นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ในช่วง 2 เดือนที่เหลือปีนี้จะมีการประชุมผู้อำนวยสำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ หรือ ทูตพาณิชย์แต่ละประเทศ เพื่อประเมินสถานการณ์การค้าทุกตลาดใหม่อีกครั้งก่อนกำหนดเป้าหมายการส่งออกปี 2559 โดยเบื้องต้นคาดว่าตัวเลขการส่งออกปีหน้าจะดีกว่าปีนี้ ที่คาดการณ์ว่าจะติดลบไม่ต่ำกว่าร้อยละ 3 ซึ่งปีหน้าจะเป็นบวกหรือไม่คงต้องรอผลการประชุมทูตพาณิชย์แต่ละภูมิภาคก่อน แต่เชื่อว่าจากหลายปัจจัยทั้งตลาดโลกและแนวทางการสนับสนุนของรัฐบาลจะหนุนให้การส่งออกไทยปีหน้ากลับมาดีขึ้นได้
อย่างไรก็ตาม กระทรวงพาณิชย์ได้มีการปรับแผนการตลาดและกำหนดยุทธศาสตร์การค้าให้ไทยเป็นศูนย์กลางการค้าของภูมิภาค เพื่อเร่งผลักดันการส่งออกช่วงที่เหลือของปีนี้ ดังนั้น ปีหน้าไทยจะเน้นผลักดันกลุ่มสินค้าบริการ ซึ่งต้องได้รับการพัฒนาจากเดิมที่ไทยเป็นผู้นำด้านสินค้าสุขภาพและความงามเป็นที่ยอมรับของคนทั่วโลกและในกลุ่มนี้มีเม็ดเงินหลายแสนล้านบาทและมีอัตราการเติบโตดีมากแต่ละปี
ทั้งนี้ ตามแผนมาตรการระยะสั้นโดยเฉพาะการทำตลาดต่างประเทศตามนโยบายของนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ที่จะเร่งผลักดันในช่วงที่เหลือของปีนี้ เช่น การนำคณะผู้แทนการค้าของกระทรวงพาณิชย์ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) และผู้ประกอบการเดินทางไปโรดโชว์ประเทศญี่ปุ่นช่วงกลางเดือนพฤศจิกายนนี้ รวมถึงประเทศอิหร่าน และต่อเนื่องไปจนถึงปีหน้าที่จะไปร่วมงานแสดงสินค้าที่ประเทศโมร็อกโก
ส่วนนโยบายสร้างความเข้มแข็งด้านเศรษฐกิจภายในประเทศที่มอบหมายให้กรมพัฒนาธุรกิจการค้าไปพัฒนาผู้ประกอบการค้าปลีก-ค้าส่งในชุมชนโดยการช่วยพัฒนาระบบบริหารจัดการการเงิน การทำหน้าร้านและการติดต่อกับเครือข่ายค้าปลีกต่าส่งด้วยกัน ซึ่งขณะนี้มีผู้ประกอบการเข้าร่วมและได้รับการช่วยเหลือแล้วกว่า 3,000 ราย ซึ่งมีเครือข่ายครอบคลุม 55 จังหวัด โดยตั้งเป้าหมายจะให้ครอบคลุมทั่วประเทศภายในปีหน้า ส่วนกรมการค้าภายในจะเน้นพัฒนาชุมชนเป็นเมืองอินทรีย์หรือแหล่งจำหน่ายสินค้าปลอดสารพิษ เพื่อให้ตรงกับกระแสความต้องการของผู้บริโภคในปัจจุบันล่าสุดมีจังหวัดที่เข้าร่วม เช่น สระบุรี ราชบุรี เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม กระทรวงพาณิชย์ได้มีการปรับแผนการตลาดและกำหนดยุทธศาสตร์การค้าให้ไทยเป็นศูนย์กลางการค้าของภูมิภาค เพื่อเร่งผลักดันการส่งออกช่วงที่เหลือของปีนี้ ดังนั้น ปีหน้าไทยจะเน้นผลักดันกลุ่มสินค้าบริการ ซึ่งต้องได้รับการพัฒนาจากเดิมที่ไทยเป็นผู้นำด้านสินค้าสุขภาพและความงามเป็นที่ยอมรับของคนทั่วโลกและในกลุ่มนี้มีเม็ดเงินหลายแสนล้านบาทและมีอัตราการเติบโตดีมากแต่ละปี
ทั้งนี้ ตามแผนมาตรการระยะสั้นโดยเฉพาะการทำตลาดต่างประเทศตามนโยบายของนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ที่จะเร่งผลักดันในช่วงที่เหลือของปีนี้ เช่น การนำคณะผู้แทนการค้าของกระทรวงพาณิชย์ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) และผู้ประกอบการเดินทางไปโรดโชว์ประเทศญี่ปุ่นช่วงกลางเดือนพฤศจิกายนนี้ รวมถึงประเทศอิหร่าน และต่อเนื่องไปจนถึงปีหน้าที่จะไปร่วมงานแสดงสินค้าที่ประเทศโมร็อกโก
ส่วนนโยบายสร้างความเข้มแข็งด้านเศรษฐกิจภายในประเทศที่มอบหมายให้กรมพัฒนาธุรกิจการค้าไปพัฒนาผู้ประกอบการค้าปลีก-ค้าส่งในชุมชนโดยการช่วยพัฒนาระบบบริหารจัดการการเงิน การทำหน้าร้านและการติดต่อกับเครือข่ายค้าปลีกต่าส่งด้วยกัน ซึ่งขณะนี้มีผู้ประกอบการเข้าร่วมและได้รับการช่วยเหลือแล้วกว่า 3,000 ราย ซึ่งมีเครือข่ายครอบคลุม 55 จังหวัด โดยตั้งเป้าหมายจะให้ครอบคลุมทั่วประเทศภายในปีหน้า ส่วนกรมการค้าภายในจะเน้นพัฒนาชุมชนเป็นเมืองอินทรีย์หรือแหล่งจำหน่ายสินค้าปลอดสารพิษ เพื่อให้ตรงกับกระแสความต้องการของผู้บริโภคในปัจจุบันล่าสุดมีจังหวัดที่เข้าร่วม เช่น สระบุรี ราชบุรี เป็นต้น