14 จังหวัด (เขตการปกครอง) ของซีเรีย อยู่ทางทิศตะวันตกของซีเรีย มีพื้นที่ชายแดนติดต่อกับตุรกีเนื้อที่ประมาณ 2,297 กม2- 2,437 กม2 มีประชากรประมาณ 991,000 คน (2010 est.) และมากกว่า 50% นับถือนิกายสุหนี่ (เฉพาะในเมืองหลวง Latakia จะมีผู้นับถือนิกายสุหนี่มากกว่า 70%) โดยมีผู้นับถือศาสนาอิสลามนิกาย Alawite เป็นชนกลุ่มน้อย (นิกายนี้แยกมาจากนิกายชีอะห์โดยได้รับการจัดตั้งขึ้นในซีเรียในศตวรรษที่ 9 - สรุปจาก https://en.wikipedia.org/wiki/Alawites)
ภาพที่ 6 เฮลิคอปเตอร์ของรัสเซียกำลังบินไปช่วยนักบิน6
6ภาพจากhttps://uprootedpalestinians.wordpress.com/2015/11/27/thats-how-russian-syrian-special-force-rescued-su-24-pilot/ขอขอบคุณมา ณ ที่นี้ด้วย
2. สถานการณ์การยิงเครื่องบิน Su-24 ของรัสเซียโดยสรุป
2.1 ข้อมูลเบื้องต้น
เป็นเวลาเกือบ 5 ปีแล้วหลังจากที่หน่วยงานความมั่นคงของรัฐบาลซีเรียได้ทำการยิงและจับกุมผู้ประท้วงที่เรียกร้องประชาธิปไตยทางใต้ของเมือง Derra ในเดือนมีนาคม 2011 ซึ่งผลปรากฏว่า ได้มีผู้เสียชีวิตหลายราย เหตุการณ์นี้ได้ลุกลามกลายเป็นการประท้วงและก่อความไม่สงบไปทั่วประเทศ และได้เรียกร้องให้ประธานาธิบดี Bashar al-Assad ลาออกจากตำแหน่ง (คาดว่า กลุ่มผู้ประท้วงและก่อความไม่สงบคงได้รับการสนับสนุนจากบางประเทศในตะวันออกกลาง บางประเทศในยุโรป และอาจรวมทั้งสหรัฐอเมริกาด้วย เพราะมีการวางแผน มีการเตรียมการ และได้รับการสนับสนุนอาวุธต่างๆ - ผู้เขียน)
ต่อมาประชาชนในพื้นที่ต่างๆ ของประเทศได้มีการรวมกลุ่มกันเพื่อต่อต้านรัฐบาลซีเรีย และได้มีการจัดหาอาวุธเพื่อต่อสู้กับรัฐบาล โดยมีเป้าหมายเพื่อต้องการล้มล้างรัฐบาล al-Assad ให้ได้ ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นได้พัฒนาและกลายเป็นการสู้รบกันอย่างนองเลือด (Bloody Armed Conflict) ระหว่างชาวซีเรีย 2 กลุ่มใหญ่และกลุ่มอิสลามผสมอีก 1 กลุ่ม คือ ฝ่ายรัฐบาลซีเรียกับฝ่ายต่อต้านรัฐบาลซีเรีย และกลุ่ม ISIS จนทำให้มีผู้เสียชีวิตไม่ต่ำกว่า 250,000 คน และชาวซีเรียจำนวนมากกว่า 11 ล้านคนต้องอพยพออกจากบ้านที่อาศัยและบางส่วนได้เดินทางออกนอกประเทศ เพื่อหลบหนีการสู้รบในซีเรียและมุ่งไปหาแหล่งที่อยู่ที่ปลอดภัยในประเทศอื่นๆ ทั้งในยุโรป และในภูมิภาคต่างๆ
ฝ่ายรัฐบาลซีเรียมีประธานาธิบดี Bashar al-Assad เป็นผู้นำ (ได้สืบทอดความเป็นผู้นำมาจากบิดาคือ อดีตประธานาธิบดี Hafez al- Assad ซึ่งได้ปกครองซีเรียมานานกว่า 30 ปี) นอกจากนี้ยังเป็นผู้นำพรรค Bath และดำรงตำแหน่งเป็นผู้บัญชาการกองทัพของซีเรียอีกด้วย ประธานาธิบดี al- Assad จะได้รับการสนับสนุนหลักจากประชาชนซีเรียบางกลุ่ม กองทัพซีเรีย รัฐบาลอิหร่าน และรัฐบาลรัสเซีย
ประเทศที่ให้การสนับสนุนทางทหารแก่รัฐบาลซีเรียที่สำคัญก็คือ อิหร่าน และรัสเซีย โดยเฉพาะรัสเซียซึ่งเป็นพันธมิตรเก่าแก่ที่ให้ความช่วยเหลือต่างๆ แก่ซีเรียมาตั้งแต่สมัยอดีตประธานาธิบดี Hafez al-Assad (บิดาของประธานาธิบดี Bashar al- Assad) จนถึงปัจจุบันสำหรับกรณีการสู้รบกับกลุ่มต่อต้านรัฐบาลซีเรียนั้น รัสเซียได้ส่งกำลังทางอากาศจำนวนหนึ่ง (ดูภาพที่ 7) มาช่วยกองกำลังภาคพื้นดินของซีเรีย เพื่อปฏิบัติการโจมตีทางอากาศต่อกองกำลังของ ISIS และอาจรวมทั้งกลุ่มที่ต่อต้านรัฐบาล al- Assad ด้วย
ภาพที่ 7 จำนวนเครื่องบินรบของรัสเซียและของชาติต่างๆ ในตะวันออกกลาง (ข้อมูลจากCNN) 7
7มาจาก http://edition.cnn.com/2015/11/28/middleeast/syria-turkey-russia-warplane-shot-down/index.html
สำหรับฝ่ายต่อต้านรัฐบาลซีเรียหรือกลุ่มกบฏมีหลายกลุ่ม โดยกลุ่มที่สำคัญได้แก่ (1) กลุ่มประชาชนส่วนใหญ่ที่นับถือศาสนาอิสลามนิกายสุหนี่ (ส่วนฝ่ายประธานาธิบดี Bashar al-Assad จะเป็นกลุ่มที่นับถืออิสลามนิกายชีอะห์ อาลาวียะท์ ซึ่งแยกมาจากนิกายชีอะห์ Shiite) กลุ่มนี้จะได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐอเมริกา ประเทศต่างๆ ในยุโรป และตุรกี เป็นต้น ผู้เขียนคาดว่า คงจะมี ซาอุดีอาระเบีย อยู่ในกลุ่มประเทศที่ให้การสนับสนุนนี้ด้วย, (2) กลุ่มชาวซีเรียเชื้อสายเติร์ก ซึ่งจะมีกองกำลังอยู่บริเวณชายแดนซีเรียกับตุรกี และเทือกเขา Jabal Turkmen คาดว่ากลุ่มนี้จะได้รับการสนับสนุนทุกด้านในทางลับจากรัฐบาลตุรกี เนื่องจากมีชาติพันธุ์เดียวกันและอาจมีผลประโยชน์ร่วมกัน, และ (3) กลุ่ม IS (Islam State) หรือ ISIS (Islamic State of Iraq and Syria) ซึ่งเป็นกลุ่มอิสลามผสมติดอาวุธ (ผู้ที่นับถืออิสลามมาจากหลายภูมิภาค) ที่มีกำลังที่เข้มแข็งที่สุด โดยมีเป้าหมายที่จะจัดตั้งรัฐอิสลามครอบคลุมบริเวณพื้นที่ของประเทศอิรักและซีเรีย ผู้เขียนคาดว่า กลุ่มก่อการร้ายกลุ่มนี้คงได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มคนอิสลามที่อยู่ในยุโรป ในเอเชีย ในอเมริกา ในตุรกี ในตะวันออกกลาง และมีรายได้หลักจากการลักลอบขายน้ำมัน
2.2 เหตุการณ์ในวันที่ 24 พ.ย. 2015
ภาพที่ 8 แผนที่แสดงเส้นทางการบินของ Su-24 ของรัสเซียและจุดที่ถูก F-16s ของตุรกียิง8
8ดัดแปลงภาพจาก http://arstechnica.com/information-technology/2015/11/turkish-f-16-shoots-down-russian-jet-for-disputed-airspace-violation/ ขอขอบคุณมา ณ ที่นี้ด้วยและดัดแปลงโดย วีระศักดิ์ นาทะสิริ
คำอธิบายภาพที่ 8 : เส้นประสีม่วง คือ เส้นแบ่งเขตแดนระหว่างซีเรียกับตุรกี พื้นที่เหนือเส้นประสีม่วง เป็นพื้นที่ประเทศตุรกี และพื้นที่ใต้เส้นประสีม่วง เป็นพื้นที่ประเทศซีเรีย, เส้นสีแดง คือ เส้นทางการบินของ Su-24 ที่รัสเซียอ้างว่า Su-24 ไม่ได้บินล้ำเข้าไปในดินแดนของตุรกี, เส้นสีน้ำเงิน คือ เส้นทางการบินของ F-16s ของตุรกี (อาจล้ำแนวเขตแดนเข้ามาในพื้นที่ของซีเรีย), วงกลมแดงขอบดำ คือ จุดที่คาดว่า Su-24 ถูกยิงด้วยขีปนาวุธจากเครื่องบิน F-16s ของตุรกี, รูปดาวแดงขอบดำ คือ จุดที่คาดว่า Su-24 ตกลงสู่พื้นซึ่งอยู่ในดินแดนของซีเรียและอยู่ห่างจากชายแดนประมาณ 4 กิโลเมตร และสำหรับเส้นประสีดำ ก็คือ เส้นทางการบินของ Su-24 ที่ตุรกีอ้างว่า เครื่องบินรัสเซียบินผ่านเข้ามาในดินแดนของตุรกี ซึ่งมีลักษณะเป็นจงอยเข้าไปในดินแดนของซีเรียมีความกว้างประมาณ 4 กิโลเมตร
(1) การนำเสนอข่าวของฝ่ายตุรกี : ได้มีรายงานข่าวของทางการตุรกีระบุว่า ตุรกีได้ยิงจรวดใส่เครื่องบินที่รุกล้ำเข้ามาในดินแดนตุรกีตก 1 ลำ และได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติมว่า ตุรกีได้ส่งคำเตือนไปยังนักบินของเครื่องบินทั้งสองลำที่บินล้ำเข้ามาในตุรกี (ซึ่งตุรกีได้อ้างว่า ไม่ทราบสัญชาติของนักบินและเครื่องบินดังกล่าว) เป็นจำนวนถึง 10 ครั้งก่อนที่จะทำการยิงเครื่องบินดังกล่าว ในขณะที่กำลังบินไปตามแนวชายแดนซีเรียกับตุรกี โดยเครื่องบินทั้งสองลำได้บินล้ำเข้ามาในดินแดนของตุรกีประมาณ 2.19 กม.และ 1.85 กม.ตามลำดับ (แนวเส้นประสีดำในภาพที่ 8 : ตัดผ่านพื้นที่ของตุรกีบริเวณที่เป็นจงอย) เป็นเวลาประมาณ 17 วินาที ในเวลา 09:24:05 (07:24:05 GMT) ของวันที่ 24 พ.ย. 2015 ทางการตุรกียังได้ระบุอีกว่า ได้แจ้งเตือนให้นักบินทั้งสองลำเปลี่ยนเส้นทางการบินแล้วแต่ปรากฏว่า นักบินทั้งสองลำไม่ได้เปลี่ยนเส้นทางการบิน แต่ในเวลาต่อมาเครื่องบินรัสเซีย 1 ลำได้บินพ้นออกไปจากดินแดนของตุรกี ส่วนเครื่องบินอีก 1 ลำยังอยู่ในดินแดนของตุรกี ดังนั้นเครื่องบิน F-16s ของตุรกีจึงได้ยิงจรวดใส่เครื่องบินลำดังกล่าว จนเป็นเหตุให้นักบินทั้งสองนายต้องกระโดดร่มหนีออกจากเครื่องบิน และในขณะที่นักบินรัสเซียทั้งสองนายกำลังลอยอยู่กลางอากาศ (ดูภาพที่ 4) ก็ได้ถูกกลุ่มกบฏต่อต้านรัฐบาลซีเรียที่อยู่บนพื้นดินระดมยิงจนทำให้นักบินเสียชีวิตไป 1 นาย ส่วนนักบินอีก 1 นายได้รับความช่วยเหลือจากทีมช่วยเหลือของทหารรัสเซียในเวลาต่อมา แต่ทีมช่วยเหลือได้ถูกกลุ่มกบฏต่อต้านรัฐบาลซีเรียระดมยิงจนต้องสูญเสียเฮลิคอปเตอร์ไป 1 ลำ พร้อมกับทหารรัสเซียอีก1 นาย
(2) การนำเสนอข่าวของฝ่ายรัสเซีย : รัฐบาลรัสเซียโดยประธานาธิบดีปูติน ได้ออกมายอมรับว่า เครื่องบิน Su-24 ของรัสเซียถูกยิงตกบริเวณชายแดนซีเรียกับตุรกี และได้ให้ข้อมูลโต้แย้งฝ่ายตุรกีว่า นักบินรัสเซียกำลังบินอยู่ในน่านฟ้าของซีเรียตามเส้นทางการบินสีแดง (ดูภาพที่ 8) ในความสูงที่ 6,000 เมตร หรือ 19,685 ฟุต โดยไม่ได้รุกล้ำเข้าไปในดินแดนของตุรกีแต่อย่างใด และนักบินของรัสเซียก็ไม่เคยได้รับการแจ้งเตือนใดๆจากทางการตุรกีว่า เครื่องบินทั้งสองลำของรัสเซียได้บินรุกล้ำเข้าไปในน่านฟ้าของตุรกี
นอกจากนี้ก่อนการปฏิบัติการทางอากาศทุกครั้ง รัสเซียจะแจ้งและให้ข้อมูลเส้นทางการบินแก่กองกำลังของสหรัฐอเมริกาได้รับทราบก่อนปฏิบัติการทุกครั้งเพื่อป้องกันการเข้าใจผิด ดังนั้น จึงเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ที่ตุรกีและพันธมิตรอื่นๆ ของสหรัฐอเมริกาจะไม่ทราบว่า เครื่องบินทั้งสองลำดังกล่าวเป็นของรัสเซีย เพราะสหรัฐอเมริกาซึ่งเป็นผู้นำในการใช้กำลังทางอากาศโจมตีทิ้งระเบิดกลุ่ม ISIS ย่อมจะต้องเผยแพร่ข้อมูลดังกล่าวไปให้กองกำลังของชาติต่างๆ ที่ร่วมปฏิบัติการในซีเรียได้รับทราบด้วยทุกครั้ง และนี่คงเป็นเหตุผลที่ทำให้ประธานาธิบดีปูตินรู้สึกว่า เหมือนถูกหลอก จนออกมากล่าวว่า รัสเซียถูกแทงข้างหลัง Stab in the back. ซึ่งหมายความว่ารัสเซียถูกทั้งตุรกีและสหรัฐอเมริกาหลอกลวงนั่นเอง
3. ข้อสังเกตเกี่ยวกับยุทธการแทงข้างหลังรัสเซีย Russian was stabbed in the back.
ผู้เขียนขอนำเสนอความคิดเห็นต่อกรณีที่ F-16s ของตุรกียิงเครื่องบิน Su-24 ของรัสเซีย ดังนี้
3.1 ประการแรก ผู้เขียนคาดว่า แผนการบินหรือเส้นทางการบินของฝูงบินรัสเซียมีลักษณะเป็นวงกลมรี และหน่วยบินของรัสเซียคงได้ปฏิบัติเช่นนี้จนเป็นกิจวัตรหรือเป็นประจำในภาพที่ 8 จะพบว่าเครื่องบิน Su-24 ของรัสเซียจะบินออกจาก Latakia ไปปฏิบัติภารกิจทางทหาร แล้วบินอ้อมกลับมาตามแนวชายแดนซีเรียกับตุรกี ซึ่งในวันเกิดเหตุคือ วันที่ 24 พ.ย.เครื่องบินรัสเซียได้บินเข้ามาใกล้ชายแดนซีเรีย-ตุรกีประมาณ 1 กม. (ดูภาพที่ 8) จากนั้นก็คงจะบินผ่านเทือกเขา Jabal Turkmen ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีการสู้รบระหว่างฝ่ายรัฐบาลซีเรียกับกลุ่มกบฏชาวซีเรียเชื้อสายเติร์ก และหลังจากนั้นจึงบินวกกลับมายังฐานทัพที่ Latakia การปฏิบัติจนเป็นกิจวัตรดังกล่าวได้ทำให้ฝ่ายตรงข้ามทราบว่า เครื่องบินของรัสเซียจะใช้เวลาในการบินในการปฏิบัติภารกิจนานเท่าไร และจะบินผ่านที่ใดบ้าง ทำให้สามารถนำข้อมูลดังกล่าวมาประเมินสถานการณ์ และวางแผนเพื่อเข้าโจมตีเครื่องบินรัสเซียได้อย่างไม่ผิดพลาดนั่นเอง
3.2 ประการที่ 2 ในภาพที่ 8 จะพบว่า เครื่องบิน F-16s ของตุรกีได้บินตรงมายังชายแดนใกล้กับเส้นทางการบินของ Su-24 ในช่วงเวลาเดียวกันกับเครื่องบินของรัสเซียซึ่งคงจะต้องใช้เวลานานกว่าจะมาถึงจุดที่เครื่องบินรัสเซียผ่านบริเวณใกล้ชายแดน เนื่องจากที่ตั้งของฐานทัพอากาศตุรกีอยู่ห่างไกลจากบริเวณชายแดน ดังนั้น จึงเป็นไปได้ว่า F-16s ของตุรกีคงจะออกจากฐานทัพมาก่อน และบินรอคอยอยู่ในที่ใดที่หนึ่งก่อน เมื่อทราบว่า เครื่องบินรัสเซียกำลังบินใกล้เข้ามา จึงได้บินมายังจุดที่อยู่ใกล้ Su-24 ของรัสเซียเพื่อให้อยู่ในระยะหวังผลของการยิงขีปนาวุธอากาศสู่อากาศของเครื่องบิน F-16s จากนั้นจึงได้ยิงขีปนาวุธเข้าใส่เครื่องบินของรัสเซียในขณะกำลังบินไปตามแนวชายแดนซีเรียกับตุรกีในความสูงที่ 6,000 เมตร หรือ 19,685 ฟุตในช่วงเวลาหลังจาก 09:24:05 (07:24:05 GMT) ของวันที่ 24 พ.ย. 2015
3.3 ประการที่ 3 จากภาพที่ได้ปรากฏในสื่อสิ่งพิมพ์และวิดีโอได้บ่งชี้ว่า ได้มีการวางแผนโดยตระเตรียมช่างภาพและอุปกรณ์การถ่ายภาพไว้ล่วงหน้า ก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์ยิงเครื่องบิน เพื่อบันทึกภาพในขณะที่เครื่องบินของรัสเซียถูกยิง และกำลังจะตกสู่พื้นดิน (ในภาพที่ 9) และยังได้บันทึกภาพการระดมยิงนักบินรัสเซียในขณะที่กำลังลอยอยู่กลางอากาศจนเสียชีวิตกลางอากาศอีกด้วย (ในภาพที่ 4)
ภาพที่ 9 ภาพถ่ายจากวิดีโอที่มีการบันทึกโดยช่างภาพที่มีการเตรียมการไว้ล่วงหน้า9
9ภาพจาก http://www.theguardian.com/world/live/2015/nov/24/russian-jet-downed-by-turkish-planes-near-syrian-border-live-updates ขอขอบคุณมา ณ ที่นี้ด้วย
3.4 ประการที่ 4 ทันทีที่การปฏิบัติการยิง Su-24 ได้เสร็จสิ้นลงในเวลาต่อมาของวันเดียวกัน (วันอังคารที่ 24 พ.ย. 2015) รัฐบาลตุรกีได้มอบหมายให้นายHalit Cevik10 ทูตประจำสหประชาชาติของตุรกีส่งหนังสือชี้แจงไปยังสมาชิกสภาความมั่นคงของสหประชาชาติ UN โดยชี้แจงว่า ตุรกีได้ยิงเครื่องบินไม่ทราบสัญชาติ 1 ลำที่ได้รุกล้ำน่านฟ้าของตุรกีเพื่อปกป้องอธิปไตยเหนือน่านฟ้า ซึ่งตุรกีได้อ้างว่า เครื่องบินดังกล่าวได้รุกล้ำเข้ามาในดินแดนของตุรกีเป็นระยะทางมากกว่า 1 ไมล์ และเป็นเวลานาน 17 วินาที
นอกจากที่มีหนังสือแจ้งสมาชิกสภาความมั่นคงแล้ว ตุรกียังได้ติดต่อไปยังผู้นำประเทศมหาอำนาจต่างๆ เพื่อแสวงหาการสนับสนุนการปฏิบัติการดังกล่าวอีกด้วย ตัวอย่างเช่น ได้มีการพูดทางโทรศัพท์ระหว่างผู้นำตุรกีกับผู้นำสหรัฐอเมริกา ซึ่งในเวลาต่อมาประธานาธิบดี Obama ได้ออกมากล่าวย้ำว่าสหรัฐอเมริกาและนาโต้สนับสนุนสิทธิการป้องกันอธิปไตยของตุรกี “U.S. and NATO support for Turkey's right to defend its sovereignty,”……….
10(สรุปจากข้อความบางตอนใน http://www.reuters.com/article/2015/11/24/us-mideast-crisis-syria-un-idUSKBN0TD25H20151124#gwtvqkXXsA0BRVAF.97. )
4. บทสรุป : ความคิดเห็นของผู้เขียน
หลังจากได้ตรวจสอบข้อมูลและการรายงานข่าวของทั้งฝ่ายตุรกีและฝ่ายรัสเซียในข้อ 1 - ข้อ 3 แล้ว ผู้เขียนได้มีข้อสงสัยหลายประการ ตัวอย่างเช่น
4.1 นอกเหนือจากการเป็นคนชาติพันธุ์เดียวกันกับกลุ่มกบฏต่อต้านรัฐบาลซีเรียชาวเติร์กแล้ว ตุรกีอาจจะมีผลประโยชน์อื่นๆ อีกในบริเวณชายแดนที่ติดต่อกับเทือกเขา Jabal Turkmen ของซีเรีย เพราะตุรกีได้ให้การสนับสนุนทั้งด้านอาวุธ การฝึก และด้านต่างๆ แก่กลุ่มกบฏชาวเติร์ก ดังนั้น ผู้เขียนจึงสงสัยว่าผลประโยชน์ที่มีความสำคัญต่อตุรกีก็คือ อิทธิพลเหนือบริเวณชายแดนเพื่อความมั่นคงและการลักลอบขนส่งน้ำมันราคาถูกที่คาดว่าจะมาจากกลุ่ม ISIS คงจะมีความสำคัญมากกว่าผลประโยชน์อื่นๆ
4.2 แม้ว่าเครื่องบินรัสเซียทั้ง 2 ลำ อาจบินผ่านเข้าไปในดินแดนที่เป็นรูปจงอยของตุรกี (เส้นประสีดำ ในภาพที่ 8) แต่ก็เป็นเพียง 5 - 17 วินาทีเท่านั้น การที่ F-16s ของตุรกีไม่ใช้วิธีการบินประกบเครื่องบินรัสเซีย แต่เลือกที่จะยิงขีปนาวุธเข้าใส่เครื่องบินรัสเซียซึ่งเป็นการกระทำที่รุนแรงแต่ก็ยังกระทำเพราะอะไร หรือเพราะต้องการทดสอบขีดความสามารถของขีปนาวุธอากาศสู่อากาศกับเหยื่อจริงๆ (Su-24) หรือเพราะกลัวว่า เครื่องบินรัสเซียอาจเข้าไปใกล้บริเวณชายแดน และอาจตรวจพบการลักลอบขนส่งน้ำมันของกลุ่ม ISIS จากซีเรียเข้าไปในตุรกี จึงจำเป็นต้องยิงเครื่องบินของรัสเซียซึ่งอาจรู้เห็นการกระทำนี้
อย่างไรก็ตาม ผู้เขียนขอสรุปว่า การปฏิบัติการยิงเครื่องบิน Su-24 ของกองทัพรัสเซียไม่ได้เป็นการกระทำที่เป็นไปตามสัญชาตญาณการป้องกันตัวหรือเป็นไปเพื่อป้องกันภัยจากศัตรู แต่เป็นการกระทำที่มีการวางแผน เปรียบเสมือนนายพรานซุ่มดักคอยเหยื่อ (หรืออาจเปรียบได้กับการแอบซุ่มของตำรวจจราจรที่คอยดักจับรถเลี้ยวซ้ายในขณะที่ไฟสัญญาณจราจรยังเป็นสีแดงอยู่) และมีการเตรียมการไว้ล่วงหน้าเป็นอย่างดีแต่ก็ยังไม่แนบเนียนเพราะได้ทิ้งร่องรอยต่างๆ ไว้ให้สืบค้นต่อไปว่า ใคร คือ ผู้บงการ และอะไร คือเหตุผลสำคัญที่ตุรกีกล้ากระทำโดยไม่กลัวว่ารัสเซียจะตอบโต้
ท้ายบทความ : สนทนากับผู้อ่าน
(1) ได้มีผู้ให้ความเห็นว่า กรณีการยิงเครื่องบิน Su-24 ของรัสเซียเป็นเรื่องไกลตัว ไม่เกี่ยวกับไทย ผู้เขียนไม่ควรไปเสียเวลาเขียนเรื่องนี้
แม้กรณีนี้จะไม่ได้เกี่ยวข้องโดยตรงกับไทยก็จริง แต่ถ้าคนรัสเซียจะหันมาสั่งผักผลไม้ และอาหารต่างๆ จากไทยเพิ่มมากขึ้น ไม่เพียงเท่านั้น ถ้านักท่องเที่ยวชาวรัสเซีย 3 ล้านคนไม่ไปเที่ยวตุรกี แต่กลับมาเที่ยวไทยแล้ว อะไรจะเกิดขึ้น ขอให้ผู้อ่านทุกท่านลองนึกคิดดูว่า เศรษฐกิจของไทยจะเจริญเติบโตเพิ่มมากขึ้นเพียงใด ฉะนั้นผู้เขียนจึงต้องขออภัยที่ต้องฝืนความรู้สึกของผู้อ่านบางท่านโดยการเขียนบทความนี้
(2) ได้มีผู้อ่านถามมาว่า เมื่อไรผู้เขียนจะจัดพิมพ์เป็นเล่มเสียที และถ้าพิมพ์เป็นรูปเล่มเมื่อใดก็ขอให้มีหน้าที่เป็นสีมากๆ หน่อย เพราะมีรูปและมีตารางต่างๆ มากมาย
ผู้เขียนกำลังรวบรวมเรื่องที่เขียนเป็นหมวดๆ อยู่ และถ้ามีการจัดพิมพ์เป็นรูปเล่มเมื่อใดก็จะพยายามให้เป็นไปตามคำแนะนำของท่านครับ
ขอบคุณสื่อและผู้อ่าน
ขอขอบคุณสื่อมวลชนทุกแขนงทุกสำนักสำหรับภาพที่ผู้เขียนนำมาประกอบในบทความนี้ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ผู้อ่านทุกท่านคงได้รับความสำราญในการอ่านบทความนี้ดังเช่นที่เคยเป็นมา
ขอบคุณครับ
วีระศักดิ์ นาทะสิริ