ASTVผู้จัดการรายวัน-"จักรทิพย์"ตั้งโต๊ะแถลงแจงรายละเอียดคดีหมิ่น พร้อมนำทรัพย์ของกลางมาโชว์ เผย "หมอหยอง-สว.เอี๊ยด" มีความผิดรวม 13 คดี มีพฤติการณ์แอบอ้างสถาบันฯ เรียกรับผลประโยชน์จากเอกชน ตั้งแต่ 1 แสนถึง 4.7 ล้านบาท และขอเลขสวยจาก กสทช. เหตุเกิดตั้งแต่มิ.ย.-ต.ค.ที่ผ่านมา ระบุยักยอกทรัพย์สินจากคดี "พงศ์พัฒน์" บางส่วนถูกถ่ายโอนไปให้ญาติ ยัน "ประวุฒิ" ยังอยู่ในราชการ และเบื้องต้นไม่พบหลักฐานเกี่ยวข้องคดี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลาประมาณ 14.00 น. วานนี้ (28 ต.ค.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) พร้อมด้วย พล.ต.อ.เดชณรงค์ สุทธิชาญบัญชา โฆษก ตร. พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพรามณกุล รรท. รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผบช.ก. ร่วมแถลงความคืบคดีกลุ่มบุคคลแอบอ้างสถาบันเบื้องสูง เพื่อแสวงหาผลประโยชน์ อันเป็นการกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112
ทั้งนี้ ได้มีการนำของกลางที่ตรวจยึดได้จากบ้านพักผู้ต้องหามาแสดง อาทิ อาวุธปืนของทางราชการ วิทยุสื่อสาร ชุดพระเครื่อง อัญมณี และอื่นๆ อีกหลายรายการ ซึ่งบางส่วนเกี่ยวข้องกับ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อดีต ผบช.ก. หลังจากมีการรวบรวมพยานหลักฐานและสอบสวนจากผู้ต้องหา 3 ราย ทั้งนายสุริยัน สุจริตพลวงศ์ หรือหมอหยอง นายจิรวงศ์ วัฒนเทวาศิลป์ และพ.ต.ต.ปรากรม วารุณประภา หรือสว.เอี๊ยด อดีตสารวัตร ปอท. ซึ่งเสียชีวิตระหว่างถูกควบคุมตัว
***เผย"ประวุฒิ"ยังไม่ยื่นใบลาออก
พล.ต.อ.จักรทิพย์ กล่าวว่า ตามที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) สืบทราบมีกลุ่มบุคคลแอบอ้างสถาบันกระทำความผิดเพื่อให้ประชาชนเข้าใจว่าใกล้ชิดกับเบื้องสูง รวมทั้งการกระทำความผิดสร้างความเสียหายต่อสถาบันและเป็นวงกว้าง ต่อมามีการตั้งคณะกรรมการคดีหมิ่นเบื้องสูง นำโดย พล.ต.ท.ศรีวราห์ เป็นหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวน พล.ต.ท.ฐิติราช เป็นรองหัวหน้าชุดทำงานสืบสวน ซึ่งของกลางส่วนใหญ่ตรวจยึดมาได้จากห้องพักของ พ.ต.ต.ปรากรม
ส่วนกระแสข่าวที่ว่า พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ที่ปรึกษา สบ 10 ลาออกจากราชการนั้น ยืนยันว่า พล.ต.อ.ประวุฒิ ยังอยู่ในราชการและตนไม่ได้รับใบลาใดๆ ทั้งสิ้น
***เผยผู้ต้องหาทำผิดทั้งหมด 13 คดี
ต่อมา พล.ต.ต.ชยพล ฉัตรชัยเดช ผบก.น.6 ได้แถลงถึงพฤติการณ์การกระทำผิดของผู้ต้องหาทั้งหมด 13 คดี โดยมี พ.อ.วิจารณ์ จดแตง นายทหารพระธรรมนูญ ในฐานะหัวหน้าส่วนปฏิบัติการ คณะทำงานกฎหมายส่วนรักษาความสงบ คสช. เป็นผู้ร้องทุกข์ในนามกองทัพ และมีผู้ต้องหาทั้ง 3 รายเป็นผู้ถูกกล่าวหา ซึ่งนายสุริยัน และนายจิรวงศ์ ถูกตั้งข้อกล่าวหา “ร่วมกันหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์” ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และ พ.ต.ต.ปรากรม ถูกตั้งข้อหา “มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ในครอบครองมี และใช้วิทยุคมนาคมโดยไม่ได้รับอนุญาต ตั้งวิทยุคมนาคมโดยไม่ได้รับอนุญาต ปลอมเอกสารราชการ และใช้เอกสารราชการปลอม และข้อหาร่วมกันหมิ่นประมาท ดูหมิ่นหรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ฯ”
"พฤติการณ์การกระทำผิดทั้ง 13 คดี เป็นการแอบอ้างสถาบันเบื้องสูง เพื่อขอรับการสนับสนุนการทำสิ่งของจากบริษัทเอกชนในกรุงเทพฯ สมุทรปราการ พระนครศรีอยุธยา และนนทบุรี แล้วเรียกรับผลประโยชน์ ซึ่งทำให้ได้รับผลประโยชน์เป็นเงินรายละตั้งแต่ 1 แสน ถึง 4.7 ล้านบาท รวมถึงการแอบอ้างสถาบันเบื้องสูงเพื่อขอหมายเลขโทรศัพท์เลขสวยจาก กสทช. และคดีการครอบครองอาวุธปืน มีวิทยุสื่อสารโดยไม่ได้รับยอนุญาต ปลอม และใช้เอกสารราชการปลอม เหตุเกิดช่วงเดือน มิ.ย.-ต.ค.2558"
***ยังไม่พบหลักฐาน"ประวุฒิ"เกี่ยวข้อง
พล.ต.อ.จักรทิพย์ กล่าวต่อว่า คดีนี้มีความคล้ายคลังกับคดีหมิ่นเบื้องสูงของ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อดีต ผบช.ก. ซึ่งของกลางทั้งหมดที่ยึดได้จาก นายสุริยัน ผู้ต้องหาครั้งนี้ได้ถูกยักยอกมา และมีถ่ายโอนทรัพย์สินบางส่วนให้กับญาติ ขณะนี้ยังไม่พบหลักฐานว่า พล.ต.อ.ประวุฒิ ถาวรศิริ ที่ปรึกษา สบ 10 เข้ามาเกี่ยวข้องในคดีนี้ ยืนยันว่า การเปลี่ยนตัว ทีมโฆษก ตร. เป็นเรื่องการบริหารภายใน เมื่อครบวงรอบก็เปลี่ยน ส่วนการลาไปต่างประเทศก็เป็นสิทธิของ พล.ต.อ.ประวุฒิ อาจจะเป็นการลาไว้ตั้งแต่สมัย พล.ต.อ.สมยุศ พุ่มพันธุ์ม่วง เป็น ผบ.ตร. เพื่อไปพักผ่อน
***แย้มเตรียมออกหมายจับเพิ่มอีก
พล.ต.ท.ศรีวราห์ ยืนยันว่า มีบุคคลอื่นเกี่ยวข้องในคดีหมิ่นเบื้องสูง แต่อยู่ระหว่างรอศาลอนุมัติหมายจับ ตอนนี้ยังตอบไม่ได้ว่าเป็นใคร เพราะอยู่ในสำนวนคดี ซึ่งหากพยานหลักฐานพาดพิงถึงใครต้องดำเนินคดีทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นข้าราชการสังกัดไหน
พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผบช.ก. กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับ 8 นายตำรวจที่ถูกคำสั่งโยกย้ายไปก่อนหน้านี้ มีความเกี่ยวข้องกับ พ.ต.ต.ปรากรม ซึ่งแสดงให้เห็นว่ามีเจตนาหลีกเลี่ยงซ่อนเร้นทรัพย์สิน
///////////
ล้อมกรอบ
เปิดรายละเอียด13คดี
สำหรับรายละเอียดที่คณะพนักงานสืบสวนสอบสวนได้มีการดำเนินคดี จนถึง ณ ปัจจุบันนี้ มีทั้งสิ้น 13 คดี ดังนี้
คดีที่ 1 เลขคดีที่ 96/2558 ประจำวัน ข้อ 4 เวลา 17.00 น. วันที่ 16 ต.ค.2558 ผู้กล่าวหา คือ พล.ต.วิจารณ์ จดแตง ผู้ต้องหา คือนายสุริยัน สุจริตพลวงศ์ หรือหมอหยอง พ.ต.ต.ปรากรม วารุณประภา นายจิรวงศ์ วัฒนเทวาศิลป์ ข้อหาที่ถูกดำเนินคดี ร่วมกันหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้าย สถานที่เกิดเหตุ หมู่ 17 ต.บางพลีใหญ่ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ เป็นบริษัทเอกชน พฤติการณ์ คือ เมื่อวันที่ 25 ส.ค.2558 และวันที่ 3 ก.ย.2558 ผู้ต้องหาดังกล่าวทั้ง 3 คน ได้ร่วมกันแอบอ้างเป็นผู้แทนพระองค์ นำการ์ดขอบคุณไปมอบให้กับบริษัทเอกชน
คดีที่ 2 เลขคดีที่ 97/2558 ประจำวัน ข้อ 6 เวลา 18.00 น. วันที่ 19 ต.ค.2558 ที่กองปราบปราม ผู้กล่าวหา คือ พ.ต.ท.มนต์ชัย วงษ์ชาตรี พ.ต.ท.สหภูมิ สง่าเมือง พ.ต.ต.นฤทธิ์ ผูกจิตร ผู้ต้องหา คือ พ.ต.ต.ปรากรม วารุณประภา กับพวก ข้อหาคือ มีอาวุธปืน ที่นายทะเบียนไม่สามารถออกให้ได้ไว้ในความครอบครอง ตั้งสถานี มีและใช้วิทยุคมนาคมโดยไม่ได้รับอนุญาต ปลอมและใช้เอกสารราชการปลอม สถานที่เกิดเหตุ คอนโดฯ ลาเมซอง แขวงจอมพล เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร พฤติการณ์ทางคดี เมื่อวันที่ 16 ต.ค.2558 เจ้าหน้าที่ทหารได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าตำรวจทำการค้นคอนโดลาเมอซอง พบอาวุธ วิทยุ และรถยนต์ และสิ่งที่ผิดกฎหมาย อยู่ภายในห้องผู้ต้องหา
คดีที่ 3 คดีที่ 99/2558. ประจำวันข้อ 3 เวลา 14.00 น. วันที่ 27 ต.ค.2558 ที่กองปราบปราม ผู้กล่าวหา คือ พ.ต.ท.ปรเมษฐ์ แก้วนาค และบริษัท สามารถเทเลคอม กับพวก ข้อหา มีและตั้งวิทยุคมนาคมโดยไม่ได้รับอนุญาต สถานที่เกิดเหตุ อาคารใบหยก 2 แขวงถนนพญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพมหานคร พฤติการณ์ คือ เมื่อวันที่ 22 ต.ค.2558 ได้มีการตรวจพบเครื่องรับ-ส่งวิทยุแบบรบกวนสัญญาณ ย่านความถี่ UHF ยี่ห้อโมโตโรลา รุ่นแควนตาร์ ของ พ.ต.ต.ปรากรม ติดตั้งอยู่บนชั้นที่ 84 ของอาคารใบหยก 2
คดีที่ 4 เลขคดีที่ 100/2558 ประจำวัน ข้อ 4 เวลา 15.00 น. วันที่ 27 ต.ค.2558 ที่กองปราบปราม ผู้กล่าวหา คือ พ.ต.ท.มนต์ชัย วงษ์ชาตรี ผู้ต้องหาคือ พ.ต.ต.ปรากรม วารุณประภา ข้อหามีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนที่นายทะเบียนไม่สามารถออกให้ได้ไว้ในความครอบครอง สถานที่เกิดเหตุ กองบังคับการปราบปราม ถนนพหลโยธิน แขวงจอมพล เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร พฤติการณ์ เมื่อวันที่ 21 ต.ค.2558 ได้มีการตรวจค้นรถโตโยต้า เวนจูรี่ ที่ยึดมาจากคอนโดฯ ลาเมซอง พบอาวุธปืน เอชเค 53 จำนวน 1 กระบอก พร้อมด้วยกระสุน 80 นัด
คดีที่ 5 คดีอาญาที่ 101/2558 ประจำวัน ข้อ 6 เวลา 16.00 น. วันที่ 27 ต.ค.2558 ที่กองปราบปราม ผู้กล่าวหา พ.ต.ท.มนต์ชัย วงษ์ชาตรี ผู้ต้องหา คือ นายศุกร์โข ตามเสรี ข้อหามีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต เหตุเกิดที่แขวงบางโคล่ เขตบางคอแหลม กรุงเทพมหานคร พฤติการณ์ในทางคดี เมื่อวันที่ 23 ต.ค.2558 เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจรถ พบอาวุธปืนขนาด .38 ที่บ้านพักของผู้ต้องหาดังกล่าว
คดีที่ 6 คดีที่ 102/2558 ประจำวัน ข้อ 7 เวลา 16.30 น. วันที่ 27 ต.ค.2558 ที่กองปราบปราม ผู้กล่าวหา คือ พ.ต.ท.มนต์ชัย วงษ์ชาตรี ผู้ต้องหาคือ พ.ต.ต.ปรากรม วารุณประภา กับพวก ข้อหาร่วมกันหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้าย สถานที่เกิดเหตุ บ้านเลขที่ 89/364 หมู่ 3 ต.บางแม่นาง อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี พฤติการณ์ เมื่อวันที่ 28 ก.ย.2558 ผู้ต้องหา กับพวก ได้แอบอ้างสถาบันเบื้องสูงเรียกและรับผลประโยชน์จากภาคเอกชน
คดีที่ 7 เลขคดีที่ 103/2558 ประจำวัน ข้อ 8 เวลา 17.00 น. วันที่ 27 ต.ค.2558 ที่กองบังคับการปราบปราม ผู้กล่าวหา คือ พล.ต.วิจารณ์ จดแตง ผู้ต้องหา คือ นายสุริยัน สุจริตพลวงศ์ พ.ต.ต.ปรากรม วารุณประภา นายจิรวงศ์ วัฒนเทวาศิลป์ ข้อหาคือ ร่วมกันหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้าย สถานที่ สถานที่เกิดเหตุ บริษัทเอกชนแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ พฤติการณ์คือ ผู้ต้องหา กับพวก แอบอ้างสถาบันเบื้องสูง ขอรับการสนับสนุนจัดทำสิ่งของและได้รับผลประโยชน์จากการดำเนินการดังกล่าว เป็นเงินจำนวน 300,000 บาท
คดีที่ 8 คดีที่ 104/2558 ประจำวัน ข้อ 9 เวลา 17.30 น. วันที่ 27 ต.ค.2558 ที่กองปราบปราม ผู้กล่าวหา คือ พล.ต.วิจารณ์ จดแตง ผู้ต้องหาคือ นายสุริยัน สุจริตพลวงศ์ นายจิรวงศ์ วัฒนเทวาศิลป์ ข้อหาร่วมกันหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้าย สถานที่เกิดเหตุเป็นบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งในกรุงเทพมหานคร พฤติการณ์ในทางคดี เมื่อเดือนมิ.ย.2558 ผู้ต้องหา กับพวก แอบอ้างสถาบันเบื้องสูง ขอรับการสนับสนุนจัดทำสิ่งของและได้นรับผลประโยชน์จากการดำเนินการดังกล่าวเป็นเงินจำนวน 300,000 บาท
คดีที่ 9 คดีที่ 105/2558 ประจำวันข้อ 10 เวลา 18.00 น. วันที่ 27 ต.ค.2558 ที่กองบังคับการปราบปราม ผู้กล่าวหา คือ พล.ต.วิจารณ์ จดแตง ผู้ต้องหาคือ นายสุริยัน สุจริตพลวงศ์ นายจิรวงศ์ วัฒนเทวาศิลป์ ข้อหาร่วมกันหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้าย สถานที่เกิดเหตุเป็นบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งในพื้นที่ จ.พระนครศรีอยุธยา พฤติการณ์ในทางคดี เมื่อเดือนมิ.ย.2558 ผู้ต้องหา กับพวก แอบอ้างสถาบันเบื้องสูง ขอรับการสนับสนุนจัดทำสิ่งของและได้นรับผลประโยชน์จากการดำเนินการดังกล่าวเป็นเงินจำนวน 100,000 บาท
คดีที่ 10 คดีที่ 106/2558 ประจำวันข้อ 11 เวลา 18.00 น. วันที่ 27 ต.ค.2558 ที่กองบังคับการปราบปราม ผู้กล่าวหา คือ พล.ต.วิจารณ์ จดแตง ผู้ต้องหาคือ นายสุริยัน สุจริตพลวงศ์ นายจิรวงศ์ วัฒนเทวาศิลป์ ข้อหาร่วมกันหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้าย สถานที่เกิดเหตุเป็นบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งในพื้นที่ จ.สมุทรปราการ พฤติการณ์ในทางคดี เมื่อเดือนมิ.ย.2558 ผู้ต้องหา กับพวก แอบอ้างสถาบันเบื้องสูง ขอรับการสนับสนุนจัดทำสิ่งของและได้รับผลประโยชน์จากการดำเนินการดังกล่าวเป็นเงินจำนวน 300,000 บาท
คดีที่ 11 คดีที่ 107/2558 ประจำวันข้อ 12 เวลา 18.00 น. วันที่ 27 ต.ค.2558 ที่กองบังคับการปราบปราม ผู้กล่าวหาคือ พล.ต.วิจารณ์ จดแตง ผู้ต้องหาคือ นายสุริยัน สุจริตพลวงศ์ นายจิรวงศ์ วัฒนเทวาศิลป์ ข้อหาร่วมกันหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้าย สถานที่เกิดเหตุเป็นบริษัทเอกชน จ.สมุทรปราการ พฤติการณ์คือ เมื่อเดือนมิ.ย.2558 ผู้ต้องหา กับพวก แอบอ้างสถาบันเบื้องสูง ขอรับการสนับสนุนจัดทำสิ่งของและเรียกรับผลประโยชน์จากการดำเนินการดังกล่าวเป็นเงินจำนวน 200,000 บาท
คดีที่ 12 คดีอาญาที่ 108/2558 ประจำวันข้อ 13 เวลา 19.30 น. วันที่ 27 ต.ค.2558 ที่กองบังคับการปราบปราม ผู้กล่าวหา คือ พล.ต.วิจารณ์ จดแตง ผู้ต้องหาคือ พ.ต.ต.ปรากรม วารุณประภา กับพวก ข้อหาร่วมกันหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้าย สถานที่เกิดเหตุ บริษัทเอกชนในเขตกรุงเทพมหานคร พฤติการณ์ในทางคดี กล่าวคือ เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม ถึงวันที่ 18 ต.ค.2558 ผู้ต้องหากับพวก แอบอ้างสถาบันเบื้องสูง ขอรับการสนับสนุนจัดทำสิ่งของและได้รับผลประโยชน์จากการดำเนินการดังกล่าวเป็นเงินจำนวน 4,700,000 บาท
คดีที่ 13 คดีที่ 109/2558 ประจำวันข้อ 14 เวลา 20.00 น. วันที่ 27 ต.ค.2558 กองบังคับการตำรวจปราบปราม ผู้กล่าวหาคือ พล.ต.วิจารณ์ จดแตง ผู้ต้องหาคือ พ.ต.ต.ปรากรม วารุณประภา กับพวก ข้อหาร่วมกันหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้าย สถานที่เกิดเหตุ สำนักงาน กสทช. แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กรุงเทพมหานคร พฤติการณ์ในทางคดี ระหว่างเดือนก.ย.2558 ถึงเดือนต.ค.2558 ผู้ต้องหา กับพวก ได้แอบอ้างสถาบันเบื้องสูงขอรับการสนับสนุนหมายเลขโทรศัพท์เลขสวยจาก กสทช.