ผบ.ตร.ยันหลักฐานยังสาวไม่ถึง"ประวุฒิ"เอี่ยวคดีหมิ่นเบื้องสูง "ศรีวราห์" ระบุรอศาลอนุมัติหมายจับเพิ่ม แล้วจะรู้เองว่าเป็นใคร เผยหมอหยอง-ปรากรม ยักยอกทรัพย์สินมาจากคดี"พงศ์พัฒน์" มีการถ่ายโอนให้ญาติ
วันนี้ (28 ต.ค.) เวลา 14.00 น. สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.อ.เดชณรงค์ สุทธิชาญบัญชา โฆษก ตร. พล.ต.ท.ศรีวราห์ รรท. รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผบช.ก. ร่วมแถลงความคืบหน้าเกี่ยวกับคดีหมิ่นเบื้องสูง พร้อมนำของกลางที่ตรวจยึดได้จากบ้านพักผู้ต้องหามาแสดง อาทิ อาวุธปืนของทางราชการ วิทยุสื่อสาร ชุดพระเครื่อง อัญมณี และอื่นๆอีกหลายรายการ ซึ่งบางส่วนเกี่ยวข้องกับ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อดีต ผบช.ก. หลังจากมีการรวบรวมพยานหลักฐานและสอบสวนจากผู้ต้องหา 3 ราย ทั้ง "หมอหยอง " นายสุริยัน สุจริตพลวงศ์ นายจิรวงศ์ วัฒนเทวาศิลป์ และ "สว.เอี๊ยด" พ.ต.ต.ปรากรม วารุณประภา อดีตสารวัตร ปอท. ซึ่งเสียชีวิตระหว่างถูกควบคุมตัว
พล.ต.อ.จักรทิพย์ เผยว่า ตามคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) สืบทราบมีกลุ่มบุคคลแอบอ้างสถาบันกระทำความผิดเพื่อให้ประชาชนเข้าใจว่าใกล้ชิดกับเบื้องสูง รวมทั้ง การกระทำความผิดสร้างความเสียหายต่อสถาบันและเป็นวงกว้าง ต่อมา ได้มีหนังสือคำสั่ง ตร.ที่ 578/2558 เรื่องแต่งตั้งพนักงานสืบสวนสอบสวน ลงวันที่ 16 ต.ค. ระบุว่า มีบุคคลแอบอ้างสถาบันเบื้องสูง เข้าข่ายเป็นความผิดตามประมวลกฏหมายอาญามาตรา 112 จึงแต่งตั้งคณะกรรมการ นำโดย พล.ต.ท.ศรีวราห์ เป็นหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวน พล.ต.ท.ฐิติราช เป็นรองหัวหน้าชุดทำงานสืบสวน ซึ่งของกลางส่วนใหญ่ตรวจยึดมาได้จากห้องพักของ พ.ต.ต.ปรากรม วารุณประภา นอกจากนี้ พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ยังอยู่ในราชการและตนไม่ได้รับใบลาใดๆทั้งสิ้น
ด้าน พล.ต.ต.ชยพล ฉัตรชัยเดช ผบก.น.6 กล่าวว่า ผู้ต้องหาทั้งหมดถูกดำเนินข้อหา 13 คดี โดยมี พ.อ.วิจารณ์ จดแตง นายทหารพระธรรมนูญ ในฐานะหัวหน้าส่วนปฏิบัติการ คณะทำงานกฎหมายส่วนรักษาความสงบ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นผู้ร้องทุกข์ในนามกองทัพ และมีผู้ต้องหาทั้ง 3 รายเป็นผู้ถูกกล่าวหา ซึ่ง "หมอหยอง" นายสุริยัน สุจริตพลวงศ์ และ นายจิรวงศ์ วัฒนเทวาศิลป์ มีข้อหา "ร่วมกันหมิ่นประมาท ดูหมิ่นหรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์" และ พ.ต.ต.ปรากรม วารุณประภา ข้อหา "มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ในครอบครองมีและใช้วิทยุคมนาคมโดยไม่ได้รับอนุญาตฯ ตั้งวิทยุคมนาคมโดยไม่ได้รับอนุญาต ปลอมเอกสารราชการ และ ใช้เอกสารราชการปลอม และ ข้อหาร่วมกันหมิ่นประมาท ดูหมิ่นหรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ฯ" ส่วนใหญ่เป็นการแอบอ้างสถาบันเพื่อเรียกรับผลประโยชน์จากบริษัทเอกชนในกรุงเทพฯ สมุทรปราการ และนนทบุรี
พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. กล่าวว่าคดีนี้มีความคล้ายคลังกับคดีหมิ่นเบื้องสูงของพล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อดีตผบช.ก. ซึ่งของกลางทั้งหมดที่ยึดได้จาก นายสุริยัน หรือ หมอหยอง สุจริตพลวงศ์ ผู้ต้องหาครั้งนี้ได้ถูกยักยอกมาและมีถ่ายโอนทรัพย์สินบางส่วนให้กับญาติ ขณะนี้ยังไม่พบหลักฐานว่าพล.ต.อ.ประวุฒิ ถาวรศิริ ที่ปรึกษาสบ. 10 เข้ามาเกี่ยวข้องในคดีนี้ ยืนยันว่าการเปลี่ยนตัว ทีมโฆษกตร. เป็นเรื่องการบริหารภายใน เมื่อครบวงรอบก็เปลี่ยน
พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล พรมณกุล รรท.รองผบ.ตร. ยืนยันมีบุคคลอื่นเกี่ยวข้องในคดีหมิ่นเบื้องสูง แต่อยู่ระหว่างรอศาลอนุมัติหมายจับ ตอนนี้ยังตอบไม่ได้ว่าเป็นใครเพราะอยู่ในสำนวนคดี ซึ่งหากพยานหลักฐานพาดพิงถึงใครต้องดำเนินคดีทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นข้าราชการสังกัดไหน
ด้านพล.ต.ท.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผบช.ก.กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับ 8 นายตร.ที่ถูกคำสั่งโยกย้ายไปก่อนหน้านี้ มีความเกี่ยวข้องกับพ.ต.ต.ปรากรม หรือ สารวัตรเอี๊ยด วารุณประภา สว.กก.1 บก.ปอท. ซึ่งแสดงให้เห็นว่ามีเจตนาหลีกเลี่ยงซ่อนเร้นทรัพย์สิน
วันนี้ (28 ต.ค.) เวลา 14.00 น. สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.อ.เดชณรงค์ สุทธิชาญบัญชา โฆษก ตร. พล.ต.ท.ศรีวราห์ รรท. รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผบช.ก. ร่วมแถลงความคืบหน้าเกี่ยวกับคดีหมิ่นเบื้องสูง พร้อมนำของกลางที่ตรวจยึดได้จากบ้านพักผู้ต้องหามาแสดง อาทิ อาวุธปืนของทางราชการ วิทยุสื่อสาร ชุดพระเครื่อง อัญมณี และอื่นๆอีกหลายรายการ ซึ่งบางส่วนเกี่ยวข้องกับ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อดีต ผบช.ก. หลังจากมีการรวบรวมพยานหลักฐานและสอบสวนจากผู้ต้องหา 3 ราย ทั้ง "หมอหยอง " นายสุริยัน สุจริตพลวงศ์ นายจิรวงศ์ วัฒนเทวาศิลป์ และ "สว.เอี๊ยด" พ.ต.ต.ปรากรม วารุณประภา อดีตสารวัตร ปอท. ซึ่งเสียชีวิตระหว่างถูกควบคุมตัว
พล.ต.อ.จักรทิพย์ เผยว่า ตามคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) สืบทราบมีกลุ่มบุคคลแอบอ้างสถาบันกระทำความผิดเพื่อให้ประชาชนเข้าใจว่าใกล้ชิดกับเบื้องสูง รวมทั้ง การกระทำความผิดสร้างความเสียหายต่อสถาบันและเป็นวงกว้าง ต่อมา ได้มีหนังสือคำสั่ง ตร.ที่ 578/2558 เรื่องแต่งตั้งพนักงานสืบสวนสอบสวน ลงวันที่ 16 ต.ค. ระบุว่า มีบุคคลแอบอ้างสถาบันเบื้องสูง เข้าข่ายเป็นความผิดตามประมวลกฏหมายอาญามาตรา 112 จึงแต่งตั้งคณะกรรมการ นำโดย พล.ต.ท.ศรีวราห์ เป็นหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวน พล.ต.ท.ฐิติราช เป็นรองหัวหน้าชุดทำงานสืบสวน ซึ่งของกลางส่วนใหญ่ตรวจยึดมาได้จากห้องพักของ พ.ต.ต.ปรากรม วารุณประภา นอกจากนี้ พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ยังอยู่ในราชการและตนไม่ได้รับใบลาใดๆทั้งสิ้น
ด้าน พล.ต.ต.ชยพล ฉัตรชัยเดช ผบก.น.6 กล่าวว่า ผู้ต้องหาทั้งหมดถูกดำเนินข้อหา 13 คดี โดยมี พ.อ.วิจารณ์ จดแตง นายทหารพระธรรมนูญ ในฐานะหัวหน้าส่วนปฏิบัติการ คณะทำงานกฎหมายส่วนรักษาความสงบ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นผู้ร้องทุกข์ในนามกองทัพ และมีผู้ต้องหาทั้ง 3 รายเป็นผู้ถูกกล่าวหา ซึ่ง "หมอหยอง" นายสุริยัน สุจริตพลวงศ์ และ นายจิรวงศ์ วัฒนเทวาศิลป์ มีข้อหา "ร่วมกันหมิ่นประมาท ดูหมิ่นหรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์" และ พ.ต.ต.ปรากรม วารุณประภา ข้อหา "มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ในครอบครองมีและใช้วิทยุคมนาคมโดยไม่ได้รับอนุญาตฯ ตั้งวิทยุคมนาคมโดยไม่ได้รับอนุญาต ปลอมเอกสารราชการ และ ใช้เอกสารราชการปลอม และ ข้อหาร่วมกันหมิ่นประมาท ดูหมิ่นหรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ฯ" ส่วนใหญ่เป็นการแอบอ้างสถาบันเพื่อเรียกรับผลประโยชน์จากบริษัทเอกชนในกรุงเทพฯ สมุทรปราการ และนนทบุรี
พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. กล่าวว่าคดีนี้มีความคล้ายคลังกับคดีหมิ่นเบื้องสูงของพล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อดีตผบช.ก. ซึ่งของกลางทั้งหมดที่ยึดได้จาก นายสุริยัน หรือ หมอหยอง สุจริตพลวงศ์ ผู้ต้องหาครั้งนี้ได้ถูกยักยอกมาและมีถ่ายโอนทรัพย์สินบางส่วนให้กับญาติ ขณะนี้ยังไม่พบหลักฐานว่าพล.ต.อ.ประวุฒิ ถาวรศิริ ที่ปรึกษาสบ. 10 เข้ามาเกี่ยวข้องในคดีนี้ ยืนยันว่าการเปลี่ยนตัว ทีมโฆษกตร. เป็นเรื่องการบริหารภายใน เมื่อครบวงรอบก็เปลี่ยน
พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล พรมณกุล รรท.รองผบ.ตร. ยืนยันมีบุคคลอื่นเกี่ยวข้องในคดีหมิ่นเบื้องสูง แต่อยู่ระหว่างรอศาลอนุมัติหมายจับ ตอนนี้ยังตอบไม่ได้ว่าเป็นใครเพราะอยู่ในสำนวนคดี ซึ่งหากพยานหลักฐานพาดพิงถึงใครต้องดำเนินคดีทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นข้าราชการสังกัดไหน
ด้านพล.ต.ท.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผบช.ก.กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับ 8 นายตร.ที่ถูกคำสั่งโยกย้ายไปก่อนหน้านี้ มีความเกี่ยวข้องกับพ.ต.ต.ปรากรม หรือ สารวัตรเอี๊ยด วารุณประภา สว.กก.1 บก.ปอท. ซึ่งแสดงให้เห็นว่ามีเจตนาหลีกเลี่ยงซ่อนเร้นทรัพย์สิน