เอสซีไอ อีเลคตริค นักลงทุนรายย่อย สถาบันทั้งใน และต่างประเทศแห่จองเกลี้ยง หลังเปิดจองซื้อหุ้นไอพีโอระหว่างวันที่ 5-7 ต.ค.ที่ผ่านมา มั่นใจพื้นฐานแกร่ง แผนการดำเนินธุรกิจชัด บุกตลาดทั้งใน และต่างประเทศ รับอานิสงส์เต็มๆ รัฐเดินหน้าประมูล 4 จี-กฟผ. ทุ่มลงทุนระบบสายส่งไฟฟ้าในช่วง 5 ปีข้างหน้า ด้านผู้บริหารหนุ่มไฟแรง “เกรียงไกร เพียรวิทยาสกุล” มั่นใจแผนการลงทุนในลาว-พม่า ช่วยผลักดันรายได้-กำไร ในปี 62 โตก้าวกระโดด ด้านที่ปรึกษาการเงินมือโปรฯ จาก บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) มั่นใจเข้าเทรดวันแรก 13 ต.ค.นี้ ไม่ทำให้นักลงทุนผิดหวัง
นายวิชา โตมานะ กรรมการผู้จัดการ สายงานวาณิชธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนบริษัท เอสซีไอ อีเลคตริค จำกัด (มหาชน) (SCI) เปิดเผยถึงผลการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 187.50 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 1 บาท ในราคาหุ้นละ 5.90 บาท ระหว่างวันที่ 5-7 ตุลาคมที่ผ่านมาว่า ได้รับการตอบรับจากนักลงทุนสถาบันทั้งใน และต่างประเทศ และนักลงทุนรายย่อยอย่างดีเยี่ยม โดยมียอดจองซื้อเกินจำนวนที่เสนอขาย เนื่องจากมีความมั่นใจในปัจจัยพื้นฐานธุรกิจ และแผนการลงทุนที่มีความชัดเจนของบริษัท โดยหุ้น SCI จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในวันที่ 13 ต.ค.58 นี้ ใช้ชื่อย่อ “SCI” ในกลุ่มอุตสาหกรรมทรัพยากรในหมวดธุรกิจพลังงานและสาธารณูปโภค (Energy)
“การที่นักลงทุนให้การต้อนรับหุ้น SCI อย่างท่วมท้น สะท้อนให้เห็นถึงความมั่นใจที่นักลงทุนมีต่อบริษัท เนื่องจากภายหลังการระดมทุนในครั้งนี้จะทำให้ฐานะทางการเงินของ SCI มีความแข็งแกร่ง พร้อมขยายการลงทุนทั้งใน และต่างประเทศเพื่อเพิ่มศักยภาพการเติบโตในอนาคต ดังนั้น จึงมีความมั่นใจว่าหลังหุ้น SCI เข้าเทรดในตลาดหลักทรัพย์ฯ จะได้รับการตอบรับอย่างคึกคัก และให้ผลตอบแทนที่ดีแก่นักลงทุน” นายวิชา กล่าว
นายเกรียงไกร เพียรวิทยาสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสซีไอ อีเลคตริค จำกัด (มหาชน) (SCI) กล่าวว่า ยอดจองซื้อหุ้นไอพีโอที่มีเข้ามาเป็นจำนวนมาก สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อบริษัท โดยการระดมทุนในครั้งนี้จะช่วยเพิ่มศักยภาพในการเติบโต และบริษัทเตรียมนำเงินที่ได้ไปคืนหนี้เงินกู้สถาบันการเงิน เป็นเงินทุนหมุนเวียนในโครงการปรับปรุงระบบจำหน่ายไฟฟ้า (PDSR) เฟส 2 ในลาว ซึ่งจะเริ่มต้นโครงการได้ประมาณไตรมาส 4/58 ลงทุนในโรงงานผลิตเสาส่งไฟฟ้าแรงสูง และเสาโทรคมนาคมในพม่า โดยร่วมทุนกับพันธมิตร ซึ่งจะเริ่มก่อสร้างโรงงานได้ราวไตรมาส 1/59 และลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม ขนาดกำลังการผลิต 45 เมกะวัตต์ ร่วมกับพันธมิตร โดย SCI จะเข้าถือหุ้นในสัดส่วนไม่เกิน 30%
นอกจากนี้ บริษัทจะนำเงินบางส่วนไปลงทุนในโรงงานไฟฟ้าพลังงานลมในประเทศไทย ขนาด 45 เมกะวัตต์ โดยร่วมทุนกับพันธมิตรในสัดส่วน 30% ของมูลค่าลงทุนทั้งหมดราว 3.5-3.7 พันล้านบาท คาดว่าจะเริ่มใช้เงินทุนราวในปี 59 และจ่ายไฟเข้าระบบ (COD) ได้ประมาณปี 62
“การระดมทุนในครั้งนี้จะทำให้ฐานะทางการเงินของบริษัทมีความแข็งแกร่ง แนวโน้มรายได้และกำไรในปี 62 โตแบบก้าวกระโดด หลังจากเริ่มรับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้าพลังงานลมในไทย และการขยายการลงทุนในลาว และพม่า” นายเกียงไกร กล่าวในที่สุด
ขณะที่แนวโน้มรายได้ของ SCI ในปีนี้คาดว่าจะขยายตัวต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา โดยได้รับปัจจัยหนุนจากการที่รัฐบาลประกาศเดินหน้าประมูล 4 จี และแผนการลงทุนด้านสายส่งและสถานีไฟฟ้าของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ที่ประกาศงบลงทุน 5 ปี ข้างหน้า มูลค่ากว่า 1.2 แสนล้านบาท นอกเหนือจากรายได้จากการลงทุนในต่างประเทศที่มีเข้ามาอย่างสม่ำเสมอจากการทำธุรกิจในลาว ส่วนผลการดำเนินงานในงวด 6 เดือนแรกของปี 58 บริษัทมีรายได้จากการขาย และการให้บริการเพิ่มขึ้น 14.42% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 143.07 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 81.33% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
