วาทกรรมเรื่อง “ปิดประเทศ” นั้น กลายเป็นเรื่องปากไวที่ต้องออกมาแก้ไขและอธิบายไปแล้วของท่านผู้นำ เอาเป็นว่าเข้าใจกัน เรากำลังจะออกแบบประเทศใหม่เพื่อนำไปสู่การเปิดประเทศที่มั่นคงถาวรขึ้น
การออกแบบประเทศก็คือ การเขียนรัฐธรรมนูญขึ้นมาใหม่แล้วค่อยกลับไปสู่การเลือกตั้ง แต่ไม่เข้าใจว่า ทำไมโจทย์ของรัฐธรรมนูญใหม่จึงกลายเป็นวิธีการเลือกตั้ง วิธีการเลือกตั้งในอดีตมีปัญหาหรือเราจึงต้องหาวิธีการเลือกตั้งให้พิสดารยิ่งขึ้น
ใช่หรือไม่ว่าสิ่งที่ซ่อนเร้นอยู่เบื้องหลังแนวคิดนี้ก็คือ ทำอย่างไรให้ชนะพรรคของทักษิณนั่นเอง
แน่นอนว่าวันหนึ่งเราต้องกลับไปสู่การเลือกตั้ง แม้ใครจะปลื้มกับรัฐบาลประยุทธ์อย่างไรก็ไม่มีทางที่จะอยู่ค้ำฟ้า ได้ท่านผู้นำประยุทธ์ก็รู้ว่า ประเทศไทยอยู่อย่างนี้ไม่ได้ แม้จะอ้างว่านี่เป็นเรื่องภายในของเรา เราควรจะมีสิทธิของแบบประเทศเราเองก็ตาม
พล.อ.ประยุทธ์ ท่านก็รู้ครับ เลยบอกว่าอยู่ยาวไปก็ไลฟ์บอย (นักข่าวรุ่นใหม่ไม่เข้าใจความหมายของคำนี้)
แต่การออกแบบเลือกตั้งเพื่อให้ใครแพ้นั้นถามว่ามันมีสาเหตุมาจากอะไร เพราะเรากลัวพรรคการเมืองบางพรรคเมื่อมีอำนาจแล้วก็เข้ามาฉ้อฉลประเทศใช่หรือไม่ ถ้าใช่แทนที่เราจะแก้ที่วิธีการเลือกตั้ง ทำไมเราไม่หาทางป้องกันไม่ให้นักการเมืองมีอำนาจแล้วสามารถใช้อำนาจที่ฉ้อฉลได้ สร้างกลไกป้องกันการทุจริตที่เข้มแข็ง ถ้าประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศนี้จะเลือกพรรคการเมืองพรรคไหนเข้ามามีอำนาจก็ต้องปล่อยไป เราต้องยอมรับการตัดสินใจของเสียงส่วนใหญ่ แต่เราก็มีกลไกที่คุมไม่ให้เขาฉ้อฉลได้
เราคงจะออกแบบรัฐธรรรมนูญเพื่อจำกัดสิทธิของใครคนใดคนหนึ่งไม่ได้ พื้นฐานของรัฐธรรมนูญซึ่งเป็นกติกาของประเทศก็คือ ความเท่าเทียมกัน เสมอภาค และยุติธรรม เราต้องออกแบบไม่ให้ผู้มีอำนาจตอบแทนผลประโยชน์เฉพาะแต่คนที่เลือกเขามา เช่นเดียวกันเราต้องไม่ทำให้สิทธิในการเลือกใครมาเป็นผู้แทนของประชาชนมีความไม่เท่าเทียมกัน เช่น พยายามกีดกันไม่ให้ผู้แทนของอีกฝ่ายหนึ่งเข้ามามีอำนาจ
แน่นอนว่า เราพบว่าระบอบทักษิณนั้นเป็นการใช้อำนาจโดยมิชอบ(Abuse of Power) เราก็ต้องสร้างกลไกในการออกแบบไม่ให้คนที่มีอำนาจเข้ามาใช้อำนาจอย่างฉ้อฉลได้ ไม่ใช่หาทางทำให้คะแนนของประชาชนไม่เท่าเทียมกัน
เพราะมานั่งคิดถึงสูตรเลือกตั้งแบบจัดสรรปันส่วนของมีชัย ฤชุพันธุ์แล้ว โดยคนชนะได้เป็น ส.ส.เขต แต่ไม่นำคะแนนมารวมให้ตัดทิ้งไปเลย ส่วนคนแพ้นำคะแนนมารวมกันในระบบบัญชีรายชื่อเพื่อหาตัว ส.ส.ให้พรรคที่แพ้ ฟังดูก็แปลกๆ นะ ถ้าอยากให้เลือกตั้งบัตรเดียวไม่ต้องมีบัตรลงคะแนนบัญชีรายชื่อ ทำไมไม่นำคะแนนทั้งหมดทั้งคนแพ้และชนะมารวมกันแล้วเฉลี่ยบัญชีรายชื่อ ซึ่งน่าจะสะท้อนความเป็นจริงมากกว่า และทำให้ทุกคะแนนของทุกคนมีคุณค่าที่เท่ากัน เพราะถ้าเอาแบบมีชัยว่าเท่ากับบางคนเลือกได้ 2 ครั้ง แต่บางคนเลือกได้ครั้งเดียว
ลองนึกดูนะครับว่า บางจังหวัดเช่นสุพรรณบุรี เลือกบรรหารมา 2 แสนเสียงเข้ามาเป็นที่หนึ่ง เลือกที่สองได้คะแนน 3 หมื่น เอา 3 หมื่นไปรวมเพื่อเฉลี่ยปาร์ตี้ลิสต์ แล้วเอาสิทธิของคนอีกสองแสนไปทิ้งน้ำอย่างนี้มันยุติธรรมไหม มันสะท้อนความเท่าเทียมของคะแนนเสียงทุกเสียงไหม ภาคใต้ก็เหมือนกันแห่กันเลือกประชาธิปัตย์ แต่คะแนนปาร์ตี้ลิสต์ซึ่งควรเป็นคะแนนของพรรคถูกทิ้งน้ำหมด
ลองอธิบายหน่อยสิว่า ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์นั้นสะท้อนจากบรรทัดฐานอะไร สมมติว่า มีคนมาใช้สิทธิทั่วประเทศ 30 ล้านคน คนที่เป็น ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ก็ควรมาจากเสียงสะท้อนของคน 30 ล้านคนใช่ไหม แต่อยู่ๆ คุณบอกว่า คนที่เลือกผู้แทนเขตแล้วเป็นคนชนะไปแล้วไม่เอามานับ เอาเป็นว่ารวมคะแนนที่หนึ่งทั่วประเทศได้คะแนนเสียงรวมกัน 12 ล้านเสียง คุณบอกเอาทิ้งไปเลยมาคิดปาร์ตี้ลิสต์จาก 18 ล้านเสียงที่มาจากคะแนนรวมของคนแพ้เลือกตั้ง มันตลกไหมครับแล้วสิทธิของคน 12 ล้านคนไปไหน แสดงว่าปาร์ตี้ลิสต์คือตัวแทนของผู้แพ้ใช่ไหม
แล้วถ้าทำตามแบบที่มีชัยว่า ถ้าผมเป็นพรรคใหญ่จากเดิมที่มีปัญหาในพรรคเพราะมีผู้สมัคร 2 คนคะแนนดีทั้งคู่ ต่อไปก็แก้ปัญหาโดยให้ลงคนละพรรคคือสร้างพรรคสำรองขึ้นมา โดยเฉพาะพรรคเพื่อไทยที่มีผู้สมัครแถวสองแถวสามก็จัดลงกันไปเลย อาจสร้างมาสัก 2-3 พรรค ใครชนะก็เอา ส.ส.เขตไป แพ้มาเอา ส.ส.บัญชีรายชื่อ เสร็จเลือกตั้งก็ไปรวมกันในสภาฯ
เชื่อเถอะครับว่า เลือกตั้งแบบนี้ใครมีเงินมากกว่าพรรคนั้นก็ชนะ แล้วคิดว่าจะสู้กับพรรคของทักษิณได้ไหม ผมเลยคิดว่า เอาเถอะครับ ต้องทำให้ทุกสิทธิทุกเสียงเท่าเทียมกัน ถ้าคนส่วนมากเขาจะเลือกทักษิณเราก็ต้องยอม แต่ต้องทำกติกาให้การฉ้อฉลมันยากขึ้น มีโทษที่รุนแรงขึ้น ถ้าทหารไม่อยากออกมาปฏิวัติอีกต้องทำตรงนี้ครับ เพราะถ้ากติกามันป้องกันนักการเมืองฉ้อฉลไม่ได้ ประชาชนก็ต้องออกมาชุมนุมขับไล่รัฐบาลอีก แล้วสุดท้ายทหารก็ต้องออกมาอีก
ไม่ใช่ไปออกแบบการเลือกตั้งให้มันพิสดารพันลึก
วิธีแก้ปัญหาแบบนี้มันคล้ายๆ กับว่า เวลาเปิดเทอมรถจะติด เลยแก้รถติดโดยการไม่ให้เด็กไปเรียนหนังสือ มันแก้ปัญหารถติดได้ครับ แต่ถ้าเด็กไม่เรียนหนังสือมันก็ทำให้ประเทศอ่อนแอลง ประชาชนกลายเป็นพลเมืองที่ไม่มีคุณภาพ และประเทศก็พัฒนาก้าวไกลไปไม่ได้
ผมคิดว่าคนไทยส่วนใหญ่รักความเป็นธรรมนะครับ หลังปฏิวัติปี 2549 แล้วพรรคของทักษิณกลับมาชนะ คนไทยที่ไม่ชอบทักษิณก็ยอมรับให้พรรคของทักษิณอยู่ในอำนาจ แต่สุดท้ายพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยต้องออกมาขับไล่ก็เพราะรัฐบาลใช้อำนาจอย่างฉ้อฉล เช่นเดียวกับรัฐบาลยิ่งลักษณ์ถ้ายิ่งลักษณ์ใช้อำนาจอย่างเป็นธรรม ไม่ใช้เสียงส่วนใหญ่เพื่อไปลบล้างความผิดให้พี่ชายตัวเอง เงื่อนไขในการขับไล่รัฐบาลก็ไม่มี ดังนั้นต้องสร้างกติกาไม่ให้รัฐบาลใช้อำนาจอย่างฉ้อฉลได้ และมีบทลงโทษที่รุนแรง
เราได้ยินพล.อ.ประยุทธ์บ่นแล้วบ่นอีกว่า ไม่ต้องการเข้ามา แต่ไม่มีทางเลือกเพราะถ้าไม่เข้ามาประเทศก็เป็นวิสัญญีไม่มีทางออก รัฐบาลที่มีอำนาจในขณะนั้น ปล่อยให้คนเอาอาวุธสงครามมาไล่ยิงประชาชนที่ออกมาขับไล่ ขยิบตาให้ยิงประชาชนฝ่ายตรงข้ามแล้วตะโกนว่าพวกกูเป็นฝ่ายประชาธิปไตยไปด้วย ดังนั้นถ้าทหารไม่อยากเข้ามาอีกก็ต้องทำให้นักการเมืองชั่วหมดไปจากการเมืองไทย
แต่สิ่งที่ต้องทำด้วยนอกเหนือจากกติกาก็คือ ทำให้ประชาชนเข้าใจถึงสิทธิเสรีภาพของตัวเอง รู้เท่าทันความชั่วร้ายของระบอบทักษิณ ไม่เลือกนักการเมืองที่ฉ้อฉล ไม่หลงใหลในสิ่งที่นักการเมืองหยิบยื่นให้เพียงผลประโยชน์เฉพาะหน้า แล้วคิดว่านักการเมืองโกงไม่เป็นไรถ้าประชาชนได้ประโยชน์ด้วย
วิธีการเลือกตั้งมีหนทางเดียวคือ ทำให้การเลือกตั้งเป็นธรรม ถ้าไม่อยากให้นักการเมืองที่ฉ้อฉลเข้ามามีอำนาจก็ต้องสร้างกติกาป้องกันการใช้อำนาจที่ฉ้อฉลเข้มแข็ง ไม่ใช่คิดวิธีเลือกตั้งที่พิลึกกึกกือ
การออกแบบประเทศก็คือ การเขียนรัฐธรรมนูญขึ้นมาใหม่แล้วค่อยกลับไปสู่การเลือกตั้ง แต่ไม่เข้าใจว่า ทำไมโจทย์ของรัฐธรรมนูญใหม่จึงกลายเป็นวิธีการเลือกตั้ง วิธีการเลือกตั้งในอดีตมีปัญหาหรือเราจึงต้องหาวิธีการเลือกตั้งให้พิสดารยิ่งขึ้น
ใช่หรือไม่ว่าสิ่งที่ซ่อนเร้นอยู่เบื้องหลังแนวคิดนี้ก็คือ ทำอย่างไรให้ชนะพรรคของทักษิณนั่นเอง
แน่นอนว่าวันหนึ่งเราต้องกลับไปสู่การเลือกตั้ง แม้ใครจะปลื้มกับรัฐบาลประยุทธ์อย่างไรก็ไม่มีทางที่จะอยู่ค้ำฟ้า ได้ท่านผู้นำประยุทธ์ก็รู้ว่า ประเทศไทยอยู่อย่างนี้ไม่ได้ แม้จะอ้างว่านี่เป็นเรื่องภายในของเรา เราควรจะมีสิทธิของแบบประเทศเราเองก็ตาม
พล.อ.ประยุทธ์ ท่านก็รู้ครับ เลยบอกว่าอยู่ยาวไปก็ไลฟ์บอย (นักข่าวรุ่นใหม่ไม่เข้าใจความหมายของคำนี้)
แต่การออกแบบเลือกตั้งเพื่อให้ใครแพ้นั้นถามว่ามันมีสาเหตุมาจากอะไร เพราะเรากลัวพรรคการเมืองบางพรรคเมื่อมีอำนาจแล้วก็เข้ามาฉ้อฉลประเทศใช่หรือไม่ ถ้าใช่แทนที่เราจะแก้ที่วิธีการเลือกตั้ง ทำไมเราไม่หาทางป้องกันไม่ให้นักการเมืองมีอำนาจแล้วสามารถใช้อำนาจที่ฉ้อฉลได้ สร้างกลไกป้องกันการทุจริตที่เข้มแข็ง ถ้าประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศนี้จะเลือกพรรคการเมืองพรรคไหนเข้ามามีอำนาจก็ต้องปล่อยไป เราต้องยอมรับการตัดสินใจของเสียงส่วนใหญ่ แต่เราก็มีกลไกที่คุมไม่ให้เขาฉ้อฉลได้
เราคงจะออกแบบรัฐธรรรมนูญเพื่อจำกัดสิทธิของใครคนใดคนหนึ่งไม่ได้ พื้นฐานของรัฐธรรมนูญซึ่งเป็นกติกาของประเทศก็คือ ความเท่าเทียมกัน เสมอภาค และยุติธรรม เราต้องออกแบบไม่ให้ผู้มีอำนาจตอบแทนผลประโยชน์เฉพาะแต่คนที่เลือกเขามา เช่นเดียวกันเราต้องไม่ทำให้สิทธิในการเลือกใครมาเป็นผู้แทนของประชาชนมีความไม่เท่าเทียมกัน เช่น พยายามกีดกันไม่ให้ผู้แทนของอีกฝ่ายหนึ่งเข้ามามีอำนาจ
แน่นอนว่า เราพบว่าระบอบทักษิณนั้นเป็นการใช้อำนาจโดยมิชอบ(Abuse of Power) เราก็ต้องสร้างกลไกในการออกแบบไม่ให้คนที่มีอำนาจเข้ามาใช้อำนาจอย่างฉ้อฉลได้ ไม่ใช่หาทางทำให้คะแนนของประชาชนไม่เท่าเทียมกัน
เพราะมานั่งคิดถึงสูตรเลือกตั้งแบบจัดสรรปันส่วนของมีชัย ฤชุพันธุ์แล้ว โดยคนชนะได้เป็น ส.ส.เขต แต่ไม่นำคะแนนมารวมให้ตัดทิ้งไปเลย ส่วนคนแพ้นำคะแนนมารวมกันในระบบบัญชีรายชื่อเพื่อหาตัว ส.ส.ให้พรรคที่แพ้ ฟังดูก็แปลกๆ นะ ถ้าอยากให้เลือกตั้งบัตรเดียวไม่ต้องมีบัตรลงคะแนนบัญชีรายชื่อ ทำไมไม่นำคะแนนทั้งหมดทั้งคนแพ้และชนะมารวมกันแล้วเฉลี่ยบัญชีรายชื่อ ซึ่งน่าจะสะท้อนความเป็นจริงมากกว่า และทำให้ทุกคะแนนของทุกคนมีคุณค่าที่เท่ากัน เพราะถ้าเอาแบบมีชัยว่าเท่ากับบางคนเลือกได้ 2 ครั้ง แต่บางคนเลือกได้ครั้งเดียว
ลองนึกดูนะครับว่า บางจังหวัดเช่นสุพรรณบุรี เลือกบรรหารมา 2 แสนเสียงเข้ามาเป็นที่หนึ่ง เลือกที่สองได้คะแนน 3 หมื่น เอา 3 หมื่นไปรวมเพื่อเฉลี่ยปาร์ตี้ลิสต์ แล้วเอาสิทธิของคนอีกสองแสนไปทิ้งน้ำอย่างนี้มันยุติธรรมไหม มันสะท้อนความเท่าเทียมของคะแนนเสียงทุกเสียงไหม ภาคใต้ก็เหมือนกันแห่กันเลือกประชาธิปัตย์ แต่คะแนนปาร์ตี้ลิสต์ซึ่งควรเป็นคะแนนของพรรคถูกทิ้งน้ำหมด
ลองอธิบายหน่อยสิว่า ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์นั้นสะท้อนจากบรรทัดฐานอะไร สมมติว่า มีคนมาใช้สิทธิทั่วประเทศ 30 ล้านคน คนที่เป็น ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ก็ควรมาจากเสียงสะท้อนของคน 30 ล้านคนใช่ไหม แต่อยู่ๆ คุณบอกว่า คนที่เลือกผู้แทนเขตแล้วเป็นคนชนะไปแล้วไม่เอามานับ เอาเป็นว่ารวมคะแนนที่หนึ่งทั่วประเทศได้คะแนนเสียงรวมกัน 12 ล้านเสียง คุณบอกเอาทิ้งไปเลยมาคิดปาร์ตี้ลิสต์จาก 18 ล้านเสียงที่มาจากคะแนนรวมของคนแพ้เลือกตั้ง มันตลกไหมครับแล้วสิทธิของคน 12 ล้านคนไปไหน แสดงว่าปาร์ตี้ลิสต์คือตัวแทนของผู้แพ้ใช่ไหม
แล้วถ้าทำตามแบบที่มีชัยว่า ถ้าผมเป็นพรรคใหญ่จากเดิมที่มีปัญหาในพรรคเพราะมีผู้สมัคร 2 คนคะแนนดีทั้งคู่ ต่อไปก็แก้ปัญหาโดยให้ลงคนละพรรคคือสร้างพรรคสำรองขึ้นมา โดยเฉพาะพรรคเพื่อไทยที่มีผู้สมัครแถวสองแถวสามก็จัดลงกันไปเลย อาจสร้างมาสัก 2-3 พรรค ใครชนะก็เอา ส.ส.เขตไป แพ้มาเอา ส.ส.บัญชีรายชื่อ เสร็จเลือกตั้งก็ไปรวมกันในสภาฯ
เชื่อเถอะครับว่า เลือกตั้งแบบนี้ใครมีเงินมากกว่าพรรคนั้นก็ชนะ แล้วคิดว่าจะสู้กับพรรคของทักษิณได้ไหม ผมเลยคิดว่า เอาเถอะครับ ต้องทำให้ทุกสิทธิทุกเสียงเท่าเทียมกัน ถ้าคนส่วนมากเขาจะเลือกทักษิณเราก็ต้องยอม แต่ต้องทำกติกาให้การฉ้อฉลมันยากขึ้น มีโทษที่รุนแรงขึ้น ถ้าทหารไม่อยากออกมาปฏิวัติอีกต้องทำตรงนี้ครับ เพราะถ้ากติกามันป้องกันนักการเมืองฉ้อฉลไม่ได้ ประชาชนก็ต้องออกมาชุมนุมขับไล่รัฐบาลอีก แล้วสุดท้ายทหารก็ต้องออกมาอีก
ไม่ใช่ไปออกแบบการเลือกตั้งให้มันพิสดารพันลึก
วิธีแก้ปัญหาแบบนี้มันคล้ายๆ กับว่า เวลาเปิดเทอมรถจะติด เลยแก้รถติดโดยการไม่ให้เด็กไปเรียนหนังสือ มันแก้ปัญหารถติดได้ครับ แต่ถ้าเด็กไม่เรียนหนังสือมันก็ทำให้ประเทศอ่อนแอลง ประชาชนกลายเป็นพลเมืองที่ไม่มีคุณภาพ และประเทศก็พัฒนาก้าวไกลไปไม่ได้
ผมคิดว่าคนไทยส่วนใหญ่รักความเป็นธรรมนะครับ หลังปฏิวัติปี 2549 แล้วพรรคของทักษิณกลับมาชนะ คนไทยที่ไม่ชอบทักษิณก็ยอมรับให้พรรคของทักษิณอยู่ในอำนาจ แต่สุดท้ายพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยต้องออกมาขับไล่ก็เพราะรัฐบาลใช้อำนาจอย่างฉ้อฉล เช่นเดียวกับรัฐบาลยิ่งลักษณ์ถ้ายิ่งลักษณ์ใช้อำนาจอย่างเป็นธรรม ไม่ใช้เสียงส่วนใหญ่เพื่อไปลบล้างความผิดให้พี่ชายตัวเอง เงื่อนไขในการขับไล่รัฐบาลก็ไม่มี ดังนั้นต้องสร้างกติกาไม่ให้รัฐบาลใช้อำนาจอย่างฉ้อฉลได้ และมีบทลงโทษที่รุนแรง
เราได้ยินพล.อ.ประยุทธ์บ่นแล้วบ่นอีกว่า ไม่ต้องการเข้ามา แต่ไม่มีทางเลือกเพราะถ้าไม่เข้ามาประเทศก็เป็นวิสัญญีไม่มีทางออก รัฐบาลที่มีอำนาจในขณะนั้น ปล่อยให้คนเอาอาวุธสงครามมาไล่ยิงประชาชนที่ออกมาขับไล่ ขยิบตาให้ยิงประชาชนฝ่ายตรงข้ามแล้วตะโกนว่าพวกกูเป็นฝ่ายประชาธิปไตยไปด้วย ดังนั้นถ้าทหารไม่อยากเข้ามาอีกก็ต้องทำให้นักการเมืองชั่วหมดไปจากการเมืองไทย
แต่สิ่งที่ต้องทำด้วยนอกเหนือจากกติกาก็คือ ทำให้ประชาชนเข้าใจถึงสิทธิเสรีภาพของตัวเอง รู้เท่าทันความชั่วร้ายของระบอบทักษิณ ไม่เลือกนักการเมืองที่ฉ้อฉล ไม่หลงใหลในสิ่งที่นักการเมืองหยิบยื่นให้เพียงผลประโยชน์เฉพาะหน้า แล้วคิดว่านักการเมืองโกงไม่เป็นไรถ้าประชาชนได้ประโยชน์ด้วย
วิธีการเลือกตั้งมีหนทางเดียวคือ ทำให้การเลือกตั้งเป็นธรรม ถ้าไม่อยากให้นักการเมืองที่ฉ้อฉลเข้ามามีอำนาจก็ต้องสร้างกติกาป้องกันการใช้อำนาจที่ฉ้อฉลเข้มแข็ง ไม่ใช่คิดวิธีเลือกตั้งที่พิลึกกึกกือ