xs
xsm
sm
md
lg

ปัดจัดฉากป่วนกรุง กลบกระแส”ราชภักดิ์”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ผู้จัดการรายวัน360 - ศาลทหารอนุมัติหมายจับ 9 สมาชิกขอนแก่นโมเดล เตรียมป่วนงานใหญ่ - ประทุษร้ายบุคคลสำคัญ ตร.รับมอบตัว 2 โจกเอี่ยวขอนแก่นโมเดล เบื้องต้นยังไม่สารภาพ พร้อมเร่งล่าตัวอีก 7 คนร่วมขบวนการ “จักรทิพย์” โชว์ผังเครือข่าย ยันไม่ได้จัดฉาก “ประวิตร” โยนตำรวจตอบตามตัว “เสธ.โต” ด้าน ปปง.ยึดทรัพย์ “แก๊งหยอง” 11 รายการ มูลค่าเกือบ 45 ล้าน

วานนี้ ( 26 พ.ย.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) นายทหารสังกัดกองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์ และและตำรวจคอมมานโด กองบังคับการปราบปราม คุมตัว จ.ส.ต.ประธิน จันทร์เกศ และ นายณัฐพล ณวรรณ์เล ผู้ต้องหาในคดีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และความผิดตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 รวมทั้งเป็นสมาชิกเครือข่ายขอนแก่นโมเดล มาส่งมอบตำรวจเพื่อสอบปากคำ และแจ้งข้อกล่าวหา หลังเจ้าหน้าที่ทหารใช้อำนาจของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ในการคุมตัว 7 วัน โดยมี พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) และ พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร.ร่วมรับตัว เบื้องต้นผู้ต้องหาทั้ง 2 รายมีพฤติกรรมมีการสื่อสารตระเตรียมเพื่อก่อเหตุวุ่นวายใน กทม. และประทุษร้ายบุคคลสำคัญ หลังมีการโพสต์ข้อความลงเฟซบุ๊ก ระบุว่า “ให้ติดตามวันซ้อมกิจกรรมปั่นเพื่อพ่อ...ว่าจะมีการลอบทำร้ายบุคคลสำคัญของประเทศ”

ทั้งนี้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ได้ร่วมสอบปากคำเบื้องต้น กับคณะพนักงานสอบสวน นำหมายจับให้ผู้ต้องหายืนยัน และให้แพทย์จาก รพ.ตำรวจ ตรวจร่างกายผู้ต้องหาเพื่อเป็นหลักฐานว่า ไม่ได้ถูกทำร้ายร่างกายระหว่างควบคุมตัว ก่อนทำการแยกสอบสวนเบื้องต้น โดยมีทนายที่ตำรวจจัดหาให้ร่วมฟังการสอบสวนด้วย

** “จักรทิพย์” ยันไม่ได้จัดฉาก

ต่อมา พล.ต.อ.จักรทิพย์ ได้เป็นประธานในการแถลงข่าว โดยแสดงแผนผังการดำเนินคดีและเครือข่ายของกลุ่มผู้ต้องหาต่อสื่อมวลชน พร้อมระบุว่า การจับกุมครั้งนี้เป็นไปตามพยานหลักฐานที่มี และไม่ใช่การจัดฉาก และโยนความผิดให้กับฝ่ายการเมืองฝ่ายใด นอกจากกลุ่มผู้ต้องหาแล้ว ยังมีขบวนการที่เตรียมก่อความวุ่นวายอีก ซึ่งหากเจ้าหน้าที่พบความเคลื่อนไหว หรือเชื่อมโยงบุคคลใดเพิ่มเติม ก็จะดำเนินการจับกุมทั้งหมด และขอย้ำว่า ตำรวจและหน่วยข่าวกรอง เฝ้าระวังด้านการข่าวอย่างเต็มที่ และจะติดตามผู้ที่ยังหลบหนีทั้งหมด

“ขบวนการนี้มีจริง ไม่ได้อ้างขึ้นมาแต่อย่างใด มีการข่าวและมีการควบคุมตัวจริง และมีอาวุธยุทโธปกรณ์ต่างๆ จริง และเรื่องนี้ไม่น่าจะคิดได้ว่าเป็นการจัดฉาก ยืนยันว่ามีจริง” พล.ต.อ.จักรทิพย์ ระบุ

** ระบุซ่องสุมอาวุธอื้อเตรียมก่อเหตุ

ด้าน พล.ต.ต.ชยพล ฉัตรชัยเดช ผู้บังคับการกองแผนงานอาชญากรรม (ผบก.ผอ.) ในฐานะเจ้าพนักงานสอบสวนคดีหมิ่นเบื้องสูง เปิดเผยว่า จากการสืบสวนพบว่า มีผู้ร่วมก่อเหตุครั้งนี้มีทั้งหมด 9 คน ซึ่ง จ.ส.ต.ประธิน มีความเชื่อมโยงกับกลุ่มขอนแก่นโมเดล ที่มีแนวคิดก่อการร้าย ซ่องสุมอาวุธ วางแผนยึดค่ายทหารตำรวจ และสถานที่ราชการหลายจังหวัด ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยมี นายณัฐพล เป็นผู้จัดหาอาวุธ เตรียมการก่อเหตุ รวมไปถึงมีการส่งข้อความผ่านโซเชียลมีเดียในลักษณะหมิ่นเบื้องสูงด้วย จากการเข้าตรวจค้นบ้านพักของ นายวีรชัย ชาบุญมี ผู้ต้องหาอีกหนึ่งคนที่ยังหลบหนี พบมีการซ่องสุมอาวุธเป็นจำนวนมาก ทั้งนี้มีบางรายอยู่ในระหว่างถูกดำเนินคดีในชั้นศาล และได้ประกันตัวออกไป แต่ก็ยังคงเคลื่อนไหวในพฤติการณ์เดิมๆ นอกจากนี้ยังพบว่ามีผู้สั่งการเชื่อมโยงเครือข่ายในต่างประเทศ

**หมายจับรวม 9 คนร่วมขบวนการ

พล.ต.ต.ชยพล กล่าวต่อว่า หลังจากที่ตำรวจร่วมกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงของทหาร ทำการสืบสวนสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานจนเป็นที่แน่ชัด เชื่อว่ามีผู้กระทำความผิด 9 คนร่วมกันก่อเหตุตั้งแต่ต้นเดือน พ.ย. ถึงวันที่ 23 พ.ย. เหตุเกิดที่บ้านของ จ.ส.ต.ประธิน ประกอบด้วย1.จ.ส.ต.ประธิน อายุ 60 ปี ชาว จ.ขอนแก่น 2.นายณัฐพล อายุ 26 ปี ชาว จ.ขอนแก่น 3.นายพิษณุ พรหมสร อายุ 58 ปี ชาว จ.เชียงใหม่ 4.นายวัลลภ บุญจันทร์ อายุ 33 ปี ชาว จ.ขอนแก่น 5.นายฉัตรชัย ศรีวงษา อายุ 24 ปี ชาว จ.มหาสารคาม6.นายมีชัย ม่วงมนตรี อายุ 49 ปี ชาว จ.ร้อยเอ็ด 7.นายธนกฤต ทองเงินเพิ่ม อายุ 49 ปี ชาว จ.ขอนแก่น 8.นายวีรชัย ชาบุญมี อายุ 33 ปี ชาว จ.ขอนแก่น และ 9.นายพาหิรัณ กองคำ อายุ 44 ปี ชาว จ.บึงกาฬ เบื้องต้นทั้งหมดถูกแจ้งข้อหา และศาลทหารกรุงเทพ อนุมัติหมายจับในข้อหา ร่วมกันกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลอันเป็นเท็จ ตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ ขณะนี้ผู้ต้องหาที่เหลืออยู่ระหว่างการหลบหนีอีก 7คนจะได้ติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดี

“จ.ส.ต.ประธิน มีแนวคิดเรื่องการสร้างโมเดลขึ้นมาที่เรียกว่าขอนแก่นโมเดล มีแนวคิดแบ่งเป็นขั้นตอนในการดำเนินการ มีการสะสมบุคคล สะสมอาวุธ มีการวางแผน เพื่อต่อต้านการทำรัฐประหา นอกจาก จ.ส.ต.ประธินแล้ว ยังมี นายมีชัย นายธนกฤต และนายพาหิรัณ รวมแล้ว 4 คน ที่เป็นผู้ต้องหาอยู่ในกลุ่มขอนแก่นโมเดลในปี 2557" พล.ต.ต.ชยพล กล่าว

** “ศรีวราห์”เชื่อหมายหัวบุคคลสำคัญ

พล.ต.อ.ศรีวราห์ ในฐานะหัวหน้าเจ้าพนักงานสอบสวนคดีหมิ่นเบื้องสูง กล่าวเสริมว่า กลุ่มผู้ต้องหาเตรียมวางแผนประทุษกรรม ก่อเหตุความวุ่นวายในช่วงกิจกรรมสำคัญในพื้นที่กรุงเทพมหานคร โดยใช้สื่อสังคมออนไลน์ อาทิ เฟซบุ๊ก และแอพพลิเคชั่นไลน์ ในการนัดหมาย ส่วนจะมีกลุ่มการเมืองอยู่เบื้องหลังหรือไม่ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ ขบวนการนี้เป็นกลุ่มเดิมที่มาตั้งแต่ถนนอักษะไล่ไปขอนแก่นโมเดลจนถึงปัจจุบันนี้ จากการตรวจสอบบ้านของผู้ที่ถูกออกหมายจับ บางบ้านก็พบอาวุธพร้อมกระสุน ซึ่งเป็นเรื่องที่ทางทหารดำเนินการสืบสวนต่อเนื่องเพื่อขยายผลในการยึดอาวุธต่อไป

“เป้าหมายคืออะไรยังไม่ทราบต้องรอสอบสวน เขาอาจจะมีเป้าหมายหรือไม่ก็ได้ รู้แค่ว่ามีอาวุธที่มีศักยภาพพอที่จะก่อเหตุต่อค่ายทหาร ที่ตั้งตำรวจ จากการสืบสวนปรากฏว่ากลุ่มนี้มีอาวุธอยู่ในครอบครองจำนวนมาก แสดงว่าเตรียมจะก่อเหตุวุ่นวายขึ้นแน่นอน และคาดว่าเพียงพอต่อการประสงค์ร้ายต่อบุคคลสำคัญ” พล.ต.อ.ศรีวราห์ ระบุ

ด้าน พล.ต.ต.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) ในฐานะเจ้าพนักงานสอบสวนคดีหมิ่นเบื้องสูง เปิดเผยภายหลังสอบสวนผู้ต้องหาว่า เบื้องต้นผู้ต้องหาทั้ง 2คนยังไม่รับสารภาพในชั้นพนักงานสอบสวนจะคุมตัวฝากขังต่อศาลทหาร จากนั้นจะนำตัวควบคุมที่เรือนจำชั่วคราว กองพันทหารราบ มณฑลทหารบกที่ 11 (มทบ.11) ต่อไป

** ผู้การกองปราบฯปัดเอี่ยวคดีสำคัญ

ขณะที่ พล.ต.ต.อัคราเดช พิมลศรี ผู้บังคับการกองบังคับการปราบปราม (ผบก.ป.) ซึ่งร่วมในการแถลงข่าวด้วยได้กล่าวถึงกระแสข่าวพัวพันคดีสำคัญ จนอาจลาออกจากราชการ และอาจถูกปรับย้ายจากตำแหน่งว่า ยืนยันไม่คิดลาออก และมั่นใจว่าไม่เกี่ยวข้องคดีใดๆตามที่มีกระแสข่าว เพราะที่ผ่านมาทำตามหน้าที่ และทำความดีมาโดยตลอด

** นายกฯฮึ่มแก๊งขู่ป่วน Bike For Dad

ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. กล่าวว่า มีการตรวจสอบการโพสต์ข้อความซึ่งถือว่ามีความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ ก็ต้องสืบสวนสอบสวน แต่ไม่ใช่การนำเรื่องนี้ปิดบังความผิดปกติการก่อสร้างโครงการอุทยานราชภักดิ์ ซึ่งก็ต้องก็ดำเนินการตรวจสอบกันไป ผิดตรงไหนว่ากันตรงนั้น เพราะทุกคนตั้งใจทำกันหมด จะมีอยู่ไม่กี่คน ไม่ใช่ไปพาดพิงกันใหญ่โต

ผู้สื่อข่าวถามถึงแผนการของผู้ต้องหาที่อาจประทุษร้ายบุคคลสำคัญ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า กำลังดำเนินการสอบสวนอยู่ ซึ่งต้องลงพื้นที่พบประชาชนจะไม่ดูแลตนหรืออย่างไร

“มาบอกว่ารัฐบาลสร้างภาพ เพื่อกลบเกลื่อนอุทยานราชภักดิ์ กระบวนการตามกฎหมายก็เดินหน้ามาตลอด ใครผิดก็ว่าไปตามผิด แล้วทำไปทำไม จะสร้างความสับสน สร้างอันตราย ประทุษร้าย มันไม่ได้ แล้วมาข่มขู่งานนี้ (กิจกรรม Bike For Dad) ด้วย” นายกฯระบุ

** “บิ๊กป้อม”ไม่หวั่นตกเป็นเป้า

ด้าน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม กล่าวว่า กระแสข่าวที่ระบุว่าจะมีแผนลอบทำร้ายบุคคลสำคัญนั้นต้องไปถามเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งจากการรายงานเบื้องต้นตำรวจระบุว่ามีข่าวว่าจะเป็นอย่างนั้น ส่วนมาตรการรักษาความปลอดภัยมีการดูแลเฝ้าระวังอยู่แล้ว

ผู้สื่อข่าวถามว่า กังวลหรือไม่ว่าจะเป็นหนึ่งในเป้าหมายถูกประทุษร้าย พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ตนไม่มีความขัดแย้งกับใคร และไม่ต้องการให้ประเทศนี้มีความขัดแย้งด้วย

เมื่อถามต่อว่า ฝ่ายตรงข้ามรัฐบาลมองว่ากรณีนี้เป็นสร้างข่าว ซึ่งอาจจะไม่มีผู้เตรียมก่อเหตุจริง พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า มีจริง หรือไม่มีจริง แต่ศาลได้ออกหมายจับไปแล้ว เพราะมีหลักฐาน

ผู้สื่อข่าวถามว่าถึงกรณีที่ศาลทหารออกหมายจับ พล.ต.สุชาติ พรมใหม่ หรือ เสธ.โต อดีตผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า พล.ต.สุชาติได้ลาออกจากจากกระทรวงกลาโหมแล้ว จากนี้เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่จะดำเนินการ ส่วน พล.ต.สุชาติจะยังอยู่ในประเทศหรือไม่นั้น ตนไม่ทราบคงต้องถามตำรวจ

** ปปง.อายัดทรัพย์ “แก๊งหยอง”

วันเดียวกัน ที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) พ.ต.อ.สีหนาท ประยูรรัตน์ เลขาธิการ ปปง. เปิดเผยถึงผลการตรวจสอบข้อมูลทางการเงินของ พ.ต.ต.ปรากรม วารุณประภา หรือสารวัตรเอี๊ยด (เสียชีวิตแล้ว) นายสุริยัน สุจริตพลวงศ์ หรือหมอหยอง (เสียชีวิตแล้ว) นายจิรวงศ์ วัฒนเทวาศิลป์ และนายคชาชาต บุญดี หรือเสธ.โจ้ (หลบหนี) ผู้ต้องหาร่วมกันแอบอ้างเบื้องสูงเพื่อเรียกรับผลประโยชน์ ตามความผิดประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และข้อหาอื่นๆ ซึ่งเข้าข่ายกระทำผิดตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 ว่า มีหลักฐานเชื่อได้ว่ากลุ่มผู้ต้องหาเป็นเจ้าของทรัพย์สินหรือมีสิทธิครอบครองในทรัพย์จำนวนหลายรายการ ซึ่งได้มาระหว่างที่กระทำความผิด ที่ประชุมคณะกรรมการธุรกรรม ครั้งที่ 15/2558 เมื่อวันที่ 24 พ.ย.ที่ผ่านมา จึงมีมติให้อายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวข้อง จำนวน 11 รายการ พร้อมดอกผล

** ทรัพย์สิน 11 รายการกว่า 45 ล้านบ.

สำหรับทรัพย์สินทั้ง 11 รายการ ประกอบด้วย 1.บัญชีเงินฝาก ธ.กรุงไทย ของ น.ส.สุรีวรรณ ชาญยุทธิ์ (น้องสาว สามี นางจีราภร อริยวงศ์โสภณ น้องสาวนายสุริยัน) จำนวน 39,549.40 บาท 2.บัญชีเงินฝาก ธ.ไทยพาณิชย์ ของนายจิรวงศ์ จำนวน 352,809.74 บาท 3.บัญชีเงินฝาก ธ.ทหารไทย ของนายคชาชาต จำนวน 317,839.62 บาท 4.บัญชีเงินฝาก ธ.กสิกรไทยของนายคชาชาต จำนวน 2 บัญชี รวมจำนวน 10,219,870.68 บาท 5.บัญชีเงินฝาก ธ.กรุงไทยของนายสุริยัน จำนวน 1 บัญชี จำนวน 800,000 บาท 6. บัญชีเงินฝาก ธ.ไทยพาณิชย์ ของนายคชาชาต จำนวน 2 บัญชี รวม จำนวน 9,800,000 บาท 7.ตั๋วแลกเงิน ธ.ทหารไทย ของนายคชาชาต จำนวน 20,000,000 บาท 8.ห้องชุดพหลโยธินปาร์ค กรรมสิทธิ์นายจิรวงศ์ ราคา 1,800,000 บาท และ 9.ห้องชุดพหลโยธินปาร์ค กรรมสิทธิ์นายสุริยัน ราคา 1,000,000 บาท

ทั้งนี้ มีกำหนด 90 วัน นับตั้งแต่วันที่คณะกรรมการธุรกรรมมีมติ ถึงวันที่ 21 ก.พ.59 รวมทรัพย์สินที่อายัดไว้ชั่วคราวทั้งสิ้น จำนวน 11 รายการ พร้อมดอกผล มูลค่าประมาณ 44,330,069.44 บาท.
กำลังโหลดความคิดเห็น