ASTVผู้จัดการรายวัน - สหพัฒน์จับมือPTTGCและกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เอ็มโอยูผลักดันเขตเศรษฐกิจพิเศษอ.แม่สอด จ.ตาก ผุดคลัสเตอร์พลาสติกโดยใช้พื้นที่สวนอุตสาหกรรมเครือสหพัฒน์เป็นฐานการผลิตเพื่อส่งออกไปยังเมียนมาเชื่อมต่อไปอินเดียในอนาคต คาดเห็นเม็ดเงินลงทุนได้ในปีหน้า ด้านPTTGCเผยโครงการปิโตรเคมี คอมเพล็กซ์ที่อินโดนีเซียชะลอไป 1-2ปีหลังรัฐบาลให้ความสำคัญด้านโรงกลั่นและไฟฟ้าเป็นอันดับต้น
วานนี้ (4พ.ย.)พล.อ.อนันตพร กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน และนางอภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานร่วมในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการดำเนินธุรกิจระหว่างบริษัท สหพัฒนาอินเตอร์ โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) (SPI) บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอลจำกัด (มหาชน)(PTTGC) และกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์
นายบุณยสิทธิ์ โชควัฒนา ประธานกรรมการ บริษัท สหพัฒนาอินเตอร์ โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การลงนามเอ็มโอยูครั้งนี้ เพื่อร่วมมือกันพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษแม่สอด จ.ตาก ซึ่งมีความพร้อมด้านต่างๆทั้งสาธารณูปโภค โลจิสติกส์ แรงงานและการสนับสนุนสิทธิพิเศษจากภาครัฐในด้านการลงทุนและขยายตลาดสินค้าพลาสติกส่งออกสินค้าไปยังเมียนมาและเชื่อมโยงไปสู่ตลาดอินเดียและจีนได้ในอนาคต
โดยเครือสหพัฒน์มีความพร้อมรองรับความต้องการของพีทีที โกลบอลฯที่มีนโยบายขยายการผลิตกลุ่มสินค้าผลิตภัณฑ์พลาสติก(คลัสเตอร์)ไปยังตลาดเมียนมาโดยดึงกลุ่มลูกค้ามาขยายฐานการผลิตที่แม่สอด จ.ตาก
ทั้งนี้ สหพัฒน์ มีสวนอุตสาหกรรมอยู่ที่มีแม่สอด จ.ตากอยู่แล้ว 130 ไร่ และได้มีการซื้อที่ดินเพิ่มเติมอีก 1,000 ไร่โดยพัฒนาเฟส 2 ประมาณ 300 ไร่เพื่อรองรับผู้ประกอบการผลิตผลิตภัณฑ์พลาสติกและบรรจุภัณฑ์ ที่สนใจเข้ามาลงทุนในพื้นที่ดังกล่าว โดยจะมีอาคารโรงงานและระบบสาธารณูปโภคพร้อม ซึ่งขณะนี้มีนักลงทุนที่ให้ความสนใจแล้ว 24 รายจากทั้งหมด 40 รายที่ต้องการขยายฐานการผลิตมาลงทุนในพื้นที่ดังกล่าว ซึ่งจะเป็นการรวมตัวกันเป็นคลัสเตอร์พลาสติกในพื้นที่ดังกล่าว โดยปตท.พร้อมจะลงทุนคลังสินค้าและโลจิสติกส์เพื่อป้อนให้กับกลุ่มลูกค้าของปตท.ด้วย คาดว่าจะเห็นเม็ดเงินลงทุนเกิดขึ้นได้ในปีหน้า
นายบุณยสิทธิ์ กล่าวถึงผลการดำเนินงานของบริษัทฯในปีนี้ว่า ยอดขายของกลุ่มสหพัฒน์ในปีหน้าคาดว่าจะฟื้นตัวหลังจากปีนี้คาดว่าจะหดตัวลงเล็กน้อย ตามทิศทางเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง แต่จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐในขณะนี้ถือว่ามาถูกทาง เชื่อว่าจะช่วยกระตุ้นกำลังซื้อในประเทศให้ดีขึ้น หลังจากที่ผ่านจุดต่ำสุดมาแล้ว โดยปีนี้สินค้าอาหารทั้งมาม่าและขนมปังฟาร์มเฮ้าส์ขายดี
ส่วนการลงทุนในปีหน้าบริษัทฯได้มีการเจรจาอยู่หลายโครงการ โดยจะไม่เร่งการลงทุนมากนัก โดยจะชะลอไปบ้างรอเศรษฐกิจฟื้นตัว
ด้านนายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ ประธานกรรมการบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) กล่าวว่าความร่วมมือนี้ถือเป็นการผนึกความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ของผู้ผลิตปิโตรเคมี และผู้ผลิตสินค้าอุปโภค-บริโภคชั้นนำของไทยที่มีการใช้บรรจุภัณฑ์พลาสติกจำนวนมาก โดยจะร่วมมือในการพัฒนาบรรจุภัณฑ์ทดแทนการนำเข้าใช้วัตถุดิบในประเทศให้เกิดประโยชน์สูงสุด เพื่อลดต้นทุนการผลิต ซึ่งเป็นไปตามแนวทางการพัฒนาคลัสเตอร์เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการส่งออกสินค้าไทยตามนโยบายรัฐ
ที่ผ่านมาเมียมามีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจเป็นอันดับ 2 ของกลุ่มประเทศCLMV (กัมพูชา ลาว เมียนมาและเวียดนาม) มีการใช้ผลิตภัณฑ์พลาสติกมูลค่ากว่า 1 หมื่นล้านบาท เป็นการนำเข้าจากไทย 2.9 พันล้านบาท/ปี โดยเกือบครึ่งหนึ่งเป็นการนำเข้าผ่านอ.แม่สอด จ.ตาก
ด้านนายพัฒนพงษ์ พันธ์มีเขาว์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงความคืบหน้าการลงทุนโครงการปิโตรเคมี คอมเพล็กซ์ที่ประเทศอินโดนีเซียว่า โครงการดังกล่าวคงต้องขะลอออกไป 1-2ปี เนื่องจากรัฐบาลอินโดนีเซียให้ความสำคัญในเรื่องความมั่นคงด้านพลังงาน ทั้งโรงกลั่นน้ำมันและโรงไฟฟ้า เนื่องจากอินโดนีเซียยังขาดไฟฟ้าและน้ำมันสำเร็จรูปอยู่ ขณะที่โครงการปิโตรเคมี รัฐบาลอินโดนีเซียจะให้ความสำคัญเป็นอันดับรองลงไป ดังนั้นช่วงเวลานี้ บริษัทจะศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการดังกล่าวในพื้นที่อื่นๆนอกเหนือจากบาลองกัน
วานนี้ (4พ.ย.)พล.อ.อนันตพร กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน และนางอภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานร่วมในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการดำเนินธุรกิจระหว่างบริษัท สหพัฒนาอินเตอร์ โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) (SPI) บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอลจำกัด (มหาชน)(PTTGC) และกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์
นายบุณยสิทธิ์ โชควัฒนา ประธานกรรมการ บริษัท สหพัฒนาอินเตอร์ โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การลงนามเอ็มโอยูครั้งนี้ เพื่อร่วมมือกันพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษแม่สอด จ.ตาก ซึ่งมีความพร้อมด้านต่างๆทั้งสาธารณูปโภค โลจิสติกส์ แรงงานและการสนับสนุนสิทธิพิเศษจากภาครัฐในด้านการลงทุนและขยายตลาดสินค้าพลาสติกส่งออกสินค้าไปยังเมียนมาและเชื่อมโยงไปสู่ตลาดอินเดียและจีนได้ในอนาคต
โดยเครือสหพัฒน์มีความพร้อมรองรับความต้องการของพีทีที โกลบอลฯที่มีนโยบายขยายการผลิตกลุ่มสินค้าผลิตภัณฑ์พลาสติก(คลัสเตอร์)ไปยังตลาดเมียนมาโดยดึงกลุ่มลูกค้ามาขยายฐานการผลิตที่แม่สอด จ.ตาก
ทั้งนี้ สหพัฒน์ มีสวนอุตสาหกรรมอยู่ที่มีแม่สอด จ.ตากอยู่แล้ว 130 ไร่ และได้มีการซื้อที่ดินเพิ่มเติมอีก 1,000 ไร่โดยพัฒนาเฟส 2 ประมาณ 300 ไร่เพื่อรองรับผู้ประกอบการผลิตผลิตภัณฑ์พลาสติกและบรรจุภัณฑ์ ที่สนใจเข้ามาลงทุนในพื้นที่ดังกล่าว โดยจะมีอาคารโรงงานและระบบสาธารณูปโภคพร้อม ซึ่งขณะนี้มีนักลงทุนที่ให้ความสนใจแล้ว 24 รายจากทั้งหมด 40 รายที่ต้องการขยายฐานการผลิตมาลงทุนในพื้นที่ดังกล่าว ซึ่งจะเป็นการรวมตัวกันเป็นคลัสเตอร์พลาสติกในพื้นที่ดังกล่าว โดยปตท.พร้อมจะลงทุนคลังสินค้าและโลจิสติกส์เพื่อป้อนให้กับกลุ่มลูกค้าของปตท.ด้วย คาดว่าจะเห็นเม็ดเงินลงทุนเกิดขึ้นได้ในปีหน้า
นายบุณยสิทธิ์ กล่าวถึงผลการดำเนินงานของบริษัทฯในปีนี้ว่า ยอดขายของกลุ่มสหพัฒน์ในปีหน้าคาดว่าจะฟื้นตัวหลังจากปีนี้คาดว่าจะหดตัวลงเล็กน้อย ตามทิศทางเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง แต่จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐในขณะนี้ถือว่ามาถูกทาง เชื่อว่าจะช่วยกระตุ้นกำลังซื้อในประเทศให้ดีขึ้น หลังจากที่ผ่านจุดต่ำสุดมาแล้ว โดยปีนี้สินค้าอาหารทั้งมาม่าและขนมปังฟาร์มเฮ้าส์ขายดี
ส่วนการลงทุนในปีหน้าบริษัทฯได้มีการเจรจาอยู่หลายโครงการ โดยจะไม่เร่งการลงทุนมากนัก โดยจะชะลอไปบ้างรอเศรษฐกิจฟื้นตัว
ด้านนายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ ประธานกรรมการบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) กล่าวว่าความร่วมมือนี้ถือเป็นการผนึกความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ของผู้ผลิตปิโตรเคมี และผู้ผลิตสินค้าอุปโภค-บริโภคชั้นนำของไทยที่มีการใช้บรรจุภัณฑ์พลาสติกจำนวนมาก โดยจะร่วมมือในการพัฒนาบรรจุภัณฑ์ทดแทนการนำเข้าใช้วัตถุดิบในประเทศให้เกิดประโยชน์สูงสุด เพื่อลดต้นทุนการผลิต ซึ่งเป็นไปตามแนวทางการพัฒนาคลัสเตอร์เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการส่งออกสินค้าไทยตามนโยบายรัฐ
ที่ผ่านมาเมียมามีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจเป็นอันดับ 2 ของกลุ่มประเทศCLMV (กัมพูชา ลาว เมียนมาและเวียดนาม) มีการใช้ผลิตภัณฑ์พลาสติกมูลค่ากว่า 1 หมื่นล้านบาท เป็นการนำเข้าจากไทย 2.9 พันล้านบาท/ปี โดยเกือบครึ่งหนึ่งเป็นการนำเข้าผ่านอ.แม่สอด จ.ตาก
ด้านนายพัฒนพงษ์ พันธ์มีเขาว์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงความคืบหน้าการลงทุนโครงการปิโตรเคมี คอมเพล็กซ์ที่ประเทศอินโดนีเซียว่า โครงการดังกล่าวคงต้องขะลอออกไป 1-2ปี เนื่องจากรัฐบาลอินโดนีเซียให้ความสำคัญในเรื่องความมั่นคงด้านพลังงาน ทั้งโรงกลั่นน้ำมันและโรงไฟฟ้า เนื่องจากอินโดนีเซียยังขาดไฟฟ้าและน้ำมันสำเร็จรูปอยู่ ขณะที่โครงการปิโตรเคมี รัฐบาลอินโดนีเซียจะให้ความสำคัญเป็นอันดับรองลงไป ดังนั้นช่วงเวลานี้ บริษัทจะศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการดังกล่าวในพื้นที่อื่นๆนอกเหนือจากบาลองกัน