(เก็บความจากเอเชียไทมส์ www.atimes.com)
Only ground forces can wipe out Islamic State
By Manish Rai
15/11/2015
ภายหลังการรณรงค์ทางอากาศอย่างยืดเยื้อมากว่าปี โดยเหล่ามหาอำนาจของโลกเพื่อปราบปรามเล่นงานไอเอส ปรากฏว่าทหารเลวของกลุ่มนี้กลับยังคงสามารถดำเนินการโจมตีในสถานที่ซึ่งห่างไกลโพ้นจากที่มั่นในตะวันออกกลางของพวกเขา ไม่ว่าจะเป็นการโจมตีนองเลือดในปารีส, การก่อเหตุระเบิดในเบรุต, หรือการวางระเบิดเครื่องบินโดยสารรัสเซียในอียิปต์ องค์ประกอบสำคัญที่ยังคงขาดหายไปซึ่งทำให้ยังไม่สามารถกำราบกวาดล้างไอเอสได้ ก็คือกองกำลังภาคพื้นดิน ทั้งนี้กองกำลังดังกล่าวควรต้องนำโดยกองทัพชั้นหนึ่งของโลกตะวันตก และเปิดการรุกด้วยขนาดขอบเขตเหมือนในคราวรุกรานอิรักในปี 2003
กลุ่ม “รัฐอิสลาม” (Islamic State ใช้อักษรย่อว่า IS ภาษาไทยใช้ว่า ไอเอส เมื่อก่อนกลุ่มนี้ยังรู้จักกันในนาม Islamic State of Iraq and al Sham ใช้อักษรย่อว่า ISIS ภาษาไทยคือ ไอซิส ทั้งนี้ ในข้อเขียนชิ้นนี้ มานิช ไร ผู้เขียนไม่ค่อยเคร่งครัด มีบางที่จะใช้อักษรย่อว่า IS และบางที่จะใช้อักษรย่อว่า ISIS -ผู้แปล) เพิ่งพิสูจน์ให้เห็นอีกครั้งว่า ตนมีสมรรถนะที่จะก่อการโจมตีในอาณาบริเวณเลยไกลจากอิรักและซีเรีย กองกำลังที่เรียกขานกันว่า “ทหารแห่งรัฐกาหลิบ” (soldiers of the caliphate) พวกนี้ ดูเหมือนเพิ่งตอกย้ำให้เห็นถึงความสามารถในการเข้าถึงดินแดนต่างๆ อย่างน่าประหวั่นพรั่นพรึง – ด้วยการเข้าโจมตีแบบผู้ก่อการร้ายเล่นงานทั้งรัสเซีย, เลบานอน, และฝรั่งเศส ในเวลาใกล้เคียงกัน ทั้งนี้ การจู่โจมเล่นงานหลายๆ จุดของกรุงปารีสอย่างสอดประสานกันจนทำให้เมืองหลวงของฝรั่งเศสแห่งนี้กลายเป็นพื้นที่สงครามนั้น บังเกิดขึ้นเพียงไม่กี่วันหลังการก่อเหตุระเบิดซึ่งมุ่งเป้าหมายไปที่เขตของชาวชีอะห์ในกรุงเบรุตซึ่งควบคุมโดยกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ (Hezbollah) ผู้เป็นพันธมิตรของอิหร่าน, และเหตุเครื่องบินโดยสารรัสเซียตกโดยดูเหมือนเนื่องจากถูกวางระเบิดที่บริเวณเหนือทะเลทรายไซนายของอียิปต์ การโจมตีอย่างต่อเนื่องรวดเร็วเช่นนี้ ซึ่งทั้งหมดกลุ่มรัฐอิสลามล้วนออกมาประกาศอ้างตนเป็นผู้รับผิดชอบ เป็นสิ่งที่บ่งบอกให้เห็นว่าสงครามระดับภูมิภาคกำลังถูกยกระดับให้มีมิติและแง่มุมในระดับโลกขึ้นมาด้วย
ทักษะความชำนาญและความมุ่งมั่นตั้งใจของพวกผู้นำและพวกนักรบไอเอสเช่นนี้ รวมทั้งขนาดขอบเขตของการจัดองค์กรของพวกเขา ตลอดจนความร้ายแรงของพลังทำลายที่ได้รับการพิสูจน์แล้วของพวกเขา เหล่านี้ทำให้พวกเขาแตกต่างและโดดเด่นกว่ากลุ่มก่อการร้ายอื่นๆ ด้วยเหตุนี้ ภัยคุกคามระดับโลกที่อาจเกิดขึ้นจาก “รัฐอิสลาม” จึงมีความผิดแผกและมีขนาดขอบเขตซึ่งสูงล้ำกว่าที่กลุ่มอัลกออิดะห์เคยสำแดงให้ปรากฏ เรื่องที่ชวนให้เกิดความรู้สึกเหมือนถูกถากถางเหน็บแนบอย่างเจ็บปวดที่สุดเรื่องหนึ่งก็คือ ภายหลังการรณรงค์ทางอากาศอย่างยืดเยื้อโดยเหล่าอภิมหาอำนาจของโลกเพื่อปราบปรามเล่นงานไอเอสแล้ว ปรากฏว่าทหารเลวของกลุ่มนี้กลับยังคงสามารถดำเนินการโจมตีอย่างนองเลือดถึงชีวิตในสถานที่ซึ่งห่างไกลโพ้นจากที่มั่นในตะวันออกกลางของพวกเขา
ถึงแม้มีรายงานอ้างว่าการโจมตีทางอากาศนับพันนับหมื่นเที่ยวของสหรัฐฯในอิรักและซีเรีย ได้สังหารพวกนักรบ “รัฐอิสลาม” ด่าวดิ้นไปราว 10,000 คน ทว่ากลุ่มนี้ยังคงสามารถหาสมาชิกใหม่ๆ ทดแทนเข้ามาในกองกำลังของตนได้เสมอ พวกนักวิเคราะห์ในแวดวงข่าวกรองประเมินว่า มีพวกหัวรุนแรงชาวต่างประเทศร่วมๆ 30,000 คนจากกว่า 110 ประเทศได้เดินทางเข้าสู่อิรักและซีเรียนับจากปี 2011 เป็นต้นมา โดยที่ปัจจุบันกลุ่ม “รัฐอิสลาม” กำลังได้นักรบใหม่ๆ เข้ามาประมาณเดือนละ 1,000 คนทีเดียว
ในบรรดายุทธศาสตร์ทั้งหลายทั้งปวงซึ่งถูกนำออกมาใช้เล่นงานปราบปรามไอเอสอยู่จนถึงขณะนี้ องค์ประกอบอย่างหนึ่งที่ยังคงขาดหายไป ย่อมได้แก่การไม่มีกองกำลังอาวุธภาคพื้นดินที่ทรงประสิทธิภาพใดๆ ในการเข้าต่อสู้กับกลุ่มรัฐอิสลาม ทั้งนี้ไม่ว่าทำการโจมตีอย่างอากาศด้วยปริมาณหนักหน่วงรุนแรงขนาดไหน ก็ยังคงไม่สามารถกวาดล้างทำลายพวกอิสลามิสต์ความคิดวิปริตสุดโต่งอย่างน่าชิงชังพวกนี้ให้สิ้นซากไปได้ เหตุผลอยู่ที่ว่าแม้กระทั่งการรณรงค์ทางอากาศอย่างกว้างขวางเข้มข้น ก็จะยังคงหลงเหลือกองกำลัง, คณะผู้นำ, และสถานที่หลบภัย เพียงพอให้พวก ไอซิส สร้างตัวเองขึ้นมาใหม่และจัดองค์กรขึ้นมาใหม่ แสนยานุภาพของอเมริกันกำลังถล่มโจมตีใส่เป้าหมายต่างๆ ของกลุ่มรัฐอิสลามมาเป็นเวลากว่า 1 ปีแล้วโดยมองไม่เห็นว่ามีความก้าวหน้าที่สำคัญอะไร ในระยะหลังๆ มานี้ เครื่องบินรบของสหรัฐฯและองค์การนาโต้ ยังมีอากาศยานทหารของรัสเซียเข้าร่วมสมทบด้วยซ้ำไป ทว่าทั้งหมดยังคงไม่สามารถบั่นทอนไอเอสให้ย่ำแย่ลงไปอย่างถนัดชัดเจน การรณรงค์ทางอากาศของสหรัฐฯนั้น ประกาศจุดมุ่งหมายอย่างเป็นทางการเอาไว้ว่า มุ่ง “จำกัดปิดล้อม” ไอเอส และหยุดยั้งไม่ให้มันขยายตัวได้ ทว่ายุทธศาสตร์ที่เพียงแค่ก่อกวนขัดขวางหรือจำกัดปิดล้อม โดยไม่มีการรุกเข้าไปสร้างความปราชัยหรือการทำลายกวาดล้างไอเอสนั้น ย่อมเป็นยุทธศาสตร์ที่ไร้ลู่ทางโอกาสในการประสบความสำเร็จ
ไอซิส เป็นศัตรูร้ายกาจที่แสดงให้เห็นว่ามีทักษะความชำนาญมากทีเดียวในการเคลื่อนกองกำลังเพื่อทำการสู้รบแบบกองทหารราบอาวุธเบา การถล่มโจมตีทางอากาศเป็นเพียงแค่ยุทธศาสตร์ตอบโต้ตามแบบแผนอย่างหนึ่งเท่านั้น แถมยังเป็นทางเลือกที่มีประสิทธิผลน้อยที่สุดและขาดความแน่นอนที่สุดอีกด้วย เรื่องนี้กำลังได้รับการพิสูจน์ว่าเป็นความจริงในการต่อสู้ปราบปรามกลุ่มรัฐอิสลามในปี 2015 นี้ ยิ่งเสียกว่าเมื่อครั้งต่อสู้ปราบปรามนาซีเยอรมันในปี 1945 ด้วยซ้ำ กลุ่มรัฐอิสลามนี้ไม่ได้พึ่งพาอาศัยอุตสาหกรรมหนักหรือโครงสร้างพื้นฐานแบบตัวเมืองใหญ่ การพุ่งเป้าหมายโจมตีสถานที่ซึ่งอยู่ในลักษณะดังกล่าว จะไม่ส่งผลกระทบกระเทือนสมรรถนะสู้รบของไอเอส การโจมตีทางอากาศเพียงอย่างเดียวไม่สามารถเป็นตัวชี้ขาดชัยชนะได้ เมื่อปราศจากการรณรงค์ภาคพื้นดินที่จะบุกเข้ากวาดล้างกดดัน พวกผู้ก่อการร้าย/ผู้ก่อความไมสงบ ให้ออกมาจากแหล่งหลบซ่อนของพวกเขา และปราศจากกองกำลังภาคพื้นดินที่จะปิดล้อมควบคุมเพื่อแยกพวกเขาออกมาจากพลเรือนธรรมดาสามัญ มีความจำเป็นที่จะต้องกำหนดยุทธศาสตร์แบบบูรณาการ ซึ่งมีทั้งการรณรงค์ทางอากาศและการเข้าทำศึกของกองกำลังภาคพื้นดิน
เท่าที่ผ่านมา มีการหยิบยกเหตุผลขึ้นมาสนับสนุนว่า กองกำลังอาวุธท้องถิ่นหรือกลุ่มชาวบ้านท้องถิ่นต่างๆ ซึ่งต่อต้านไอเอสนั้น เป็นพวกที่สามารถนำมาใช้ต่อสู้อย่างมีประสิทธิภาพกับกลุ่มรัฐอิสลามได้ ทว่าข้อเท็จจริงอันหนักแน่นกลับแสดงให้เห็นแล้วว่า กลุ่มเหล่านี้ไม่มีกลุ่มใดเลยซึ่งมีความแข็งแกร่งเพียงพอที่จะสู้รบกับไอเอสในการประจันหน้าทางทหารกันตรงๆ แม้กระทั่งกองกำลังอาวุธท้องถิ่นชาวเคิร์ด อย่าง PKK (กองกำลังอาวุธของพรรค Kurdistan Workers' Party ซึ่งเคลื่อนไหวอยู่ในตุรกี โดยเฉพาะพื้นที่ชายแดนที่ติดต่อกับอิรัก -ผู้แปล) และ YPG (กองกำลังอาวุธที่ต่อต้านไอเอสในพื้นที่ชาวเคิร์ดในซีเรีย กองกำลังนี้ส่วนใหญ่เป็นชาวเคิร์ด แต่ก็มีชาวอาหรับ, เติร์ก, และชาวตะวันตกเข้าร่วมด้วย -ผู้แปล) ซึ่งสามารถทำแต้มจากชัยชนะในการสู้รบแบบจำกัดขอบเขตกับไอเอสมาแล้วในหลายสมรภูมิ ก็ไม่ได้มีความปรารถนาที่จะทำการสู้รบกับไอเอสในศึกสงครามขนาดใหญ่ๆ และต่อสู้กับในหลายๆ แนวรบ กองกำลังอาวุธท้องถิ่นเหล่านี้พึงพอใจที่จะใช้วิธีการแบบมุ่งโฟกัสเน้นหนักอยู่ที่จุดเดียว ซึ่งได้แก่การพิทักษ์ปกป้องที่มั่นของพวกตนจากไอเอส และการรวมศูนย์เสริมความเข้มแข็งให้แก่จุดที่ตั้งของพวกตน และไม่ทำอะไรมากไปกว่านั้น
เพื่อสร้างความปราชัยให้แก่กลุ่มรัฐอิสลาม และปิดล้อมควบคุมเหล่านักรบไอซิสให้อยู่หมัด การณรงค์ภาคพื้นดินนี้จำเป็นที่จะต้องนำโดยกองทัพชาติตะวันตกที่เป็นกองทัพชั้นหนึ่ง การรุกของกองกำลังอาวุธภาคพื้นดินนี้ต้องอยู่ในขนาดขอบเขตระดับเดียวกับการรุกรานอิรักเมื่อปี 2003 อีกทั้งยังจำเป็นต้องได้รับความร่วมมือจากพวกชาติเพื่อนบ้านของอิรักและซีเรียด้วย โดยประเทศอย่างเช่นตุรกีควรจะต้องปิดชายแดนของตนที่ติดต่อกับอิรักและซีเรีย มิฉะนั้นแล้ว นักรบไอซิสก็จะสามารถหลบหนีไปยังรัฐอื่นๆ ได้ การร่วมมือกันนี้ไม่เพียงต้องได้รับความร่วมมือจาก “พันธมิตร” ของโลกตะวันออก อย่างเช่น ชาวเคิร์ด และ ตุรกี เท่านั้น แต่ยังต้องอาศัยความร่วมมืออย่างอ้อมๆ จาก “ศัตรู” ของโลกตะวันตก อย่างเช่น ซีเรีย, อิหร่าน, และรัสเซีย หากไม่มีการรุกรานที่นำโดยฝ่ายตะวันตกแล้ว ไอเอสก็จะเข้าครอบงำเหนือดินแดนในปัจจุบันของตนไปอย่างไม่มีกำหนด ไอเอสจะเป็นผู้เล่นสำคัญ ในสงครามกลางเมืองอีกสงครามหนึ่งที่กำลังยืดเยื้อออกไปเรื่อยๆ อย่างไม่รู้ว่าจะจบสิ้นลงเมื่อใด ไอเอสจะเป็นผู้เล่นสำคัญในรัฐที่ล้มเหลวอีกรัฐหนึ่ง และมีอันตรายที่จะแผ่ลามไปสู่รัฐอื่นๆ ต่อไปอีก ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นมาก็คือที่ตรงนี้จะถูกใช้เป็นสปริงบอร์ดสำหรับการโจมตีผลประโยชน์ของฝ่ายตะวันตกในตลอดทั่วทั้งภูมิภาคแถบนี้ และแม้กระทั่งในขอบเขตระดับโลก ในระยะเวลาหลายๆ ปีหรือกระทั่งหลายๆ ทศวรรษข้างหน้านี้
มานิช ไร เป็นคอลัมนิสต์ที่เขียนเรื่องเกี่ยวกับตะวันออกกลางและอัฟกานิสถาน-ปากีสถาน เขาเป็นบรรณาธิการของ “ViewsAround (VA)” สำนักข่าวที่เน้นเรื่องภูมิรัฐศาสตร์ สามารถติดต่อเขาได้ที่ manishraiva@gmail.com
Only ground forces can wipe out Islamic State
By Manish Rai
15/11/2015
ภายหลังการรณรงค์ทางอากาศอย่างยืดเยื้อมากว่าปี โดยเหล่ามหาอำนาจของโลกเพื่อปราบปรามเล่นงานไอเอส ปรากฏว่าทหารเลวของกลุ่มนี้กลับยังคงสามารถดำเนินการโจมตีในสถานที่ซึ่งห่างไกลโพ้นจากที่มั่นในตะวันออกกลางของพวกเขา ไม่ว่าจะเป็นการโจมตีนองเลือดในปารีส, การก่อเหตุระเบิดในเบรุต, หรือการวางระเบิดเครื่องบินโดยสารรัสเซียในอียิปต์ องค์ประกอบสำคัญที่ยังคงขาดหายไปซึ่งทำให้ยังไม่สามารถกำราบกวาดล้างไอเอสได้ ก็คือกองกำลังภาคพื้นดิน ทั้งนี้กองกำลังดังกล่าวควรต้องนำโดยกองทัพชั้นหนึ่งของโลกตะวันตก และเปิดการรุกด้วยขนาดขอบเขตเหมือนในคราวรุกรานอิรักในปี 2003
กลุ่ม “รัฐอิสลาม” (Islamic State ใช้อักษรย่อว่า IS ภาษาไทยใช้ว่า ไอเอส เมื่อก่อนกลุ่มนี้ยังรู้จักกันในนาม Islamic State of Iraq and al Sham ใช้อักษรย่อว่า ISIS ภาษาไทยคือ ไอซิส ทั้งนี้ ในข้อเขียนชิ้นนี้ มานิช ไร ผู้เขียนไม่ค่อยเคร่งครัด มีบางที่จะใช้อักษรย่อว่า IS และบางที่จะใช้อักษรย่อว่า ISIS -ผู้แปล) เพิ่งพิสูจน์ให้เห็นอีกครั้งว่า ตนมีสมรรถนะที่จะก่อการโจมตีในอาณาบริเวณเลยไกลจากอิรักและซีเรีย กองกำลังที่เรียกขานกันว่า “ทหารแห่งรัฐกาหลิบ” (soldiers of the caliphate) พวกนี้ ดูเหมือนเพิ่งตอกย้ำให้เห็นถึงความสามารถในการเข้าถึงดินแดนต่างๆ อย่างน่าประหวั่นพรั่นพรึง – ด้วยการเข้าโจมตีแบบผู้ก่อการร้ายเล่นงานทั้งรัสเซีย, เลบานอน, และฝรั่งเศส ในเวลาใกล้เคียงกัน ทั้งนี้ การจู่โจมเล่นงานหลายๆ จุดของกรุงปารีสอย่างสอดประสานกันจนทำให้เมืองหลวงของฝรั่งเศสแห่งนี้กลายเป็นพื้นที่สงครามนั้น บังเกิดขึ้นเพียงไม่กี่วันหลังการก่อเหตุระเบิดซึ่งมุ่งเป้าหมายไปที่เขตของชาวชีอะห์ในกรุงเบรุตซึ่งควบคุมโดยกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ (Hezbollah) ผู้เป็นพันธมิตรของอิหร่าน, และเหตุเครื่องบินโดยสารรัสเซียตกโดยดูเหมือนเนื่องจากถูกวางระเบิดที่บริเวณเหนือทะเลทรายไซนายของอียิปต์ การโจมตีอย่างต่อเนื่องรวดเร็วเช่นนี้ ซึ่งทั้งหมดกลุ่มรัฐอิสลามล้วนออกมาประกาศอ้างตนเป็นผู้รับผิดชอบ เป็นสิ่งที่บ่งบอกให้เห็นว่าสงครามระดับภูมิภาคกำลังถูกยกระดับให้มีมิติและแง่มุมในระดับโลกขึ้นมาด้วย
ทักษะความชำนาญและความมุ่งมั่นตั้งใจของพวกผู้นำและพวกนักรบไอเอสเช่นนี้ รวมทั้งขนาดขอบเขตของการจัดองค์กรของพวกเขา ตลอดจนความร้ายแรงของพลังทำลายที่ได้รับการพิสูจน์แล้วของพวกเขา เหล่านี้ทำให้พวกเขาแตกต่างและโดดเด่นกว่ากลุ่มก่อการร้ายอื่นๆ ด้วยเหตุนี้ ภัยคุกคามระดับโลกที่อาจเกิดขึ้นจาก “รัฐอิสลาม” จึงมีความผิดแผกและมีขนาดขอบเขตซึ่งสูงล้ำกว่าที่กลุ่มอัลกออิดะห์เคยสำแดงให้ปรากฏ เรื่องที่ชวนให้เกิดความรู้สึกเหมือนถูกถากถางเหน็บแนบอย่างเจ็บปวดที่สุดเรื่องหนึ่งก็คือ ภายหลังการรณรงค์ทางอากาศอย่างยืดเยื้อโดยเหล่าอภิมหาอำนาจของโลกเพื่อปราบปรามเล่นงานไอเอสแล้ว ปรากฏว่าทหารเลวของกลุ่มนี้กลับยังคงสามารถดำเนินการโจมตีอย่างนองเลือดถึงชีวิตในสถานที่ซึ่งห่างไกลโพ้นจากที่มั่นในตะวันออกกลางของพวกเขา
ถึงแม้มีรายงานอ้างว่าการโจมตีทางอากาศนับพันนับหมื่นเที่ยวของสหรัฐฯในอิรักและซีเรีย ได้สังหารพวกนักรบ “รัฐอิสลาม” ด่าวดิ้นไปราว 10,000 คน ทว่ากลุ่มนี้ยังคงสามารถหาสมาชิกใหม่ๆ ทดแทนเข้ามาในกองกำลังของตนได้เสมอ พวกนักวิเคราะห์ในแวดวงข่าวกรองประเมินว่า มีพวกหัวรุนแรงชาวต่างประเทศร่วมๆ 30,000 คนจากกว่า 110 ประเทศได้เดินทางเข้าสู่อิรักและซีเรียนับจากปี 2011 เป็นต้นมา โดยที่ปัจจุบันกลุ่ม “รัฐอิสลาม” กำลังได้นักรบใหม่ๆ เข้ามาประมาณเดือนละ 1,000 คนทีเดียว
ในบรรดายุทธศาสตร์ทั้งหลายทั้งปวงซึ่งถูกนำออกมาใช้เล่นงานปราบปรามไอเอสอยู่จนถึงขณะนี้ องค์ประกอบอย่างหนึ่งที่ยังคงขาดหายไป ย่อมได้แก่การไม่มีกองกำลังอาวุธภาคพื้นดินที่ทรงประสิทธิภาพใดๆ ในการเข้าต่อสู้กับกลุ่มรัฐอิสลาม ทั้งนี้ไม่ว่าทำการโจมตีอย่างอากาศด้วยปริมาณหนักหน่วงรุนแรงขนาดไหน ก็ยังคงไม่สามารถกวาดล้างทำลายพวกอิสลามิสต์ความคิดวิปริตสุดโต่งอย่างน่าชิงชังพวกนี้ให้สิ้นซากไปได้ เหตุผลอยู่ที่ว่าแม้กระทั่งการรณรงค์ทางอากาศอย่างกว้างขวางเข้มข้น ก็จะยังคงหลงเหลือกองกำลัง, คณะผู้นำ, และสถานที่หลบภัย เพียงพอให้พวก ไอซิส สร้างตัวเองขึ้นมาใหม่และจัดองค์กรขึ้นมาใหม่ แสนยานุภาพของอเมริกันกำลังถล่มโจมตีใส่เป้าหมายต่างๆ ของกลุ่มรัฐอิสลามมาเป็นเวลากว่า 1 ปีแล้วโดยมองไม่เห็นว่ามีความก้าวหน้าที่สำคัญอะไร ในระยะหลังๆ มานี้ เครื่องบินรบของสหรัฐฯและองค์การนาโต้ ยังมีอากาศยานทหารของรัสเซียเข้าร่วมสมทบด้วยซ้ำไป ทว่าทั้งหมดยังคงไม่สามารถบั่นทอนไอเอสให้ย่ำแย่ลงไปอย่างถนัดชัดเจน การรณรงค์ทางอากาศของสหรัฐฯนั้น ประกาศจุดมุ่งหมายอย่างเป็นทางการเอาไว้ว่า มุ่ง “จำกัดปิดล้อม” ไอเอส และหยุดยั้งไม่ให้มันขยายตัวได้ ทว่ายุทธศาสตร์ที่เพียงแค่ก่อกวนขัดขวางหรือจำกัดปิดล้อม โดยไม่มีการรุกเข้าไปสร้างความปราชัยหรือการทำลายกวาดล้างไอเอสนั้น ย่อมเป็นยุทธศาสตร์ที่ไร้ลู่ทางโอกาสในการประสบความสำเร็จ
ไอซิส เป็นศัตรูร้ายกาจที่แสดงให้เห็นว่ามีทักษะความชำนาญมากทีเดียวในการเคลื่อนกองกำลังเพื่อทำการสู้รบแบบกองทหารราบอาวุธเบา การถล่มโจมตีทางอากาศเป็นเพียงแค่ยุทธศาสตร์ตอบโต้ตามแบบแผนอย่างหนึ่งเท่านั้น แถมยังเป็นทางเลือกที่มีประสิทธิผลน้อยที่สุดและขาดความแน่นอนที่สุดอีกด้วย เรื่องนี้กำลังได้รับการพิสูจน์ว่าเป็นความจริงในการต่อสู้ปราบปรามกลุ่มรัฐอิสลามในปี 2015 นี้ ยิ่งเสียกว่าเมื่อครั้งต่อสู้ปราบปรามนาซีเยอรมันในปี 1945 ด้วยซ้ำ กลุ่มรัฐอิสลามนี้ไม่ได้พึ่งพาอาศัยอุตสาหกรรมหนักหรือโครงสร้างพื้นฐานแบบตัวเมืองใหญ่ การพุ่งเป้าหมายโจมตีสถานที่ซึ่งอยู่ในลักษณะดังกล่าว จะไม่ส่งผลกระทบกระเทือนสมรรถนะสู้รบของไอเอส การโจมตีทางอากาศเพียงอย่างเดียวไม่สามารถเป็นตัวชี้ขาดชัยชนะได้ เมื่อปราศจากการรณรงค์ภาคพื้นดินที่จะบุกเข้ากวาดล้างกดดัน พวกผู้ก่อการร้าย/ผู้ก่อความไมสงบ ให้ออกมาจากแหล่งหลบซ่อนของพวกเขา และปราศจากกองกำลังภาคพื้นดินที่จะปิดล้อมควบคุมเพื่อแยกพวกเขาออกมาจากพลเรือนธรรมดาสามัญ มีความจำเป็นที่จะต้องกำหนดยุทธศาสตร์แบบบูรณาการ ซึ่งมีทั้งการรณรงค์ทางอากาศและการเข้าทำศึกของกองกำลังภาคพื้นดิน
เท่าที่ผ่านมา มีการหยิบยกเหตุผลขึ้นมาสนับสนุนว่า กองกำลังอาวุธท้องถิ่นหรือกลุ่มชาวบ้านท้องถิ่นต่างๆ ซึ่งต่อต้านไอเอสนั้น เป็นพวกที่สามารถนำมาใช้ต่อสู้อย่างมีประสิทธิภาพกับกลุ่มรัฐอิสลามได้ ทว่าข้อเท็จจริงอันหนักแน่นกลับแสดงให้เห็นแล้วว่า กลุ่มเหล่านี้ไม่มีกลุ่มใดเลยซึ่งมีความแข็งแกร่งเพียงพอที่จะสู้รบกับไอเอสในการประจันหน้าทางทหารกันตรงๆ แม้กระทั่งกองกำลังอาวุธท้องถิ่นชาวเคิร์ด อย่าง PKK (กองกำลังอาวุธของพรรค Kurdistan Workers' Party ซึ่งเคลื่อนไหวอยู่ในตุรกี โดยเฉพาะพื้นที่ชายแดนที่ติดต่อกับอิรัก -ผู้แปล) และ YPG (กองกำลังอาวุธที่ต่อต้านไอเอสในพื้นที่ชาวเคิร์ดในซีเรีย กองกำลังนี้ส่วนใหญ่เป็นชาวเคิร์ด แต่ก็มีชาวอาหรับ, เติร์ก, และชาวตะวันตกเข้าร่วมด้วย -ผู้แปล) ซึ่งสามารถทำแต้มจากชัยชนะในการสู้รบแบบจำกัดขอบเขตกับไอเอสมาแล้วในหลายสมรภูมิ ก็ไม่ได้มีความปรารถนาที่จะทำการสู้รบกับไอเอสในศึกสงครามขนาดใหญ่ๆ และต่อสู้กับในหลายๆ แนวรบ กองกำลังอาวุธท้องถิ่นเหล่านี้พึงพอใจที่จะใช้วิธีการแบบมุ่งโฟกัสเน้นหนักอยู่ที่จุดเดียว ซึ่งได้แก่การพิทักษ์ปกป้องที่มั่นของพวกตนจากไอเอส และการรวมศูนย์เสริมความเข้มแข็งให้แก่จุดที่ตั้งของพวกตน และไม่ทำอะไรมากไปกว่านั้น
เพื่อสร้างความปราชัยให้แก่กลุ่มรัฐอิสลาม และปิดล้อมควบคุมเหล่านักรบไอซิสให้อยู่หมัด การณรงค์ภาคพื้นดินนี้จำเป็นที่จะต้องนำโดยกองทัพชาติตะวันตกที่เป็นกองทัพชั้นหนึ่ง การรุกของกองกำลังอาวุธภาคพื้นดินนี้ต้องอยู่ในขนาดขอบเขตระดับเดียวกับการรุกรานอิรักเมื่อปี 2003 อีกทั้งยังจำเป็นต้องได้รับความร่วมมือจากพวกชาติเพื่อนบ้านของอิรักและซีเรียด้วย โดยประเทศอย่างเช่นตุรกีควรจะต้องปิดชายแดนของตนที่ติดต่อกับอิรักและซีเรีย มิฉะนั้นแล้ว นักรบไอซิสก็จะสามารถหลบหนีไปยังรัฐอื่นๆ ได้ การร่วมมือกันนี้ไม่เพียงต้องได้รับความร่วมมือจาก “พันธมิตร” ของโลกตะวันออก อย่างเช่น ชาวเคิร์ด และ ตุรกี เท่านั้น แต่ยังต้องอาศัยความร่วมมืออย่างอ้อมๆ จาก “ศัตรู” ของโลกตะวันตก อย่างเช่น ซีเรีย, อิหร่าน, และรัสเซีย หากไม่มีการรุกรานที่นำโดยฝ่ายตะวันตกแล้ว ไอเอสก็จะเข้าครอบงำเหนือดินแดนในปัจจุบันของตนไปอย่างไม่มีกำหนด ไอเอสจะเป็นผู้เล่นสำคัญ ในสงครามกลางเมืองอีกสงครามหนึ่งที่กำลังยืดเยื้อออกไปเรื่อยๆ อย่างไม่รู้ว่าจะจบสิ้นลงเมื่อใด ไอเอสจะเป็นผู้เล่นสำคัญในรัฐที่ล้มเหลวอีกรัฐหนึ่ง และมีอันตรายที่จะแผ่ลามไปสู่รัฐอื่นๆ ต่อไปอีก ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นมาก็คือที่ตรงนี้จะถูกใช้เป็นสปริงบอร์ดสำหรับการโจมตีผลประโยชน์ของฝ่ายตะวันตกในตลอดทั่วทั้งภูมิภาคแถบนี้ และแม้กระทั่งในขอบเขตระดับโลก ในระยะเวลาหลายๆ ปีหรือกระทั่งหลายๆ ทศวรรษข้างหน้านี้
มานิช ไร เป็นคอลัมนิสต์ที่เขียนเรื่องเกี่ยวกับตะวันออกกลางและอัฟกานิสถาน-ปากีสถาน เขาเป็นบรรณาธิการของ “ViewsAround (VA)” สำนักข่าวที่เน้นเรื่องภูมิรัฐศาสตร์ สามารถติดต่อเขาได้ที่ manishraiva@gmail.com