ถกปมประมูล 4 จีฉลุย “เศรษฐพงศ์” มั่นใจข้อกฎหมาย เดินหน้าลุยประมูล 4 จี ตามกำหนดการเดิม ดีเดย์ 11 พ.ย.-คลื่น1800 ส่วน 15 ธ.ค.- คลื่น 900 อ้าง รบ.หนุน เหตุอยากขับเคลื่อนเพื่อประโยชน์ชาติ
ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.อ.ธเรศ ปุณศรี ประธานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) พร้อมด้วย พ.อ.เศรษฐพงศ์ มะลิสุวรรณ รองประธาน กสทช. ในฐานะประธานคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคม (กทค.) นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการ กสทช. และตัวแทนบริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) หรือแคท เทเลคอม เข้าพบ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เพื่อหารือกรณีการประมูลคลื่นความถี่ 900 และ 1800 เมกะเฮิร์ตซ
ภายหลังการหารือนานกว่า 2 ชั่วโมง พ.อ.เศรษฐพงศ์ เปิดเผยว่า กสทช.มีหน้าที่ประมูลคลื่นความถี่ตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) กสทช. พ.ศ.2553 ส่วนหน่วยงานใดจะรักษาสิทธิ์ของตัวเองอย่างไร กสทช.ก็น้อมรับ แต่ยืนยันว่า กสทช.จะดำเนินการประมูลคลื่นความถี่ตามกำหนดการเดิมคือ ในวันที่ 11 พ.ย.จะประมูลคลื่นความถี่ 1800 เมกะเฮิร์ตซ และในวันที่ 15ธ.ค.จะประมูลคลื่นความถี่ 900 เมกะเฮิร์ตซ ตามที่ได้แจ้งกับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ไว้ก่อนหน้านี้ ขณะเดียวกัน รัฐบาลเองอยากให้มีการประมูลคลื่นความถี่ตามกำหนดเดิม การหารือครั้งนี้เป็นการทำความเข้าใจร่วมกัน ซึ่งมีการเข้าใจกันมากขึ้น เชื่อว่าการประมูลคลื่นความถี่จะเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ส่วนจะมีการฟ้องร้องกันภายหลังหรือไม่นั้นไม่ทราบ แต่จากที่กสทช.ได้ตรวจสอบข้อกฎหมายแล้ว เรามีอำนาจหน้าที่ในการดำเนินการหลังสัญญาสัมปทานหมดอายุลงด้วยการประมูล เพราะถือว่าคลื่นความถี่เป็นของประชาชน หากกสทช.ไม่จัดการประมูลจะถือว่าเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ เราแค่ทำตามหน้าที่ของเรา ไม่ได้ดำเนินการยับยั้งสิทธิ์ของผู้อื่น
“กสทช.เองมองความเสี่ยงขั้นสูงสุดว่า จะมีการฟ้องทั้งสองคลื่นความถี่ แต่จากการวิเคราะห์ข้อกฎหมายแล้ว แม้จะมีการฟ้อง ก็ไม่น่าจะมีปัญหาในการยับยั้งการประมูล เพราะมั่นใจในสิ่งที่กฎหมายเขียนเอาไว้” พ.อ.เศรษฐพงศ์ ระบุ
ผู้สื่อข่าวถามว่า หลังจากหารือกับนายวิษณุในครั้งนี้ทำให้ กสทช.สบายใจขึ้นหรือไม่ พ.อ.เศรษฐพงศ์ กล่าวว่า รัฐบาลมีความเป็นห่วงว่าการประมูลจะไม่ราบรื่น เพราะเรื่องนี้เป็นประโยชน์กับทุกส่วน ชัดเจนแล้วว่านโยบายของรัฐบาลอยากให้ขับเคลื่อนต่อไป อย่างไรก็ตามทางแคทฯก็มีประเด็นข้อกฎหมายที่จะแสดงสิทธิ์ของเขา อาจจะตีความข้อกฎหมายไม่ตรงกับเรา แต่ของ กสทช.ดูจากข้อกฎหมายแล้วชัดเจนมากว่าเมื่อคลื่นความถี่หมดสัญญาสัมปทานแล้วจะต้องจัดสรรคลื่นความถี่ด้วยวิธีการประมูล ไม่มีวิธีอื่น
เมื่อถามว่า หากในอนาคตศาลปกครองให้แคทเป็นผู้ชนะคดีจะดำเนินการอย่างไร พ.อ.เศรษฐพงศ์ กล่าวว่า ถ้าเป็นอย่างนั้นต้องมาคุยกัน แต่ยืนยันว่า กสทช.ได้ปรึกษาอนุกรรมการทางกฎหมายของ กสทช.ซึ่งประกอบด้วยผู้ทรงคุณวุฒิที่เป็นที่รู้จักของสังคม จึงมั่นใจว่าไม่น่ามีผลกระทบถึงขนาดนั้น เพราะทำเพื่อสาธารณะและประโยชน์ของประเทศชาติ ไม่ใช่เพื่อองค์กร และไม่คิดว่าจะมีปัญหา
ผู้สื่อข่าวถามด้วยว่า มีการหารือกรณีที่ บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) จะยื่นฟ้องศาลปกครองเพื่อระงับยับยั้งการประมูลคลื่นความถี่ 900 เมกะเฮิร์ตซหรือไม่ พ.อ.เศรษฐพงศ์ กล่าวว่า ไม่ได้มีการหารือ เพราะเท่าที่ทราบสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจของทีโอทีจะเป็นผู้ฟ้อง ซึ่งจากการที่ตนวิเคราะห์ตามกฎหมายแล้วสหภาพฯ แม้จะฟ้องได้ก็จริง แต่ศาลจะรับหรือไม่นั้นอยู่ที่ดุลยพินิจ เพราะตามปกติต้องเป็นองค์กรเป็นผู้ฟ้อง.
ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.อ.ธเรศ ปุณศรี ประธานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) พร้อมด้วย พ.อ.เศรษฐพงศ์ มะลิสุวรรณ รองประธาน กสทช. ในฐานะประธานคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคม (กทค.) นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการ กสทช. และตัวแทนบริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) หรือแคท เทเลคอม เข้าพบ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เพื่อหารือกรณีการประมูลคลื่นความถี่ 900 และ 1800 เมกะเฮิร์ตซ
ภายหลังการหารือนานกว่า 2 ชั่วโมง พ.อ.เศรษฐพงศ์ เปิดเผยว่า กสทช.มีหน้าที่ประมูลคลื่นความถี่ตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) กสทช. พ.ศ.2553 ส่วนหน่วยงานใดจะรักษาสิทธิ์ของตัวเองอย่างไร กสทช.ก็น้อมรับ แต่ยืนยันว่า กสทช.จะดำเนินการประมูลคลื่นความถี่ตามกำหนดการเดิมคือ ในวันที่ 11 พ.ย.จะประมูลคลื่นความถี่ 1800 เมกะเฮิร์ตซ และในวันที่ 15ธ.ค.จะประมูลคลื่นความถี่ 900 เมกะเฮิร์ตซ ตามที่ได้แจ้งกับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ไว้ก่อนหน้านี้ ขณะเดียวกัน รัฐบาลเองอยากให้มีการประมูลคลื่นความถี่ตามกำหนดเดิม การหารือครั้งนี้เป็นการทำความเข้าใจร่วมกัน ซึ่งมีการเข้าใจกันมากขึ้น เชื่อว่าการประมูลคลื่นความถี่จะเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ส่วนจะมีการฟ้องร้องกันภายหลังหรือไม่นั้นไม่ทราบ แต่จากที่กสทช.ได้ตรวจสอบข้อกฎหมายแล้ว เรามีอำนาจหน้าที่ในการดำเนินการหลังสัญญาสัมปทานหมดอายุลงด้วยการประมูล เพราะถือว่าคลื่นความถี่เป็นของประชาชน หากกสทช.ไม่จัดการประมูลจะถือว่าเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ เราแค่ทำตามหน้าที่ของเรา ไม่ได้ดำเนินการยับยั้งสิทธิ์ของผู้อื่น
“กสทช.เองมองความเสี่ยงขั้นสูงสุดว่า จะมีการฟ้องทั้งสองคลื่นความถี่ แต่จากการวิเคราะห์ข้อกฎหมายแล้ว แม้จะมีการฟ้อง ก็ไม่น่าจะมีปัญหาในการยับยั้งการประมูล เพราะมั่นใจในสิ่งที่กฎหมายเขียนเอาไว้” พ.อ.เศรษฐพงศ์ ระบุ
ผู้สื่อข่าวถามว่า หลังจากหารือกับนายวิษณุในครั้งนี้ทำให้ กสทช.สบายใจขึ้นหรือไม่ พ.อ.เศรษฐพงศ์ กล่าวว่า รัฐบาลมีความเป็นห่วงว่าการประมูลจะไม่ราบรื่น เพราะเรื่องนี้เป็นประโยชน์กับทุกส่วน ชัดเจนแล้วว่านโยบายของรัฐบาลอยากให้ขับเคลื่อนต่อไป อย่างไรก็ตามทางแคทฯก็มีประเด็นข้อกฎหมายที่จะแสดงสิทธิ์ของเขา อาจจะตีความข้อกฎหมายไม่ตรงกับเรา แต่ของ กสทช.ดูจากข้อกฎหมายแล้วชัดเจนมากว่าเมื่อคลื่นความถี่หมดสัญญาสัมปทานแล้วจะต้องจัดสรรคลื่นความถี่ด้วยวิธีการประมูล ไม่มีวิธีอื่น
เมื่อถามว่า หากในอนาคตศาลปกครองให้แคทเป็นผู้ชนะคดีจะดำเนินการอย่างไร พ.อ.เศรษฐพงศ์ กล่าวว่า ถ้าเป็นอย่างนั้นต้องมาคุยกัน แต่ยืนยันว่า กสทช.ได้ปรึกษาอนุกรรมการทางกฎหมายของ กสทช.ซึ่งประกอบด้วยผู้ทรงคุณวุฒิที่เป็นที่รู้จักของสังคม จึงมั่นใจว่าไม่น่ามีผลกระทบถึงขนาดนั้น เพราะทำเพื่อสาธารณะและประโยชน์ของประเทศชาติ ไม่ใช่เพื่อองค์กร และไม่คิดว่าจะมีปัญหา
ผู้สื่อข่าวถามด้วยว่า มีการหารือกรณีที่ บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) จะยื่นฟ้องศาลปกครองเพื่อระงับยับยั้งการประมูลคลื่นความถี่ 900 เมกะเฮิร์ตซหรือไม่ พ.อ.เศรษฐพงศ์ กล่าวว่า ไม่ได้มีการหารือ เพราะเท่าที่ทราบสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจของทีโอทีจะเป็นผู้ฟ้อง ซึ่งจากการที่ตนวิเคราะห์ตามกฎหมายแล้วสหภาพฯ แม้จะฟ้องได้ก็จริง แต่ศาลจะรับหรือไม่นั้นอยู่ที่ดุลยพินิจ เพราะตามปกติต้องเป็นองค์กรเป็นผู้ฟ้อง.